จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
นักวิชาการกรมอุทยาน เปิดไอเดียใหม่ใช้นายทุนรีสอร์ท เป็น"ผู้รับจ้างบริการ"โดยมีรัฐกำกับและกำหนดเงื่อนไขประโยชน์
จากกรณีที่นายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เผยแนวทางออกเพื่อแก้ปัญหารีสอร์ทในเขตป่าที่อุทยานแห่งชาติทับลานในเขตพื้นที่อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และอ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งมีคดีทั้งหมด 427คดี และในจำนวนนี้ 50 คดีที่ศาลพิพาก ษาถึงที่สุดแล้ว โดยเตรียมจะแก้ระเบียบกฎหมายให้เอกชนเช่ารีสอร์ทเพ่ือดำเนินการต่อ แทนการรื้อถอนออกนั้น
คณะวนศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตร ศาสตร์(มก.) จัดเสวนาวิชาการเรื่อง "รื้อถอนหรือให้เช่ารีสอร์ทรุก ป่่่า ความขัดแย้งของการพัฒนากับการอนุรักษ์" โดยเชิญตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นักวิชาการ นักอนุรักษ์ และตัวแทนผู้ประกอบการรีสอร์ทวังน้ำเขียว ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่เป็นที่น่าสังเกตว่านายมโนพัศ ไม่ได้มาร่วมงานนี้ และยังไม่ได้มอบหมายให้ผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมเวทีแต่อย่างใด
โวยนโยบายรัฐตัวการบูมรีสอร์ทวังน้ำเขียว
นายเสมอ จินดาพงษ์ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวนครราชสีมา กล่าวว่า ปัญหารีสอร์ทวังน้ำเขียว จ.นครราช สีมา เริ่มบูมขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 48 เป็นต้นมาเกิดจากนโยบายรัฐอย่างน้อย 4 กระทรวงคือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ผลักดันให้เกิดการส่งเสริมการท่องเที่ยวของธุรกิจรีสอร์ทในวังน้ำเขียว โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆทั้งไฟฟ้า ประปาและถนนรองรับจนเกิดความเชื่อมั่นของเกษตรกรที่เคยปลูกมัน ปลูกข้าวโพดและก้าวข้ามจากเกษตรกรมาประกอบอาชีพการท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยในช่วงที่บูมมากวังน้ำเขียวทำรายได้มากกว่าคืนละ 30 ล้านบาทหรือประมาณ 9 พันล้านบาท แต่ปัจจุบันผลพวงของการจับกุมและทุบรื้อรีสอร์ททำให้เศรษฐกิจทุกอำเภอซบเซาไปด้วย
นายเสมอ กล่าวว่า ขณะนี้ธุรกิจท่องเที่ยวที่ซบเซาลามไปถึงอำเภออื่นของนครราชสีมาด้วย แต่มันส่งผลกระทบตามมาทั้งเชิงสังคมตามมา เช่นเด็กนักเรียนในต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียวต้องออกจากโรงเรียน60 คนเพราะย้ายตามพ่อแม่ที่ค้าขายและต้องย้ายถิ่นไปทำงานพื้นที่อื่น และตั้งท้องไม่พึงประสงค์เำราะขาดคนดูแล ส่วนคนที่ไม่รับจ้างก็เข้าไปตัดไม้หอม ล่าสัตว์ ตัดไม้ในเขตอุทยาน ดังนั้น หากถามว่าทางออกควรจะเป็นอย่างไร ผมก็ต้องตอบว่าอยากให้รัฐยอมเปิดเช่ารีสอร์ท เพื่อให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ เพราะวังน้ำเขียว เป็นปัญหาที่เกิดจากนโยบายของรัฐเองจากหลายๆกระทรวง รวมทั้งรัฐบาลในอดีต
"ถ้ามองประเด็นการจับกุม ผมตั้งข้อสังเกตว่าหากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรักษากฎหมายจริง ทำไมถึงไม่จัดการรีสอร์ทตั้งแต่รายแรกๆที่มีเพียง 4-5 แห่ง แต่กลับปล่อยให้เติบโตขึ้นเป็น 400 กว่าแห่งทั้งที่เจ้าหน้าที่จะต้องผ่านขึ้นไปทำงานอยู่แล้ว และคนทำรีสอร์ทที่นี่ไม่ได้ทำลายป่าแต่พยายามเพิ่มพื้นที่ป่า ซึ่งล่าสุดเราได้เสนองบจำนวน500 ล้านผ่านทางผวจ.นครราช สีมา เพื่อขอปลูกป่าไม้ในวรรณคดีบริเวณต.วังหมี อ.วังน้ำเขียวพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ และได้รับอนุมัติงบจำนวน 500 ล้านบาทจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จ.สุรินทร์มาปลูกไม้ในวรรณคดีเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ด้วย "นายเสมอ กล่าว
ชี้กฎหมายปิดประตูเปิดเช่ารีสอร์ท
นายอรรณพ ชัยพรธนรัตน์ นักวิชาการป่าไม้ กรมอุท ยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ยอมรับว่า ในหลักการกฎหมายอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช ไม่สามารถเปิดช่องให้เอกชนเช่าดำเนินธุรกิจรีสอร์ทในเขตป่าได้แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ เคยส่งข้อมูลให้กฤษฎีกาตีความในแง่กฎหมายมาแล้วรอบหนึ่ง มีข้อสรุปว่าไม่มีข้อกฎหมายใดที่จะให้เอกชนเช่าได้ ดังนั้นเมื่อกฤษฎีกาตีความแล้ว ก็ควรต้องเคารพกฤษฎีกา อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อาจจะเป็นธรรมทางกฎหมายสำหรับกรมอุทยานฯที่ต้องรักษาป่าภายใต้กฎหมาย แต่คงไม่เป็นธรรมทางสังคม ในเมื่อปัญหาวังน้ำเขียว ที่รีสอร์ทบูมขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลจากนโยบายของภาครัฐที่เป็นสนับสนุนให้เกิดการส่งเสริมการท่องเที่ยว
แนะช่องให้เอกชนเอาท์ซอร์สบริหาร
นายอรรณพ กล่าวว่า แต่แนวทางออกที่จะใช้ประโยชน์ในรีสอร์ทในเขตวังน้ำเขียว เห็นว่าในเมื่อเปิดให้เอกชนเช่าไม่ได้ วิธีการที่อาจจะทำได้ ก็คือให้อุทยานฯเป็นผู้บริหารรีสอร์ทเอง เหมือนกับที่อุทยานให้บริการบ้านพักในพื้นที่ต่างๆอยู่แล้ว โดยดึงเอกชนเข้ามาเป็นเอ้าท์ซอร์ส หรือเป็นผู้รับจ้างในการบริหาร แต่เขาต้องดำเนินการตามกฎหมาย และอยู่ภายใต้เงื่อนไขการควบคุม และการแบ่งปันผลประโยขน์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ต้องขึ้นกับการเจรจาระหว่างรัฐกับเอกชน ซึ่งประชาชนจะได้ประโยชน์ส่วนหนึ่งทั้งจากธุรกิจท่องเที่ยว และรัฐก็ได้พื้นที่คืนกลับมา ทั้งนี้ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและเป็นการแสดงความเห็นส่วนตัว ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่นั้นต้องดูเป็นรายเคส รวมทั้งต้องเป็นนโยบายจากรัฐ
"ผมบอกได้เลยว่าขณะนี้ไม่มีการพัฒนาใดไม่มีคราบน้ำตา ทั้งการสร้างถนน การทำเขื่อน มุมมอมทางกฎหมายและคำสั่งทางปกครองอาจจะผิด แต่ในหลายกรณีต้องยอม รับความจริงว่าในข้อเท็จจริงแล้วกฎกระทรวงหลายฉบับ มติคณะรัฐมนตรีเอง ก็ออกมาให้เกิดการบุกรุกที่ดินรัฐโดยชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน ทั้งกฎหมายการปฎิรูปที่ดิน และร่างกฎกระทรวงฉบับที่ 43 ที่ออกความตามในพระราชบัญญัติกฎหมายที่ดินพ.ศ.2547 ที่จะให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด ในการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินในเขตป่าทุกประเภทได้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ประกาศบังคับใช้ แต่ผมถือว่าน่าเป็นห่วง เพราะจะทำให้เกิดความชอบในการ บุกรุกป่าโดยชอบด้วยกฎหมาย" นายอรรณพ ระบุ
"มูลนิธิสืบ"ยันไม่ควรเปิดเช่า
นางรตยา จันทรเทียร ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยการให้เอกชนเช่ารีสอร์ทในเขตป่า เพราะป่าไม้สัตว์ป่าเป็นทรัพยากรและต้นทุนของทุกคน ขณะที่ปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้ที่เหลืออยู่จริงๆน่าจะไม่ถึง 25% และไม่ใช่31% จากที่หน่วยงายรัฐแจ้งตัวเลขไว้โดย ผืนป่าที่เหลือ คือเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า และเขตอุทยานแห่งชาติ ส่วนป่าสงวนแห่งชาติมีปริมาณป่าสมบูรณ์เหลือน้อยมาก เพราะแก้ปัญหาด้วยการให้เช่าพื้นที่ได้จนกลายเป็นป่าเสื่อมโทรม ดังนั้นหากยังแก้แบบนี้เชื่อว่าภายใน10ปีหลังจากนี้ป่าจะไม่เหลือ โดยเสนอว่าจำเป็นต้องมีนโยบายรักษาป่าที่เหลือไว้ให้ได้ รวมทั้งรัฐบาลต้อง ป่าที่เหลือไว้ให้ได้ และมีแผนระยะยาวไม่ใช่แค่รัฐมนตรีเข้ามาแล้วจะมาเปลี่ยนแนวทางได้เพราะป่าเป็นต้นทุนของทุกคนในประเทศนี้ ไม่ใช่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
เช่นเดียวกับนายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช หัวหน้าพรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย กล่าวว่า แนวทางของนายมโนพัศ คงแค่พูดแต่ทำไม่ได้ในทางกฎหมาย ยกเว้นถ้ารัฐจะแก้กฎหมายเองเพื่อให้เกิดผลในทางปฎิบัติ ซึ่งขอท้าว่าถ้ารัฐบาลกล้าจริง ก็ต้องแก้กฎหมายเอาให้ชัดเจนว่าจะมีทิศทางอย่างไร เพราะยอมรับว่าในระดับปฏิบัติเขาเองก็มีปัญหา แม้แต่นายมโพัศ ก็ไม่เป็นตัวของตัวเองเพราะถูกการเมืองและนโยบายจากข้างบนมาจนสถานะของคนในกรมอุทยานฯค่อนข้างกระอักกระอ่วน อย่างไรก็ตาม แต่หากจะแก้กฎหมายรัฐควรต้องถามคนทั้งประเทศว่าเอาด้วยกับคนกลุ่มน้อยที่ได้ประโยชน์กับป่าไม้หรือไม่
หวั่นบิ๊กทส.คนใหม่ปรับนโยบายสวล.
นายวันชัย อรุณประภารัตน์ คณบดีคณะวนศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ขณะนี้น่าเป็นห่วงว่านโยบายการจัดการป่าไม้ของประเทศจะถูกเปลี่ยนไปตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งผู้บริหารที่ดูแลกรมอุทยาน กรมป่าไม้หรือไม่ เนื่องจากขาดการกำหนดแผนระยะยาว โดยเฉพาะในอีก 1-2 สัปดาห์หน้าซึ่งคาดว่ากำลังมีการเปล่ี่ยนตัวรัฐมนตรีทส.คนใหม่ นโยบายป่าและรีสอร์ทก็ต้องเปลี่ยนใหม่แน่นอน ทั้งนี้เสนอว่ารัฐบาลควรเร่งตั้งคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ มีองค์ประกอบให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมแทนที่จะมีเพียงเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายเดียว รวมทั้งในองค์กรปกองท้องถิ้นควรมีผู้รู้ด้านบรืหารจัดการป่าไม้และสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะส่วนมากมองแค่มิติของการพัฒนาวังน้ำเขียว
นายมโน คูรัตน์ ตัวแทนผู้ประกอบการรีสอร์ทวังน้ำเขียว วังน้ำเขียวเป็นผลจากการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติผิดพลาดในช่วงปี 2554 เพราะมีการทับที่ปฎิรูปที่ดิน ทับหมู่บ้านเดิม ซึ่งนายผ่อง เล่งอี้เคยยอมรับในเวทีที่จัดโดยคณะวนศาสตร์มาแล้วว่าไม่เคยมีการเดินสำรวจจริง ซึ่งเรื่องนี้ในปี 2534 กรมป่าไม้สมัยนั้นเคยมีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงแนวเขตใหม่จนได้แนวเขตที่เป็นทยอมรับในปี 2543 ในสมัยนายปลอดปรัสพ สุรัสวดี เป็นอธิบดีกรมต้องกันพื้นที่ป่าออก แต่เกิดมีการตั้งกรมอุทยานแห่งชาติในปี 2545 จนทำให้ไม่ได้กันพื้นที่ออกและรีสอร์ทก็ถูกดำเนินคดีดังนั้นทางออกในเรื่องนี้ก็คือรัฐต้องกันพื้นที่ออก
"เงื่อนไขการกันพื้นที่เขตป่าทับลานออกไปนั้นอยู่ในสัญญาที่อดีตอธิบดีกรมอุทยาน คือนายสุวัช สิงหพันธ์ เคยทำหนังสือถึงยูเนสโกว่าจะเปลี่ยนแลงแนวเขตอุทยานทับลาน ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ผืนป่าที่ขึ้นทะเบียนมรดกโลกดงพญาเย็น เขาใหญ่ ในปี 2548 โดยระบุว่าจะดำเนินการให้เสร็จในปี 2550 รวมพื้นที่ทั้งหมด273,310 ไร่ ซึ่งในจำนวนนี้มีพื้นที่ราว110,172 ไร่ที่เตรียมผนวกเป็นเขตอุทยานฯดังนั้นผมถามว่าถ้ามีการเพิกถอนและกันพื้นที่วังน้ำเขียวออกไปตั้งแต่ปี 43 จะเกิดปัญหาคาราคาซังอยู่ถึงปัจจุบันหรือไม่"นายมโน กล่าว
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต