จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจับตา 3 กลุ่ม นักล่าสัตว์เผยทั้งทั้ง 3 กลุ่มมีชนเผ่าบนพื้นที่สูงมีส่วนเกี่ยวข้องเพราะต้องการเงินไปขอสัญชาติและทำบัตรประชาชน
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เผยว่านอกจากกลุ่ม พ.ต.ท.ธีรยุทธ เกตุมั่งมี สว.สส.สภ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เข้าไปลักลอบล่าสัตว์ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานแล้วตอนนี้ยังมีกลุ่มล่าสัตว์ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อีก 3 กลุ่ม ที่ทางอุทยาแห่งชาติแก่งกระจานได้เฝ้าจับตาดูอยู่ประกอบด้วยกลุ่มพรานในพื้นที่ซึ่งเป็นชนเผ่าในพื้นที่สูงซึ่งล่าสัตว์เพื่อนำเนื้อสัตว์ไปขายให้ร้านอาหารป่า และผู้ที่ชอบบริโภคเนื้อสัตว์ป่า กลุ่มพรานล่าช้างป่า เพื่อเอาลูกช้างป่าแบบเป็น ๆ ไปขาย ซึ่งเป็นกลุ่มชนเผ่าในพื้นที่สูง ที่ล่าช้างป่าเพื่อเอาลูกช้างป่าไปขายให้นายทุน
กลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มผู้ที่ล่าสัตว์เป็นการกีฬา เพื่อความสนุกสนาน กลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนมีสี นักการเมือง ข้าราชการผู้ใหญ่ และเศรษฐีคนมีเงิน ซึ่งการป้องกันไม่ให้กลุ่มคนทั้ง 3 กลุ่มเข้ามาลักลอบล่าสัตว์ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตนได้ทำอย่างเต็มที่ แต่มีปัญหาอุปสรรค์เรื่องกำลังคนที่น้อยเนื่องจากปัจจุบันอุทยาแห่งชาติแก่งกระจาน มีเจ้าหน้าที่ทั้งข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้างรวมกัน 80 คนเศษ แต่ต้องดูแลรักษาป่าในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานพื้นที่กว่า 2 ล้านไร่ ซึ่งทำให้ดูแลไม่ทัน นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องอาวุธ ซึ่งปัจจุบันกลุ่มนักล่าสัตว์จะมีอาวุธที่ทันสมัยใช้
ส่วนปัญหาหนักใจในการป้องกันไม่ให้มีการลักลอบล่าสัตว์อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานคือผู้ที่กระทำความผิดเป็นผู้มีอิทธิพล คนมีเงิน และคนมีสี บางคนก็เป็นผู้ที่มีความรู้ทางกฎหมาย นอกจากนี้กลุ่มชาติพันธ์ในพื้นที่สูงที่อาศัยอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับสัญชาติไทย และยังไม่มีบัตรประชาชน ต้องการเงินมาใช้จ่ายในการขอสัญชาติไทย และทำบัตรประชาชน จึงได้ล่าสัตว์ นำเนื้อสัตว์และชิ้นส่วนของสัตว์ขายหรือล่าลูกช้างป่าขายให้นายทุน รวมทั้งการรับจ้างนำทางผู้ที่ล่าสัตว์เป็นเกมส์กีฬาเข้าไปล่าสัตว์ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
“การขอสัญชาติไทย และการขอมีบัตรประชาชนต้องใช้เงินสูง คนเผ่าในพื้นที่สูงอยู่กับป่ามีความชำนาญพื้นที่ดี จึงทำการล่าสัตว์เพื่อเอาซาก หรือเอาลูกช้างป่า ไปขายให้นายทุน รวมทั้งรับจ้างเป็นพรานนำทางให้กลุ่มนักล่าสัตว์เป็นเกมส์กีฬาเข้าไปล่าสัตว์ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่ผ่านมาการจับกุมผู้ล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เกือบทั้งหมดจะมีชนเผ่าในพื้นที่สูงมีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามในการจับกุมแต่ละครั้งส่วนใหญ่จะสาวไม่ถึง นายทุนหรือกลุ่มคนมีสี ส่วนจะเป็นกลุ่มสีไหน ? บ้างคงกล่าวไม่ได้ เราต้องพยายามจับกุมให้ได้มีเคสของ พ.ต.ท.ธีรยุทธ เกตุมั่งมี เพื่อให้สังคมได้รับรู้เราถึงจะเปิดเผยได้”นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กล่าว
นายธีระภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช กล่าวว่าตนในมอบนโยบายให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าที่มีพื้นที่ติดต่อกันในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดราชบุรี ประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชีจังหวัดราชบุรี ให้ดำเนินการจัดทำข้อมูลแผนที่การกระจายของสัตว์ป่า แหล่งน้ำ แหล่งอาหาร และโป่ง ในพื้นที่ เพื่อเป็นแนวป้องกันการล่าสัตว์ แผนที่หมู่บ้านและจุดล่อแหลม โดยให้ประเมินความรุนแรงของการล่าสัตว์ และให้กำหนดสีบนแผนที่หากมีความรุนแรงสูงให้ใช้สีแดงเข้ม แล้วสีค่อยจางลง หรือเป็นสีเหลืองตามความรุนแรงที่ลดลง เพื่อได้รู้ความรุนแรง เพื่อจะได้เข้าไปติตามแก้ไขในจุดที่รุนแรงก่อนเนื่องจากการป้องกันการล่าสัตว์ป่าทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืชมีข้อจำกัดเรื่องกำลังคนและงบประมาณ จึงต้องเลือกจุดสำคัญก่อน โดยทำคู่ขนานกับจุดที่มีความรุนแรงน้อย
รวมทั้งให้มีการจัดทำรายชื่อพร้อมรูปถ่ายพรานที่ล่าสัตว์ในพื้นที่โดยให้อัพเดรดข้อมูลใหม่ ๆ ตลอด และข้อมูลร้านอาหารที่จะหน่ายอาหารที่ปรุงจากเนื้อสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย และให้มีการจัดชุดลาดตระเวนป้องกันการล่าสัตว์ป่าอย่างเข้มข้น มีการเก็บข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อให้ผู้บริหารตัดสินใจประเมินว่าจะดำเนินการในจุดไหน ?ก่อน โดยให้อุทยานแห่งชาติทั้ง 3 แห่ง และเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าดังกล่าว จัดชุดลาดตะเวนในพื้นที่ของตนเองพร้อมกันในวันเดียว เดือนละ 1 วัน เพื่อกดดันไม่ให้พรานป่าออกล่าสัตว์ในวันนั้น ซึ่งจะทำให้มีการหยุดล่าสัตว์ป่าเดือนละครั้ง และให้มีการลาดตะเวนสุ่มไม่กำหนดวัน และจัดชุดลาดตะเวนไปดูจุดที่อยู่ของสัตว์ป่าทั้งช้างป่า กระทิง และสัตว์อื่น ๆ และให้ดึงภาคประชาชนเข้ามาช่วยการไขปัญหา โดยให้มีการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาในทุกเดือน หรือทุก 2 เดือน มาคุยกัน เอาข้อมูลและภาพการล่าสัตว์ป่าให้ดู นอกจากนี้ข้อให้ติดประกาศเบอร์หัวหน้า และเบอร์สายด่วนให้ประชาชนได้รับรู้เมื่อพบเห็นการล่า หรือซื้อขายสัตว์ป่าสามารถโทรแจ้งได้ทันที และให้ประสานบูรณาการกับฝ่ายปกครอง ทหาร และชุมชนในการป้องกันการล่าสัตว์ป่า ส่วนการจับกุมขอให้เน้นการจับกุมที่ให้ได้ตัวผู้ต้องหาเพิ่มมากขึ้น และการแจ้งความจับกุมต้องให้ครบทุกประเด็น รวมทั้งหลักฐานต่าง ๆ
“คดีของ พ.ต.ท.ธีรยุทธ เกตุมั่งมี ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นคดีตัวอย่างที่เก็บข้อมูล หลักฐานไม่เต็มรูปแบบ ทำให้ต้องมีการสอบเพิ่มเติมในภายหลัง”นายธีระภัทร ประยูรสิทธิ กล่าว
นายไกร บุญบันดาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี กล่าวถึงกรณีของกรมการปกครองได้ย้ายนายสุทธิพงษ์ ตันบุญยศิริเดช นายอำเภอแก่งกระจาน หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี พ.ต.ท.ธีรยุทธ เกตุมั่งมี สว.สส.ปราณบุรี ไปช่วยราชการวิทยาลัยการปกครองว่าเรื่องนี้กรมการปกครองจะมีการตั้งกรรมการสอบ นายอำเภอแก่งกระจาน ซึ่งก่อนที่จะตั้งกรรมการสอบต้องสอบข้อเท็จจริง ดูรายละเอียดก่อนว่าเป็นอย่างไร ? หลังจากนั้นหากพบเป็นความบกพร่อง เพราะมีเจตนาช่วยผู้ต้องหา จะมีการตั้งกรรมการสอบวินัย หรือสอบในเรื่องอื่น ๆ ตามที่ปรากฏในข้อเท็จจริง ส่วนเรื่องที่ทางกระทรวงมหาดไทยสั่งให้นายอำเภอแก่งกระจานรายงานข้อเท็จจริง ภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556 ตอนนี้ตนยังไม่เห็นรายงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าทำ เพราะจะมีปัญหาตามมาในภายหลัง เนื่องจากขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
