จาก โพสต์ทูเดย์
กรมวิชาการเกษตรศึกษาการนำสนามแม่เหล็กมาเพิ่มผลผลิตพืช ชี้เป็นเทคโนโลยีปลอดภัยต้นทุนต่ำ
นายดำรงค์ จิระสุทัศน์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตรได้ทำการศึกษาวิจัยเทคโนโลยีด้านชีววิทยา สนามแม่เหล็กถาวรเพื่อเพิ่มผลผลิตพืชเศรษฐกิจ ระยะเวลา 2 ปี (2555-2557)โดยได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งการศึกษาการใช้สนามแม่เหล็กในการผลิตพืชเพื่อเป็นแนวทางเลือกของการลด การใช้สารเคมีและสนับสนุนการผลิตพืชอินทรีย์ เป็นการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากพลังงานแม่เหล็กถาวร ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัย ต้นทุนต่ำ สะดวกต่อการใช้งานในฟาร์มและการบำรุงรักษาในระยะยาว อีกทั้งเป็นเทคโนโลยีเพื่อการผลิตพืชในสภาวะโลกร้อนที่ต้องการพืชที่เก็บ เกี่ยวได้เร็ว
สำหรับการศึกษาดังกล่าวสืบเนื่องจาก ในสภาวะโลกร้อน พบว่า พืชที่ได้รับพลังงานแม่เหล็กและน้ำพลังแม่เหล็กสามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลง สภาพแวดล้อมได้ดีและยังประหยัดการใช้น้ำเนื่องจาก สนามแม่เหล็กจะไปกระตุ้นยีนที่ตอบสนองต่อความเครียดของพืชเป็นผลให้พืชแข็ง แรง และต้านทานสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น สำหรับน้ำที่ผ่านการกระตุ้นจากสนามแม่เหล็กมีผลต่อพืช คือ เพิ่มการละลายของแร่ธาตุอาหารของพืช เนื่องจากแรงตึงผิวของน้ำลดลง การซึมผ่านของน้ำสู่รากพืชได้ลึกและเร็ว อัตราการเจริญเติบโตของพืชดีขึ้น ผลผลิตเพิ่ม พืชจึงสุกแก่เร็วกว่ากำหนด ประหยัดต้นทุนการผลิตในด้านแรงงานและประหยัดเวลาในการเก็บเกี่ยว
ทั้งนี้การผลิตพืชในปัจจุบันต้องอาศัยการใช้สารเคมีจำนวนมาก นับตั้งแต่การใช้ปุ๋ยเคมี สารกำจัดวัชพืช สารเร่งการเจริญเติบโต สารชลอการสุก แก่ และเน่าเสีย ตลอดจนสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชในโรงเก็บ สิ่งเหล่านี้เป็นที่มาของต้นทุนการผลิต นอกจากนั้นยังมีปัญหาสารพิษตกค้างในผลผลิต และปัญหาสุขภาพของเกษตรกรและผู้บริโภค
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต