สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ปุ๋ยและน้ำหมักจากไส้เดือนดิน

จาก เวปไซต์ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ฉบับวันที่ 22 ตุลาคม 2552


  ตาม ยุทธศาสตร์ของกรมชลประทานยังต้องให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพน้ำที่จะต้อง ได้มาตรฐานสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ นอกเหนือจากภารกิจเรื่องการบริหารจัดการน้ำซึ่งการรักษาคุณภาพน้ำนั้น วิศวกรชลประทาน ดร.วัชระ เสือดี ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการชลประทานบอกว่าจะต้องเน้นการบริหารจัดการน้ำแบบ องค์รวม ให้ครอบคลุมทุก ๆ ด้าน ทั้งปริมาณและคุณภาพที่สำคัญจะต้องให้เกิดผลกระทบจากการใช้ทรัพยากรต่อสิ่ง แวดล้อมน้อยที่สุดโดยเฉพาะผลกระทบต่อมนุษย์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อม อีกด้วยและนี่คือที่มาของงานวิจัยและศึกษาการทำปุ๋ยและน้ำหมักจากไส้เดือน ดินของ กรมชลประทาน ดร.วัชระเล่าว่า  เศษขยะทั้ง ประเภทเศษอาหาร หญ้าที่ตัด กิ่งไม้ ซากพืช ซากสัตว์ วัชพืช หากปล่อยทิ้งลงในแม่น้ำ ลำคลองก็จะสร้างมลพิษทางน้ำ ทำให้น้ำเน่าเสีย ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ใหม่ทั้งการอุปโภคบริโภค และการชลประทานได้ 

 

หาก นำไปเผาก็จะสร้างมลพิษทางอากาศ ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาโลกร้อนในปัจจุบัน กรมชลประทานโดยสถาบันพัฒนาการชลประทาน สำนักวิจัยและพัฒนา จึงได้ศึกษาหาแนวทางการในการแก้ปัญหาดังกล่าวแบบยั่งยืนสืบเนื่องจากสถาบันฯ ได้เล็งเห็นองค์ความรู้ของนายชวกร ริ้วตระกูลไพบูลย์ วิศวกรชลประทาน ประจำสำนักชลประทานที่ 11 และเป็นอาจารย์พิเศษวิทยาลัยการชลประทาน ซึ่งเคยไปฝึกอบรมการนำขยะมาผลิตเป็นปุ๋ยและน้ำหมักจากไส้เดือน จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และได้ทำการศึกษา ค้นคว้าเพิ่มเติมมากว่า 4 ปีโครงการดังกล่าวเริ่มเมื่อต้นปี 2552 โดยได้รับการสนับสนุนและให้คำปรึกษาจากผู้บริหารระดับสูงของกรม  ชล ประทาน อาทิ อาจารย์วสันต์ บุญเกิด ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิประจำสถาบันพัฒนาการชลประทาน ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาโครงสร้างและระบบบริหารงานบุคคล อาจารย์ประจำคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ รศ.ดร.กัมปนาท ภักดีกุล ที่ปรึกษาสถาบันฯ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 11 กิจกรรมดังกล่าวดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่สถาบันฯ นิสิตวิทยาลัยการชลประทาน โดยอาศัยกระบวนการมีส่วนร่วม เริ่มจากการศึกษาดูงาน นำมาปฏิบัติ ติดตามประเมินผล ปรับปรุง ต่อยอดแบบร่วมกันคิดร่วมกันทำสำหรับขั้นตอนการทำปุ๋ยและน้ำหมักจากไส้เดือน ดินนั้น เริ่มจากการนำขยะใส่ในบ่อหมักในอัตราส่วนขยะ 1 ตารางเมตร ต่อไส้เดือน 1 กิโลกรัม โดยบ่อหมักที่สร้างขึ้นจะมีขนาด 6x10x0.8 เมตร จากนั้นทิ้งไว้เป็นเวลา 45 วัน ไส้เดือนจะกัดกินขยะแล้วถ่ายมูลเป็นเม็ดสีดำ ซึ่งจะมีธาตุอาหารสำหรับพืชและจุลินทรีย์สูง ทำให้ได้ปุ๋ยมูลไส้เดือนชั้นดี มีแร่ธาตุครบถ้วน รวมทั้งยังได้น้ำหมักหรือฉี่ไส้เดือนซึ่งเป็นน้ำหมักชีวภาพ ที่เกิดจากกระบวนการผลิตปุ๋ยหมักมูลไส้เดือน ซึ่งมีธาตุอาหารและฮอร์โมนพืชและจุลินทรีย์หลากหลายชนิดในปริมาณมาก ไม่มีกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นใดๆ ทั้งสิ้น  ทั้ง นี้ปุ๋ยมูลไส้เดือนจะนำไปใช้ในการปรับปรุงบำรุงดินและให้ธาตุอาหารแก่พืช ส่วนน้ำหมักมูลไส้เดือนดินนอกจากใช้เป็นธาตุอาหารสำหรับพืชแล้ว ยังสามารถนำมาใช้ในการบำบัดน้ำเสีย บำรุงต้นไม้ ใช้เป็นน้ำยาล้างห้องน้ำ ถูพื้น กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เป็นอย่างดี โดยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและไม่สร้างมลพิษทางน้ำอีกด้วยปัจจุบันสถาบัน พัฒนาการชลประทานสามารถผลิตปุ๋ยมูลไส้เดือนได้ประมาณเดือนละ 500 กิโลกรัม และน้ำหมักมูลไส้เดือนอีกประมาณ 500 ลิตร ซึ่งส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้ภายในสถาบันฯ สำหรับวิธีการใช้นั้น ปุ๋ยมูลไส้เดือนจะนำไปตากให้แห้งหรือนำไปใช้เลย   ก็ได้ โดยโรยรอบ ๆ ต้นไม้ที่ปลูก ในอัตราที่พอเหมาะ และถ้าเป็นพืชผักสามารถโรย      บาง ๆ ทั่วแปลงได้ ส่วนน้ำหมักมูลไส้เดือนให้นำไปผสมกับน้ำสะอาดอัตราส่วน 1 : 20 เทลงในน้ำเสียเพื่อบำบัดน้ำเสีย ใช้ทำความสะอาด หรือนำไปรดต้นไม้ พืชผัก ซึ่งจะทำให้ต้นไม้ พืชผักเจริญเติบโตได้ดีโดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีอีกต่อไปพร้อมกันนี้ ดร.วัชระบอกด้วยว่า สถาบันพัฒนาการชลประทานพร้อมที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีการนำขยะมาผลิตเป็นปุ๋ย และน้ำหมักจากไส้เดือนให้กับผู้ที่สนใจ โดยขณะนี้เตรียมที่จะขยายผลให้กับสำนักชลประทานและโครงการชลประทานต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อนำไปใช้ในการรักษาสิ่งแวดล้อมภายในหน่วยงานและถ่ายทอดเทคโนโลยีไปยัง เกษตรกรและผู้ที่สนใจในพื้นที่ต่อไป.

 

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=344&contentID=27366

Tags : ปุ๋ยและน้ำหมัก ไส้เดือนดิน

view