ความเป็นธรรมของประชาชน : กรณีโครงการรับจำนำข้าว
โดย : ดร.อาภรณ์ ชีวะเกรียงไกร
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการเปิดแถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในกรณีถอดถอนอดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ในข้อหาการละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว เป็นที่น่าเสียดายยิ่งที่ไม่ได้มีการถ่ายทอดโทรทัศน์สาธารณะให้ประชาชนได้รับทราบ คำกล่าวแถลงเปิดคดีของทั้ง ป.ป.ช. และอดีตนายกรัฐมนตรี แต่ยังมีขั้นตอน คือ ในวันที่ 16 มกราคมนี้จะมีการซักถามของ สมาชิก สนช. และ จะมีการลงมติในวันที่ 23 มกราคมนี้
กรณีดังกล่าวกำลังเป็นที่สนใจและจับตามองของประชาชนว่า โครงการรับจำนำข้าวที่มีความเสียหายมูลค่าเบื้องต้น 518,691 ล้านบาท (ในช่วงการบริหารงาน 2 ปีของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) และมีการติดค้างเงินค่าข้าวจนทำให้มีชาวนาฆ่าตัวตายไปมากกว่า 10 ราย จะสามารถลงโทษหรือเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการคืนความเป็นธรรมให้ประชาชนและชาวนาได้หรือไม่? ความเสียหายของโครงการได้ปรากฏหลักฐานอย่างชัดเจนจากการที่ต้องมีการออกพันธบัตร “สุขกันเถอะเรา” งวดแรกจำนวน 100,000 ล้านบาทโดยแยกเป็นพันธบัตรรัฐบาล 50,000 ล้านบาท และพันธบัตรของ ธกส. อีกจำนวน 50,000 ล้านบาทที่กลายเป็นหนี้สาธารณะที่ประชาชนทั้งประเทศต้องชดใช้หนี้ไปในอีก 10 ปีข้างหน้า และเป็นที่เชื่อว่าจะต้องมีการออกพันธบัตรเพิ่มเติมสำหรับมาชดใช้ความเสียหายของโครงการดังกล่าวอีก
จากการติดตามข่าวเป็นที่น่าเป็นห่วงยิ่งว่า กำลังจะมีการโยงคดีรับจำนำข้าวเข้าไว้กับความปรองดองในลักษณะที่ว่า หาก สนช. มีมติถอดถอน นางสาวยิ่งลักษณ์ ก็จะก่อให้เกิดความไม่สงบและไม่ปรองดองของคนในประเทศ แต่สมาชิก สนช. พึงตระหนักถึงหน้าที่ความรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ว่า การปรองดองนั้นจะเกิดขึ้นได้ต้องอยู่บนหลักความถูกต้อง ความชอบธรรม มิใช่การปรองดองความผิดกับความถูกต้อง ที่จะปล่อยให้ผู้กระทำความผิดลอยนวลอยู่ในสังคมและวงการการเมือง และนอกจากนี้แล้วมติของ สนช. เองก็อาจจะถูกนำไปใช้อ้างในการฟ้องร้องคดีอาญาและคดีแพ่งที่กำลังจะเข้าสู่ชั้นศาลในอนาคตว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์ ที่ได้รับการฟอกตัวจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จึงขอร้องให้คณะ สนช. พิจารณาลงมติบนพื้นฐานยึดผลประประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง
อีกประเด็นหนึ่งที่ยังเป็นที่ติดใจของประชาชนอยู่มากคือ ยังมี สมาชิก สนช. จำนวนหนึ่งที่ยังไม่กล้าตัดสินใจด้วยการงดออกเสียงจะด้วยเหตุผลประการใดก็ตาม ท่านเป็นผู้ที่ได้รับคัดเลือกมาให้ทำหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติที่ถือเป็นเกียรติต่อวงศ์ตระกูลที่จะได้มีโอกาสทำงานรับใช้ประเทศชาติ ที่รับเงินเดือนและสิทธิพิเศษมากมายที่เป็นเงินภาษีของประชาชนจึงควรที่จะทำงานให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจ ถ้าหากยังไม่กล้าตัดสินใจหรือไม่ทราบว่าจะตัดสินอย่างไร ก็ควรจะลาออกไปให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน
คำเปิดแถลงการณ์ของอดีตนายกรัฐมนตรีในหลายๆ ประเด็นเอง ก็เป็นที่น่าประหลาดใจถึงตรรกะ ความคิด สำหรับข้ออ้างที่ว่าไม่สามารถยุติโครงการรับจำนำข้าวได้เพราะเป็นโครงการที่ได้มีการหาเสียงไว้กับประชาชนและมีการแถลงต่อรัฐสภา ในความเป็นจริงแล้วมีโครงการจำนวนหนึ่งที่ได้ดำเนินการหรือยุติไปเมื่อพบว่าไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้หลังจากที่ดำเนินการไประยะหนึ่ง ได้แก่ การประกาศกระชากลดค่าครองชีพ การยกเลิกกองทุนน้ำมันที่จะดึงให้ราคาน้ำมันภายในประเทศให้ลดลงลิตรละ 7 บาท หรือ โครงการรถคันแรก เป็นต้น
ประเด็นหัวใจของการถอดถอนออกจากตำแหน่งนี้อยู่ที่ว่า มีการปล่อยปละเลยจนอาจทำให้เกิดการทุจริตที่เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง ที่นอกจากเป็นเงินที่ต้องมีการชดเชยจากงบประมาณและการกู้เงินแล้ว ยังความเสียหายให้กับระบบการผลิตและการค้าข้าวอันเกิดจากความบกพร่องในแทบทุกขั้นตอน เงินที่ตกไปถึงมือชาวนาเป็นจำนวนเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่ใช้ไป หลักฐานในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันเองก็อยู่ในระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช.
และล่าสุดคือ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ พร้อมคณะได้เดินทางเข้าไปแจ้งความกับกองปราบแจ้งความดำเนินคดีกับคู่สัญญาในโครงการรับจำนำข้าวในสมัยรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ในความผิดฐานลักทรัพย์ ยักยอกทรัพย์ และข้อหาฉ้อโกง โดยนำเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานว่า ตนในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) แจ้งผลการประชุมให้กับองค์การคลังสินค้าและองค์การตลาดเพื่อเกษตรกรรับทราบ เพื่อดำเนินคดีกับคู่สัญญาในโครงการรับจำนำข้าว ที่นำข้าวซึ่งไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐานที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไว้มาเข้าโครงการ รวม 51 จังหวัด 652 โกดังกลาง เป็นปริมาณข้าวรวม 3.6 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท ให้ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการและเอกชน หากมีส่วนรู้เห็นหรือร่วมกระทำความผิดก็ต้องถูกพิจารณาดำเนินการทั้งวินัยและอาญา ซึ่งต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนดำเนินการ
การถอดถอนเป็นเรื่องการแสดงธรรมาภิบาลหรือความโปร่งใสในการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ผู้บริหารจะมีจริยธรรมสูงสุดเหนือกว่าบุคคลอื่นทั้งหมดในกระบวนการในการปฏิบัติหน้าที่ ที่เป็นการถอดถอนให้ผู้ถูกถอดถอนไม่สามารถทำกิจการการเมืองเพียงเวลา 5 ปี ดังนั้น จึงขอให้ สนช. ได้พิจารณาให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนด้วย
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,อะไหล่ victorinox,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,servival Kit