จาก โพสต์ทูเดย์
นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวเผย 2 ปีฝ่ายการเมืองได้ประโยชน์จากโครงการจำนำข้าว8หมื่นล้าน พบมีการโอนโพยก๊วนไปฮ่องกง 6 หมื่นล้าน
เมื่อวันที่ 26 ก.พ. นายนิพนธ์ วงษ์ตระหง่าน นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าว กล่าวปราศรัยบนเวทีกปปส.ถึงการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว โดยระบุว่า จากการที่ได้พูดคุยกับคนในวงการค้าข้าว โดยเฉพาะรอบสองปีที่ผ่านมา การเมืองได้ผลประโยชน์ไปกว่า 8 หมื่นล้านบาท และทราบจากนักธุรกิจทางการเงินอีกว่า ในรอบปี 2556 มีการโอนเงินหรือโพยก๊วน ไปฮ่องกง 6 หมื่นล้านบาท ถือเป็นวิธีการลักลอบโยกย้ายเงินจากในประเทศไปต่างประเทศ โดยไม่ต้องขอธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพราะวิธีดังกล่าวจะเสียค่าธรรมเนียมถูกกว่า
"วิธีนี้เป็นวิธีที่นักธุรกิจหรือนักการเมืองมักชอบใช้ ในการขนถ่ายเงินสกปรก และมีบริษัทแถวย่านเยาวราช คอยรับเรื่องดำเนินการ ซึ่งถือเป็นขบวนการมีมาตั้งสมัยโบราณ เพียงแค่ถือเศษกระดาษแผ่นเดียวไปปลายทางที่ระบุก็สามารถรับเงินได้เลย"นายนิพนธ์กล่าว
นายนิพนธ์กล่าวอีกว่า นโยบายรับจำนำข้าว ถือเป็นนโยบายผิดพลาดและตั้งใจโกง ดังนี้ 1.เพราะคิดว่าถ้าดึงข้าวไว้ในประเทศไทยไม่ขายออก ราคาจะสูงขึ้น รัฐบาลจึงคิดจำนำข้าวทุกเม็ด แต่ขาดข้อมูล เพราะข้าวเป็นสินค้าที่เสื่อมคุณภาพได้ 2.เมื่อไม่ขาย แต่ประเทศอื่นขาย เช่น เวียดนาม อินเดีย พม่า และกัมพูชา และ 3. ในโลกมีการเก็บเกี่ยวข้าว แต่รัฐบาลวางนโยบายผิดเพราะข้อมูลผิด
ส่วนการ ตั้งใจโกง คือวิธีการเปิดช่องทุจริต ตั้งแต่เริ่มการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ซึ่งรัฐบาลรู้ว่ามีชาวนากว่า 3 ล้านครัวเรือน ไม่สามารถตรวจข้าวชาวนาดทุกแปลง อีกทั้ง ยังมีการขึ้นทะเบียนเกินจริง ทำให้เกิดการขายสิทธิและซื้อข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ เพื่อจำนำข้าวแทน
2.ขั้นตอนของโรงสีได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ โดยชาวนาและโรงสีห้ามข้ามเขตส่งมอบข้าว ดังนั้น ชาวนาจึงถูกกำหนดให้ไปส่งข้าวกับโรงสีขี้โกง จึงได้ถูกเอารัดเอาเปรียบ 3,โกดังกลางเปลี่ยนสัญญาจากเดิมที่เป็นฝากเก็บและรักษาคุณภาพมาเป็นสัญญาเช่า ซึ่งเจ้าของโกดังไม่ต้องรับผิดชอบทั้งปริมาณและคุณภาพ
นอกจากนี้ มีการเซอร์เวย์เฉพาะข้าวขาเข้าโกดัง แต่ตอนออกกลับไม่มีการเซอร์เวย์ จึงเกิดการรับมอบข้าวคุณภาพต่ำ หรือหมุนเวียนข้าวสารคุณภาพดีในโกดังออกไป แล้วเอาข้าวคุณภาพต่ำมาใส่แทน 4.ขั้นตอนการระบายข้าว ที่ผ่านมาจะขายในรูปแบบจีทูจี ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ขี้มูลแล้วว่าเป็นของปลอม ข้อเท็จจริงในการทำจีทูจี รัฐบาลสามารถขายโดยไม่ต้องประมูล และขายในราคาต่ำได้ จากนั้น พ่อค้าจะนำข้าวมาเร่ขายในประเทศไทยในราคากลาง ผลต่างของราคาขายและราคาซื้อนำมาแบ่งกัน
อย่างไรก็ดี การหลอกลวงเรื่องจ่ายจำนำข้าวที่ค้างชาวนา 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลพยายามหาทางออกเรื่องดังกล่าว 3 ทาง คือ 1.มาตรการทางการเงิน โดยพยายามกู้เงินซึ่งผิดกฎหมาย ถูกกดดัน และสถานบันการเงินขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาล ทำให้คงกู้ไม่ได้
2.รัฐบาลพยายามขายพันธบัตร ซึ่งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) เคยทำมาแล้ว แต่ขายได้ไม่ได้ครบ และเสี่ยงผิดกฎหมาย 3.รัฐบาลพยายามหาทางออกด้วยการของบกลาง 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งก็ต้องรอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่เชื่อว่ากกต.ไม่เสี่ยงเห็นชอบ เพราะผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉะนั้น ถือเป็นมาตรการล้มเหลว
ขณะที่มาตรการทางการตลาด 1. กระทรวงพาณิชย์ขายข้าวให้กับผู้ส่งออก รอบแรก 4 แสนตัน ได้เงินไม่กี่พันล้าน รอบต่อไปคิดว่าคงขายได้น้อย เพราะแนวโน้มราคาตลาดโลกลดลง และผู้ส่งออกคงไม่สนใจซื้อ
2.ขายข้าวสารให้กับโรงสี ซึ่งโรงสีรอเงื่นอไขในการซื้อขาย 3.พยายามขอร้องโรงสีให้รับจำนำใบประทวนแต่เรื่อกลับเงียบหายไป 4.ขายข้าวจีทูจีแบบเก่าทำไม่ได้ เพราะสังคมรู้ทัน ส่วนมาตรการทางการเมือง รัฐบาลพยายามจัดให้มีการเลือกตั้ง เพื่อเปิดสภาจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้น มีหนทางเดียว คือ รัฐบาลต้องลาออก เพื่อให้มีรัฐบาลใหม่ จะได้กู้เงินมาชำระหนี้ให้กับชาวนา
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต