สื่อมะกันตีข่าวรบ.ไทยเจอต้านสร้างเขื่อนแม่วงก์ นักอนุรักษ์สับไร้แผน-ไม่คุ้มค่า
จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
|
|
วอยซ์ออฟอเมริกา - สื่อทางการของรัฐบาลสหรัฐฯตีข่าวรัฐบาลไทยต้องถอยแผนสร้างเขื่อนที่อุทยาน แห่งชาติแม่วงก์ ส่วนหนึ่งในโครงการบริหารจัดการน้ำนับหมื่นล้านดอลลาร์หลังถูกต่อต้านหนัก พร้อมชี้การตัดสินใจประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมใหม่ถือเป็นชัยชนะของ ฝ่ายอนุรักษ์ธรรมชาติ
นับตั้งแต่วิกฤตอุทกภัยใหญ่เมื่อปี 2011 ที่ทำเขตอุตาหกรรมหลายแห่งของไทยจมบาดาลและก่อความเสียหายมูลค่าหลายหมื่น ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รัฐบาลก็วางแผนดำเนินโครงการบริหารจัดการรับมืออุทกภัยทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามทางวอยซ์ออฟอเมริกา รายงานว่าโครงการ 3.3 แสนล้านบาทนี้ถูกพลเมืองและกลุ่มวิศวกรวิพากษ์วิจารณ์ว่าขาดแผนแม่บทและควร พุ่งเป้าไปที่การปรับปรุงด้านชลประทานแทนการสร้างเชื่อนป้องกันน้ำท่วม พร้อมยังบอกอีกว่ารัฐบาลไม่แสวงหาข้อมูลสาธารณะเพียงพอต่อแผ่นเหล่านั้น
แม้ว่ามีเสียงคัดค้าน แค่รัฐบาลยังคงเดินหน้าข้อเสนอสร้างเขื่อน 20 แห่งและระบบระบายน้ำทั่วประเทศ จนกระทั่งสัปดาห์นี้ ทางการได้ยอมกลับลำ โดยบอกว่าจะประเมินผลกระทบของการสร้างเขื่อนมูลค่า 428 ล้านดอลลาร์(13,000ล้านบาท) ภายในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯไปทางเหนือราว 370 กิโลเมตร
สำนักข่าววอยซ์ออฟอเมริกา อ้างคำสัมภาษณ์ของ ดร.อนรรฆ พัฒนวิบูลย์ ผู้อำนวยการสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าสากล (WCS) ประเทศไทย ระบุว่าการถอยกลับของรัฐบาลถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของการเคลื่อนไหวอนุรักษ์ ของไทย แม้ว่ายังไม่ถึงข้นยกเลิกโครงการและดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่อยากมองหาพื้นที่ ทางเลือกอื่นรอบนอกอุทยานก็ตาม
"มันมีนัยสำคัญอย่างยิ่ง ผมไม่อยากพูดว่ามันคือชัยชนะ แต่มันดูเหมือนว่าเราสามารถทำให้ผู้คนรับรู้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องมีเขื่อน ใหญ่ๆที่ทำลายผืนป่าอุทยานอีกแล้วในประเทศไทย" เขากล่าว "ดังนั้นมันจึงเป็นสารที่สำคัญ ในแง่ที่รัฐบาลถอยกลับเล็กน้อย แต่ผมคิดว่ามันเป็นสารที่แข็งแกร่งสำหรับการอนุรักษ์"
สื่อมวลชนแห่งรัฐของอเมริการายงานต่อว่าในระหว่างที่กำลังประเมินผล กระทบของเขื่อน ผู้สำรวจอ้างว่าการก่อสร้างเขื่อนแห่งนี้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่อุทยานแค่ 19 ตารางกิโลเมตรจากทั้งหมด 894 ตารางกิโลเมตร และยังสามารถกักเก็บน้ำเพื่อการชลประทานแก่พื้นที่การเกษตรราว 480 ตารางกิโลเมตร
อย่างไรก็ตามคำกล่าวอ้างดังกล่าวปลอบประโลมเหล่านักอนุรักษ์สิ่งแวด ล้อมได้เพียงเล็กน้อย ในนั้นรวมถึงนายนายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ซึ่งจัดเดินขบวน 400 กิโลเมตรมายังกรุงเทพฯเพื่อให้ประชาชนทราบถึงโครงการดังกล่าวมากขึ้น
นายศศินให้สัมภาษณ์กับวอยซ์ออฟอเมริกา คาดหมายว่าการศึกษาผลกระทบของการสร้างเขื่อนแม่วงก์ จะถูกนำไปเป็นต้นแบบของแผนการสร้างเขื่อนอื่นๆ พร้อมบอกว่าการประเมินที่หนุนหลังโดยหน่วยงานของรัฐบาล เสี่ยงคุกคามพื้นที่ป่าทั่วทั้งประเทศ
ในรายงานของวอยซ์ออฟอเมริกา ยังอ้างความเห็นของดร. สมิทธ ธรรมสโรช ที่บอกว่าแผนงานบางส่วนของโครงการบริหารจัดการน้ำควรเดินหน้าต่อไป แต่เขื่อนแม่วงก์ไม่ควรอยู่ในนั้น "ผมไม่เห็นด้วยกับแผนอุทกภัยของรัฐบาล ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงอยากขุดพื้นที่แม่วงก์เพื่อสร้างเขื่อนที่ สามารถกักเก็บน้ำที่ไหลลงสู่พื้นที่กรุงเทพฯได้ในปริมาณที่เล็กน้อย"
ทั้งนี้วอยซ์ออฟอเมริกา รายงานปิดท้ายว่าพวกนักอนุรักษ์ อย่างเช่นองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล(WWF) วิตกว่าเขื่อนจะเป็นอันตรายต่อความพยายามปกป้องสายพันธุ์สัตว์ป่าที่อ่อนแอ ในนั้นรวมถึงถิ่นฐานของเสือป่าหลายสิบตัว
"มาร์ค" ฉะ"ปลอด"กลับกลอกสร้างเขื่อน - เย้ย"ปู"โม้ผลงานสวนสถาบัน IMD - WEF
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
"อภิสิทธิ์" ชี้แก้รธน.ที่มา ส.ว. เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง มีผลประโยชน์ขัดกัน ต่างจากสมัยตนแก้เรื่องเขตเลือกตั้ง เพราะไม่ได้เป็นการเพิ่มสิทธิ์ให้ ส.ส. ฉะ"ปลอด"กลับกลอกเขื่อนแม่วงก์ เย้ย รบ.แถลงผลงานโม้สวนทางสถาบัน IMD - WEF จัดอันดับ แนะแค่ให้เสื้อแดงหยุดป่วน ทุกคนเคารพกฎกติกา บ้านเมืองก็เดินหน้าได้แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาปาหี่ตั้งเวทีปฏิรูป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 28ก.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยบนเวทีประชาชน “หยุดกฎหมายล้างผิดคิดล้มรัฐธรรมนูญ หยุดเงินกู้ผลาญชาติ หยุดอำนาจฉ้อฉล” ณ โรงยิม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ตอนหนึ่งว่า เรื่องเขื่อนแม่วงก์ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ รัฐไม่พยายามรับฟังการท้วงติงจนกระทั่งพี่น้องประชาชนจำนวนมากลุกขึ้นมา ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องขอแสดงความชื่นชมคุณศศิน เฉลิมลาภ ที่เป็นผู้นำให้พี่น้องประชาชนตื่นตัว เรื่องนี้ วันนี้ปัญหามีอยู่เพียงว่า คนที่ได้รับมอบอำนาจตัดสินใจในเรื่องนี้ ชื่อนายปลอดประสพ สุรัสวดี จะฟังเขาหรือไม่ เพราะผมฟังคุณปลอดประสพพูดทีไร ก็ยังมองไม่เห็นว่าตั้งใจจะรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง บอกว่าสัตว์ป่า ป่า หมดไป ก็สร้างขึ้นใหม่ได้ อ้างว่าถ้าไม่สร้างน้ำท่วม คน เมือง ประเทศชาติ จะเสียหายขนาดสร้างขึ้นมาใหม่ไม่ได้ สุดท้ายคนเขาก็เลยไปค้นดูประวัติว่า ตอนที่นายปลอดประสพ เป็นข้าราชการดูแลป่าไม้ นายปลอดประสพเคยคัดค้านเขื่อนนี้ ปลอดประสพก็เลยมาตอบสภาแล้วครับ ตอบว่า ที่เคยค้านเพราะตอนนั้นเป็นเขื่อนที่จะทำเรื่องชลประทาน แต่วันนี้จะทำเขื่อนป้องกันน้ำท่วม เลยไม่ค้านแล้ว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีรัฐบาลแถลงผลงาน ว่า ผมรู้แล้ว ผมไม่อยากต้องไปเถียงกันไป เถียงกันมาว่า คุณคิดอย่างนี้ ผมคิดอย่างนี้ ผมจึงต้องเอาข้อเท็จจริงที่เป็นการประเมิน จากคนที่เป็นกลาง สถาบันที่มีความน่าเชื่อถือ หรือตัวเลขจากราชการให้กับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลดู เช่น ที่บอกว่ากำลังเตรียมความพร้อม ความสามารถการแข่งขันประเทศ โดยเฉพาะจะเข้าสู่อาเซียน ผมก็เอาตารางมาให้ดูเลย สถาบันหลักๆ ที่เขาจัดอันดับ IMD กับ WEF
IMD ประเมินขีดความสามารถความแข่งขันของประเทศทุกเรื่องที่เกี่ยวกับภาครัฐ หรือรัฐบาล หรือนโยบายของรัฐบาล เทียบกับปี 53 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ประชาธิปัตย์บริหารเต็มปี ไม่มีเรื่องไหนเลยครับที่อันดับดีขึ้น มีแต่แย่ลงทั้งนั้น
WEF ประเมินนี่ ผมเอาไปให้ดูเพราะอะไร รัฐบาลกำลังจะบอกว่า ก็นี่ไง กำลังจะแก้เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน กำลังจะเอารถไฟความเร็วสูง กำลังจะเอาถนน หนทางมาให้ ผมก็ชี้ให้เห็นว่า เวลาเขาประเมินความสามารถการแข่งขันนี่ เขาลงรายละเอียด พอเขาพูดถึงถนน พูดระบบราง อันดับเราจะอยู่ประมาณ 40 - 50 กว่าๆ แต่พอเขาพูดถึงการศึกษา พอเขาพูดถึงเรื่องวิทยาศาสตร์ เราจะอยู่ 80 - 90 พอเขาพูดเรื่องการเมือง เรื่องตำรวจ เรื่องการคอร์รัปชั่น อันดับเราอยู่เป็นร้อย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงแนวทางปรองดองว่า จะปรองดองหรืออะไรอย่างไรนั้น อย่างที่ผมบอก ไม่ต้องไปรบกวนคุณบรรหารหรอกนี่ก็จะตั้งเวทีปฏิรูปกันอีกแล้ว วันที่ไหน วันที่ 7 - 8 - 9 ตุลานี่ไม่ต้องหรอกครับ ให้เสื้อแดงหยุดป่วน และให้ทุกคนเคารพกฎหมาย เคารพกระบวนการยุติธรรม เคารพศาล บ้านเมืองเดินหน้าได้ด้วยความปรองดอง
ส่วนประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องวุฒิสภานี้ มีปัญหา 1. อาจถือได้ว่ากระทบต่อรูปของรัฐ หรือเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็น ประมุข ตามรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการเปลี่ยนดุลอำนาจในระบบการเมืองที่มีการออกแบบไว้ให้วุฒิสภานั้น มีความเป็นกลางทางการเมือง เพื่อที่จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบ และเป็นผู้แต่งตั้ง ถอดถอน ทั้งองค์อิสระ และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลายตำแหน่ง แต่พอมาเปลี่ยนเป็นเลือกตั้งทั้งหมด และยังเป็นการเลือกตั้งที่ไปขจัดข้อห้ามทั้งหลาย ที่มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ ส.ว. เหมือนกับ ส.ส. หรือมีการตกอยู่ภายใต้การครอบงำทางการเมือง การแก้อย่างนี้จึงถือได้ว่ากระทบดุลอำนาจ อาจะมองได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปของรัฐ หรือการล้มล้างการปกครอง
2. การกระทำครั้งนี้เป็นการกระทำที่ผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงเป็นผู้ใช้อำนาจเสีย เอง ส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นผู้ที่ถูกห้ามไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ว. อีกในปีหน้า ถ้าไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ แต่ ส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้ง กำลังยกมือสนับสนุนเห็นชอบ แก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้สิทธิ์ตัวเองในการที่จะลงสมัครอีกครั้งหนึ่ง นี่เป็นการทำหน้าที่ที่เห็นได้ชัดว่ามีผลประโยชน์ขัดกัน มีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เขียนไว้ชัดเจนว่า ผู้แทนปวงชนชาวไทยต้องปฏิบัติหน้าที่โดยยึดประโยชน์ส่วนรวม และต้องไม่มีผลประโยชน์ของตนเองขัดแย้ง การได้สิทธิ์ตรงนี้ หรือการที่ ส.ส. หรือญาติ หรือคู่สมรสของส.ส. จะได้สิทธิ์ตรงนี้ ก็น่าคิดเช่นเดียวกันว่า ส.ส.ที่มีความตั้งใจส่งคนเหล่านี้ลงมารับเลือกตั้ง ส.ว. มีผลประโยชน์ขัดกันหรือไม่
กรณีนี้ไม่เหมือนสมัยที่รัฐบาลที่แล้วแก้รัฐธรรมนูญเรื่องเขตเลือก ตั้ง เพราะการแก้เรื่องเขตเลือกตั้งไม่ได้เป็นการเพิ่มสิทธิ์ให้แก่ ส.ส. เพียงแต่วิธีการในการเลือกตั้งเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นประเด็นนี้ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ที่มีการร้องไปว่า เป็นการออกกฎหมายให้กับตัวเอง เหมือนกฎหมายนิรโทษกรรมนี่แหละครับ ที่ผมมาเล่าให้ฟังไงครับว่า พอไปตรวจสอบรายชื่อทั้งหลาย ส.ส.หลายคนที่เสนอชื่ออยู่นี้จะพ้นจากคดีความต่างๆ ไปบุกล้มการประชุมอาเซียนที่พัทยา ไปครอบครองอาวุธ หรืออะไรก็ตาม หรือไปก่อการร้าย ก็จะพ้นจากความผิด การออกกฎหมายให้กับตัวเอง ต้องถือว่าเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่สุจริต
แล้วก็ที่สำคัญมากครับ ไม่เพียงแต่แก้กฎหมายเพื่อตัวเองเท่านั้น แม้แต่กระบวนการในการพิจารณากฎหมาย ก็มีการทุจริต ปิดกั้น ส.ส.- ส.ว. ที่แปรญัตติ มีสิทธิ์เสนอคำแปรญัตติตัวเอง กลับใช้เสียงข้างมากปิดการอภิปรายขัดต่อรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับ
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต