จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วีระศักดิ์ พงศ์อักษร
"นักกฎหมาย นักรัฐศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ และเชื่อว่าประชาชนผู้เสียภาษีอีกหลายคน อาจจะต้องอาศัยศาลปกครอง
เพื่อหยุดประชานิยม โดยเฉพาะจำนำข้าว ที่คาดว่าจะสูญเสียแสนล้านบาท"
ประชาชนผู้เสียภาษี ที่ได้รับความเสียหาย จากนโยบาย ก็น่าจะพอเข้าเกณฑ์ ยื่นให้ศาลวินิจฉัยได้บ้าง ! ส่วนจะออกมาอย่างไร ก็จะได้เป็นบรรทัดฐาน
ที่ต้องย้ำ เพราะประชานิยม ที่เน้นตอบโจทย์ผลทางการเมือง เริ่มจะส่งสัญญาณหายนะ..ขึ้นทุกวัน นิยามประชานิยมเปรียบเหมือน "ยาเสพติด" ก็ยังใช้ได้อยู่ เพราะนอกจากหยุดไม่ได้แล้ว ยิ่งต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หากยังปล่อยให้รัฐบาลเดินต่อไปเช่นนี้..บทสรุปก็จะเฉกเช่นเดียวกับประเทศในละตินอเมริกา .."ล้มละลาย" ก่อวิกฤติฐานะการคลัง จริงอยู่สถานะของไทยหนี้ต่อจีดีพี หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ แค่ 43% จีดีพี ยังห่างจากจุดวิกฤติตามมาตรฐานสากล 60% ต่อจีดีพี แต่ต้องอย่าลืมเมื่อประเทศเจอวิกฤติขึ้นมา หนี้รัฐจะกระโดด "พุ่ง" ขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นหมายความว่า จะเกิน 60% ได้ทุกเวลา
ที่ผ่านมา นักวิชาการ ฝ่ายค้าน ก็เตือนมาตลอดให้ระวัง..และควรจะหันมาทบทวนโครงการประชานิยม ที่ไม่จำเป็นออกไป เพราะสถานการณ์ของไทย สถานการณ์ของโลก อาการน่าเป็นห่วง
"ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก"!
เป็นเพราะกุมเสียงข้างมาก ที่ไม่ใส่ใจเสียงข้างน้อย...เป็นเพราะมุ่งเน้นผลทางการเมือง (และผลประโยชน์พวกพ้อง) มากกว่าผลทางเศรษฐกิจ
ศาลปกครองเท่านั้น ที่จะหยุดหายนะนี้ได้!
"การยกระดับราคาสูงขึ้นจากระดับราคาตลาดทำให้เกษตรกรที่นำข้าวมาจำนำไม่มาไถ่ถอนคืนข้าวเปลือกที่จำนำไว้ และการที่เปิดรับจำนำโดยไม่จำกัดจำนวนทำให้มีผู้นำข้าวมาจำนำไว้กับรัฐในปริมาณมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นกัน ข้อมูลจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ปรากฏว่าได้มีข้าวที่เกษตรกรนำมาจำนำไว้ไม่น้อยกว่า 16 ล้านตันข้าวเปลือก แบ่งเป็นข้าวเปลือกนาปี 6.8 ล้านตัน และข้าวเปลือกนาปรัง 9.2 ล้านตัน ข้าวจำนวนนี้ได้จัดสีเป็นข้าวสารเก็บไว้เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านตันข้าวสาร และหากจะรวมถึงข้าวสารในสต็อกจากโครงการรับจำนำที่ยังคงค้างอยู่จากปีก่อนๆ อีกประมาณ 2.5 ล้านตันข้าวสารด้วยแล้ว ขณะนี้ มีข้าวที่เก็บอยู่ในสต็อกถึงกว่า 12 ล้านตันข้าวสารและได้ใช้จ่ายงบประมาณไปกับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกในช่วงเกือบ 9 เดือนที่ผ่านมาไปแล้วไม่น้อยกว่า 240,000 ล้านบาท"
ส่วนหนึ่งของคำเตือน จาก อ.สมพร อิศวิลานนท์ http://bit.ly/MizQAi
ยังมีประธาน มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศหรือทีดีอาร์ไอ "นิพนธ์ พัวพงศกร" ก็ได้เตือนเหมือนกัน "นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นนโยบายประชานิยมจนตรอกที่ต้องการชนะการเลือกตั้งเท่านั้นและหากจะประเมินผลงานรัฐบาลคงให้คะแนนสอบตก โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว 15,000 บาทต่อตัน ที่ถือเป็นการกำหนดราคาเกินกว่าราคาตลาดทำให้การส่งออกข้าวของไทยลดลง และเสียส่วนแบ่งตลาดทันที ซึ่งหากไทยขายข้าวในราคาปัจจุบันที่ประมาณ 600 ดอลลาร์ต่อตันจะขาดทุน 100,000 ล้านบาท เพราะต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 800 ดอลลาร์ต่อตัน ประกอบกับข้าวที่รัฐบาลรับจำนำแบบทุกเม็ด ทำให้มีปัญหาเรื่องการจัดเก็บ และการระบายข้าว"
ที่น่าหดหู่ไปกว่านั้น...โครงการรับจำนำข้าวเอื้อประโยชน์ต่อชาวนาบางกลุ่มเพียง 1 ล้านครัวเรือน ที่มีผลผลิตส่วนเกินที่ออกขายสู่ตลาดซึ่งล้วนเป็นชาวนาที่มีฐานะร่ำรวย ขณะที่ชาวนาอีก 4 ล้านครัวเรือนที่ปลูกข้าวกินเอง ไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากโครงการนี้
ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ศึกษาและเกาะติดเรื่องนี้มาตลอด ฟังธงชัดเจน จะก่อปัญหาด้านวินัย การเงินการคลัง ก่อเกิดปัญหาใหญ่ในอนาคต
อดีตรองนายกฯ ประเมินความเสียหายสูงถึง 2-3 แสนล้านบาท (http://bit.ly/P9NaJY)
ความเสียหายเข้าข่ายหายนะเช่นนี้.. นักวิชาการชั้นนำ...อดีตรองนายกฯ เตือนมาตลอด รัฐบาลก็ยังไม่รับฟัง ที่พึ่งของประชาชนผู้เสียหาย ก็มีแต่เส้นทางสู่ศาลปกครองเท่านั้น !
รักษ์ไม้,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,มูลไส้เดือนดิน,การเลี้ยงไส้เดือน,ปุ๋ยอินทรีย์,ปุ๋ยชีวภาพ