จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
สศค.-ธปท. แนะ "สหกรณ์" เร่งพัฒนาระบบเทียบเท่าธนาคาร หวังสร้างความเชื่อมั่นประชาชน
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักนโยบายระบบการเงินและสถาบันการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวในงานเสวนา "การสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบสหกรณ์" ว่าการดำเนินงานของสหกรณ์ ยังขาดข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน การรายงานข้อมูลยังล่าช้า ไม่ต่อเนื่อง ซึ่งทุกสหกรณ์จะต้องมีเจ้าหน้าที่เพื่อรายงานข้อมูลแต่ละเดือนให้สหกรณ์จังหวัด ส่งตรงมายังกรมตรวจบัญชีสหกรณ์และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่ต้องทำบัญชีอย่างเป็นมาตรฐาน
"เป็นเรื่องที่ต้องปรับปรุงแก้ไข แม้จะใช้ระยะเวลา เพราะขณะนี้ แค่หาตัวคนปิดบัญชียังยาก แต่ต้องทำเพราะเป็นข้อมูลเชิงบริหารไม่ใช่ตรวจสอบ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อบย่างทันท่วงที อาจเริ่มจากสหกรณ์ที่มีความมั่นคงก่อน"
หากเทียบจากการดูแลธนาคาร 6 แห่ง ในจำนวนนี้ มี 4 แห่ง มีหน้าที่รับฝากเงินและปล่อยสินเชื่อ เมื่อเดือน พ.ย. 2557 พบว่าได้ปล่อยสินเชื่อทั้งสิ้น 3.9 ล้านล้านบาท รับฝากเงิน 3.8 ล้านล้านบาท คือ ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและมีการรายงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของ สศค.ในการติดตามเรื่องนี้ผ่านข้อมูลที่รวดเร็ว เพื่อรับรู้สถานะสถาบันการเงินช่วงนั้น
สศค. ยังมีหน้าที่กำกับความเสี่ยงทางด้านการเงิน ซึ่งมีตัวชี้วัดที่ชัดเจน เมื่อมีสัญญาณเกิดขึ้นจะรายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับทราบ โดยการกำกับความเสี่ยงนี้จะเน้นการป้องกัน การแก้ไข ให้ทำงานตามนโยบาย เช่นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ที่ต้องทำตามนโยบายรัฐบาล ต้องประเมินผลการทำงาน สศค.จึงต้องติดตามและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างรีบด่วน เพราะเรื่องเงินรอช้าไม่ได้
ยกตัวอย่าง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธนาคาร 2 แห่งมีปัญหาด้านความมั่นคง เอ็นพีแอลสูง สภาพคล่องต่ำกว่าปกติ จึงเรียกมาและทำแผนฟื้นฟู เพื่อให้ธนาคารเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งสามารถทำได้อย่างทันท่วงที
นายสุทัศน์ ไกรวงศ์ ผู้บริหารทีมฝ่ายวางแผนและพัฒนากำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท. มีภาระเกี่ยวข้องกับสหกรณ์ คือ การกำกับดูแลสถาบันการเงิน ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
หน้าที่ ธปท. คือจะออกใบอนุญาตใบประกอบจัดตั้งธนาคารขึ้น และติดตามธนาคารเหล่านั้นว่าทำอะไรที่สอดคล้องหรือขัดแย้งกับกฎหมาย ข้อมูลเหล่านี้จะดูตลอดเวลา เพื่อให้รู้ถึงสถานะการเงิน สิ่งสำคัญคือทุกธนาคารต้องมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ซึ่งธปท. จะมีสัญญาณเตือนภัย และแสดงขึ้นทันทีผ่านระบบออนไลน์ แม้การตกแต่งตัวเลข ที่อาจไม่รู้ตอนแรก แต่รู้สึกเพราะตัวเลขฝืนความจริง ดังนั้นต้องตามไปดู ธนาคารต้องชี้แจง เช่น อาจเป็นไปได้ที่มีนักธุรกิจมาลงทุนก้อนใหญ่ ถ้าธนาคารไม่รู้ก็ยุ่ง ทุกอย่างต้องมีการรายงานผ่านเครื่องมืออย่างครบถ้วน”
ดังนั้น สหกรณ์ ต้องกลับไปดูว่าขณะนี้ปัญหาของแต่ละสหกรณ์ยู่ที่ไหน แล้วแก้ให้ตรงจุดจะทำให้ประสบผลสำเร็จในที่สุด
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีสหกรณ์ กว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์มีเจ้าหน้าที่ 800 คน ทำให้การทำงานหนัก ต้องร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ในการจัดระดับทางการเงิน เพื่อให้ง่ายกับการตรวจสอบ จำแนกออกมาเป็นคลัสเตอร์ ถ้าสหกรณ์ชั้นดี เจ้าหน้าที่กรมตรวจบัญชีฯ จะเป็นเพียงพี่เลี้ยง สหกรณ์ที่อยู่ในระดับพอใช้มีความเสี่ยงก็ต้องใกล้ชิดแนะนำมากขึ้น
"สหกรณ์มีลักษณะเฉพาะตัว คือ เน้นการส่งเสริมให้สหกรณ์เป็นที่พึ่งของคนในพื้นที่ สมาชิกต้องเข้มแข็งช่วยกันตรวจสอบ แต่ละแห่งต้องมีผู้รู้ทางด้านกฎหมายเพื่อทำเรื่องบัญชี ที่เป็นจุดเสี่ยงของแต่ละสหกรณ์ ถ้าทำบัญชีได้ดีจะทำให้การตรวจสอบเป็นไปได้เร็ว"
อย่างไรก็ตามสหกรณ์ทั่วประเทศขณะนี้ระบบบัญชีอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องนั้นเป็นส่วนเล็กๆ สหกรณ์ที่ถูกเลิกนั้นหากไม่คืบหน้าเกิน 3 ปี ต้องยุบ แต่ก่อนจะยุบกรมตรวจบัญชีฯ จะให้โอกาสแก้ตัว โดยให้ชุมชนช่วยเหลือกัน ถ้าต้องการให้สหกรณ์ยังอยู่ต้องสนับสนุน
นายโอภาส กลั่นบุศย์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ทุนดำเนินการของสหกรณ์กว่า 2.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะความเชื่อมั่นในระบบสหกรณ์ ที่กำหนดดอกเบี้ยเงินฝากไว้สูง สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และต้องระวัง เพราะทุนนอกนั้นจะเกิดความเสี่ยงและกระทบต่อความเชื่อมั่น
"การจัดตั้งสหกรณ์และการสั่งยุบ จะมีเป็นนายทะเบียนจังหวัดรับทำหน้าที่นี้ รวมทั้งการตรวจสอบที่พบว่าที่ผ่านมาบางสหกรณ์ทำนอกวัตถุประสงค์และพลาด ทั้งแชร์ลอตเตอรี่ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น มีความเสียหาย 16,000 ล้านบาท แม้จะน้อยมากเมื่อเทียบกับเงินทุนหมุนเวียนในระบบสหกรณ์ แต่เป็นจุดทำที่สร้างความเสียหายกับภาพลักษณ์ และต้องแก้ไข"
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,อะไหล่ victorinox,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,servival Kit
