สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

2 เดือน น้ำมันรั่ว...ระยองยังไม่ปกติ นักท่องเที่ยวหาย-รายได้ประมงหด

จากประชาชาติธุรกิจ

เหตุการณ์น้ำมันรั่วที่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ผ่านมากว่า 2 เดือนแล้ว แต่ความเดือดร้อนแสนสาหัสของชาวบ้านยังไม่จางหาย โดยเฉพาะกลุ่มประมงพื้นบ้านและกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ที่ผลกระทบจากสารเคมีเริ่มปรากฏให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ

"บุญ ปลอด สรเกิด" ชาวประมงพื้นบ้านวัย 45 ปี บอกว่า ก่อนเหตุน้ำมันรั่วจะมีรายได้เฉลี่ยอย่างน้อย 60,000 บาทต่อเดือน แต่ตอนนี้ไม่มีรายได้เข้ามาเลยเพราะไม่มีปลา 

"สัปดาห์ ที่แล้วออกเรือได้ 3 วัน ได้ปลาหมึกแค่ 12 กิโลกรัม กับปลาอินทรีอีก 1 ตัว ทั้งที่ก่อนหน้านี้อย่างน้อยต้องได้วันละ 20-30 กิโลกรัม สภาพแบบนี้ทำให้รู้สึกท้อแท้มาก เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ทะเลจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม" 

"สันต์ เข็มจรูญ" อาชีพประมงพื้นบ้าน สะท้อนความรู้สึกแบบเดียวกันว่า หลังจากวิกฤตน้ำมันรั่วทำให้เสียโอกาสในการทำประมงอย่างมาก เนื่องจากไม่สามารถหาปลาได้เหมือนเดิม และอยากให้ผู้ที่รับผิดชอบมาให้ข้อมูลเรื่องผลกระทบจากสารเคมี เพราะขณะนี้ยังไม่แน่ใจว่าปลาที่จับได้มีการปนเปื้อนหรือไม่ ทำให้รู้สึกลำบากใจ กลัวว่าปลาที่จับมาได้จะมีอันตรายต่อผู้บริโภค จึงอยากให้มีการแก้ไขโดยเร่งด่วนก่อนที่จะสายไปมากกว่านี้ 

"สุ ภาภรณ์ มาลัยลอย" ตัวแทนกลุ่มติดตามน้ำมัน ปตท.รั่ว กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก แต่รัฐบาลก็ยังไม่มีความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยก่อนหน้านี้ทางกลุ่มได้ยื่นรายชื่อประชาชนจำนวน 32,000 คนที่ลงชื่อผ่าน Change.org สนับสนุนให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น แต่รัฐบาลยังคงเมินเฉย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าทางกลุ่มจะเดินหน้ากดดันให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบ เรื่องนี้จนถึงที่สุด เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่มีความชัดเจน และมีมาตรการควบคุมตรวจสอบไม่ให้เหตุนี้เกิดซ้ำอีกในอนาคต 

"จตุ รัส เอี่ยมวรนิรันดร์" นายกสมาคมประมงพื้นบ้านจังหวัดระยอง เปิดเผยว่า สภาพเหตุการณ์จริงที่ระยองยังไม่ปกติเหมือนในโฆษณา เพราะความจริงยังตรงกันข้าม โดยเฉพาะเรื่องสัตว์น้ำซึ่งชาวประมงไม่สามารถหาปลาได้ 

"อยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่การโฆษณาชวนเชื่อ ต้องมีการตรวจสอบผล กระทบ ถ้ายังไม่แน่ใจอย่าเพิ่งให้นักท่องเที่ยวมา เพราะหากนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่นี่แล้วกินอาหารที่มีการปนเปื้อน หรือกลับไปแล้วป่วยเป็นโรคมะเร็ง ใครจะรับผิดชอบ พวกเราเป็นชาวประมงได้รับผลกระทบและเจ็บปวดที่หาปลาไม่ได้ แต่เราก็ไม่สบายใจถ้าปลาที่เราหาได้เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เราถึงเรียกร้องให้มีการค้นหาความจริง" จตุรัสกล่าว 

นายก สมาคมชาวประมงพื้นบ้านยังกล่าวว่า ขอเรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบความจริง เพราะทุกวันนี้ไม่รู้เลยว่าน้ำมันรั่วไหลเท่าไหร่กันแน่ อีกทั้งไม่รู้เลยว่ามีการใช้สารซิลิคอน NSA ไปเท่าใด แต่ยืนยันว่าสารพวกนี้เป็นอันตราย เพราะในคู่มือการใช้ระบุเลยว่า สารเหล่านี้มีผลกระทบต่อสัตว์น้ำ โดยเฉพาะปลาหมึกและแพลงตอน 

ด้าน "วันชัย สุนานันท์" พ่อค้าส้มตำริมหาดแม่รำพึง เล่าว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วสามารถขายอาหารได้วันละ 1,000-2,000 บาท หากเป็นช่วงวันหยุดจะได้มากกว่าวันละ 3,000-4,000 บาท แต่หลังเหตุการณ์น้ำมันรั่วก็ไม่สามารถขายของได้เหมือนเดิม เพราะไม่มีนักท่องเที่ยว เหลือรายได้แค่อาทิตย์ละ 500-1,000 บาท 

ขณะ ที่ "จิรภัทร รัตนปัญญา" เจ้าของธุรกิจบริการท่องเที่ยวครบวงจร กล่าวว่า หลังเหตุการณ์น้ำมันรั่วทำให้ระยองกลายเป็นจังหวัดร้าง เพราะนักท่องเที่ยวบางตามาก ผลกระทบที่เกิดขึ้นเหมือนโดมิโน หากธุรกิจท่องเที่ยวล้มไปตัวหนึ่ง อาชีพอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบทั่วกันหมด ไม่ว่าจะเป็นชาวประมง คนขายของริมชายหาด แม่ค้าในตลาด และคนขับรถตู้ 

นี่คือความจริงอีกด้านหนึ่งที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ !


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags :

view