จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ทุ่งคำทำประชามติเปิดเหมืองทองคำแห่งใหม่ท่ามกลางม็อบต้านกว่า 800 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ ศาลาการเปรียญวัดโพนทอง บ้านหัวนา หมู่ 7 ต.นาโป่ง อ.เมืองเลย จ.เลย บริษัททุ่งคำ จำกัด จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นและกำหนดขอบเขตแนวทางการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือ Pubic Scoping (ค.1) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดทำ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(EHIA) เพื่อประกอบคำขอประทานบัตรเพิ่มเติม (คำขอประทานบัตรที่ 76/ 2539) ในพื้นที่ ต.นาโป่ง อ.เมือง จ.เลย เพื่อทำโครงการเหมืองแร่ทองคำ ทองแดง และเงินเนื้อที่ 12,000 ไร่
มีผู้ร่วมคือนายจิตเทพ ประสิทธิ์อยู่ศิลป์ จาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่,นายสรพงษ์ ลิมปัชโยพาส ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด และจังหวัดเลยมีนายฐาณิศร์ น้อยเพ็ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลยร่วมสังเกตุการณ์,นายชัยยุทธ พิศถาน นายกเทศมนตรีตำบลนาโป่ง เจ้าของพื้นที่ นอกจากนี้มีการใช้กำลังตำรวจ ภูธรจังหวัดเลย จำนวน 3 กองร้อย 500 นาย อาสาสมัคร จำนวน 100 คน อปพร. 100 คน รวม 700 นาย เข้าทำการรักษาความสงบเรียบร้อยในครั้งนี้ ท่ามกลางกลุ่มคัดค้านเดินทางมาจาก ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย ประมาณ 800 คน รวมทั้งนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นด้วย มีนายสมัย ภักดิ์มี แกนนำกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดเป็นแกนนำ พร้อมแจกใบปลิวแสดงถึงปัญหาที่เกิดจากการเปิดเหมืองทองคำของ ต.เขาหลวงฯ โดยม็อบต้านเหมืองไม่สามารถเข้าไปในบริเวณประชามติได้เลย
ทางกลุ่มกล่าวโจมตีว่า การเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นที่จะเปิดเหมืองทุ่งคำ 10,000 ไร่ ในพื้นที่ตำบลนาโป่ง อ.เมือง ขอแสดงพลังคัดค้านให้ถึงที่สุด เพราะการทำเหมืองแร่ในพื้นที่อื่นๆ ผลกระทบส่วนใหญ่จะตกอยู่ที่ชาวบ้านในตำบลเขาหลวง เพราะดินที่ขุดจากแหล่งอื่นจะถูกขนมาเข้ากระบวนการผลิตที่โรงแต่งแร่ที่ตั้งอยู่ใกล้หมู่บ้าน
"นับตั้งแต่ปี 2549 นับแต่ที่บริษัททุ่งคำจำกัดเริ่มดำเนินกิจการในพื้นที่ตำบลวังสะพุง มีรายงานถึงการปนเปื้อนของสารเคมีเป็นพิษ ไซยาไนด์ และโลหะหนักหลายชนิด ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมของชุมชนอย่างน้อย 6 หมู่บ้าน และทางบริษัทมีโครงการเปิดเหมืองขึ้นในพื้นที่จังหวัดเลยอีก 106 แปลงประกอบด้วย ต.เขาหลวงหนองงิ้วอ.วังสะพุง,ต.นาโป่ง นาดินดำ อ.เมืองเลย และ ต.บุฮม อ.เชียงคาน เพิ่มจากเดิมที่ทำแล้ว 6 แปลง มีผลกระทบ 33,000 กว่าไร่
นายชัยยุทธ พิศถาน นายกเทศมนตรีตำบลนาโป่ง ฯ กล่าวว่า ประชาชนต้องมีกำหนดทิศทางร่วมกันเกี่ยวกับโครงการนี้ เพื่อกำหนดอนาคตของ ต.นาโป่ง ฯ ตนต้องมองความกินดีอยู่ดีของประชาชนเป็นหลัก ต.นาโป่ง มี 16 หมู่บ้าน ประชากรกว่า 9,000 คน สำหรับงบประมาณของเทศบาลฯปีละ 33 ล้านบาท มีงานพัฒนาจำนวนมาก ดังนั้นจึงค่าใช้จ่ายประจำต่างๆงบประมาณพัฒนาไม่เกิน 7 ล้านบาทเท่านั้น เมื่อเรามีโอกาสเข้ามาแล้ว ประชาชนเห็นว่าจะเกิดประโยชน์กับท้องถิ่นแล้วเราจะได้ภาษีคืนมาสู่รัฐบาลส่งต่อมายังพื้นที่ 73 ล้านบาท จะช่วยย่นและลดระยะเวลาพัฒนา ต.นาโป่ง ได้ เกือบ 20 ปี การพัฒนาจะเกิดขึ้นมากกว่าทุกวันนี้
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต