สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

พาณิชย์ดีเดย์จำนำข้าวรอบใหม่ 1 ต.ค.นี้ ชาวนาวอนอย่าเทียบกับชาวสวนยาง

จากประชาชาติธุรกิจ

กระทรวงพาณิชย์ 5 ก.ย.-อธิบดีกรมการค้าภายในเผย ครม.อนุมัติหลักเกณฑ์โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57 วันที่ 1 ต.ค.นี้ ชาวนาวอนอย่าเปรียบเทียบมาตรการช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าวกับชาวสวนยางพารา

น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักเกณฑ์โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57 โดยกำหนดให้ราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปี (ครั้งที่ 1) ยังเป็นเช่นเดียวกับโครงการรับจำนำเมื่อปีการผลิต 2555/56 ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 20,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 100% ตันละ 15,000 บาท ในส่วนของข้าวเปลือกนาปรัง (ครั้งที่ 2) ได้ปรับลดราคาข้าวเปลือกเจ้า 100% ลงเป็นตันละ 13,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกชนิดอื่นยังคงราคาเช่นเดียวกับนาปี (ครั้งที่ 1) ซึ่งคาดว่าจะมีข้าวเข้าโครงการรับจำนำรวมปริมาณ 16.5 ล้านตัน ใช้งบประมาณ 270,000 ล้านบาท

สำหรับปริมาณจำนำของเกษตรกรแต่ละราย ข้าวนาปีกำหนดไม่เกินรายละ 350,000 บาท ส่วนข้าวนาปรังไม่เกินรายละ 300,000 บาท นอกจากนี้ยังกำหนดให้รับจำนำเฉพาะข้าวเปลือกคุณภาพดี โดยจะไม่รับจำนำข้าวเปลือกที่มีอายุน้อยกว่า 110 วัน ที่มีคุณภาพต่ำจำนวน 18 พันธุ์ ทั้งนี้ ระยะเวลารับจำนำในช่วงนาปี (ครั้งที่ 1) อยู่ระหว่าง 1 ตุลาคม 2556-28 กุมภาพันธ์ 2557 (ภาคใต้ 1 ตุลาคม 2556-31 กรกฎาคม 2557) และช่วงนาปรัง (ครั้งที่ 2) ตั้งแต่ 1 มีนาคม-30 กันยายน 2556 (ภาคใต้ 1 สิงหาคม-30 พฤศจิกายน 2557)

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างสำรวจกลุ่มชาวนาปรังที่ตกค้างยังไม่ได้เข้าโครงการรับจำนำในปีการผลิต 2555/56 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวนาภาคกลาง คาดว่าจะมีจำนวนนับหมื่นราย และในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกันยายนนี้ จะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย เพื่อให้ดำเนินโครงการรับจำนำข้าวไปในทิศทางเดียวกันต่อไป

อธิบดีกรมการค้าภายในย้ำว่า รัฐบาลจำเป็นต้องดูแลเกษตรกรชาวนา เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาการผลิตด้วยตนเอง และยังเป็นพืชที่มีความเสี่ยงต่อความเสียหายมากกว่ายางพารา เช่น ประสบภัยธรรมชาติและศัตรูพืช ขณะที่สินค้าเกษตรอื่น เช่น ยางพารา มีหน่วยงานดูแลเป็นการเฉพาะมายาวนานแล้ว ได้แก่ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง องค์การสวนยาง และสถาบันวิจัยยาง

ด้านนายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาข้าวไทย และนายวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า ไม่อยากให้มีการเปรียบเทียบมาตรการช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าวกับชาวสวนยางพารา เพราะชาวนาเองก็เห็นใจชาวสวนยาง ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้ง เนื่องจากเป็นประชาชนที่อยู่ในภาคเกษตรเช่นเดียวกัน เมื่อเดือดร้อนก็ต้องขอให้รัฐเข้ามาดูแลแก้ปัญหา ซึ่งที่ผ่านมาถึงแม้ชาวนาจะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลด้วยงบประมาณค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นเพราะชาวนามีจำนวน 3.7 ล้านครัวเรือน ซึ่งมากกว่าเกษตรกรกลุ่มอื่นๆ มีต้นทุนการผลิตสูงกว่าพืชชนิดอื่น และรายได้ต่ำกว่าเกษตรกรกลุ่มอื่นๆ ดังจะเห็นได้จากที่ชาวนาส่วนใหญ่ยังคงมีหนี้สินเป็นจำนวนมาก สะท้อนว่าคุณภาพชีวิตชาวนาไม่ได้ดีไปกว่าเกษตรกรกลุ่มอื่นๆ จึงจำเป็นที่รัฐต้องเข้ามาดูแลผ่านโครงการรับจำนำเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตชาวนาไทย




ที่มา : สำนักข่าวไทย


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags :

view