จาก โพสต์ทูเดย์
ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ เพิ่ม จากอิทธิพลพายุที่ขึ้นฝั่งเวียดนามและจีน แต่เขื่อนใหญ่ กฟผ. ยังสามารถรับน้ำได้อีก
นายกิตติ ตันเจริญ ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำว่า ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2556 เวลา 24.00 น. มีปริมาณน้ำในอ่างฯ ทุกแห่งรวม 35,667 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 58% ของความจุ เพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือนกรกฎาคม 2,742 ล้าน ลบ.ม. แต่ยังน้อยกว่าปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน 7% หรือ 2,697 ล้าน ลบ.ม. รวมถึงเขื่อนใหญ่ของ กฟผ. 4 แห่งในภาคเหนือและภาคตะวันตก ได้แก่ เขื่อนภูมิพล รองลงมา คือ เขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนศรีนครินทร์ ที่ยังคงมีปริมาณน้ำน้อยกว่าปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน ส่วนเขื่อนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น มีสถานการณ์น้ำในอ่างฯ ดีขึ้น
สำหรับเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ได้รับน้ำเพิ่มจากอิทธิพลทางอ้อมของพายุที่เคลื่อนขึ้นฝั่งที่ประเทศ เวียดนามและจีนทั้งสามลูกเพียงเล็กน้อย การบริหารจัดการน้ำยังต้องควบคุมให้มีการใช้น้ำอย่างประหยัด โดยคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำกำหนดให้มีการระบาย น้ำจากทั้งเขื่อนทั้งสองเท่าที่จำเป็น โดยปัจจุบัน เขื่อนภูมิพลระบายน้ำวันละ 3 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนสิริกิติ์ระบายน้ำวันละ 5 ล้าน ลบ.ม. ตามแผนการประหยัดน้ำ เนื่องจากเขื่อนทั้งสองยังมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยมาก ถึง 50% สำหรับเขื่อนภูมิพล และ 18% สำหรับเขื่อนสิริกิติ์ โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำในอ่างฯ เพียง 34% ของความจุ ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 46% ของความจุ ด้านเขื่อนอุบลรัตน์ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่างฯ 33% ของความจุ
อย่างไรก็ตาม กฟผ. ได้ประสานงานกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 10 และประมง จ.ขอนแก่น เกี่ยวกับกรณีปลาตายที่พื้นที่บ้านห้วยซัน ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น หลังได้ทราบว่ามีเกษตรกรร้องเรียนว่าการระบายน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ ทำให้ปริมาณน้ำพองเพิ่มสูงขึ้น เป็นสาเหตุให้ปลาที่เลี้ยงในกระชังทยอยตายอย่างต่อเนื่อง หลังตรวจสอบข้อมูลพบว่าในบริเวณดังกล่าวมีการเลี้ยงปลาอย่างหนาแน่น ซึ่งโดยปกติ ช่วงที่มีฝนตกหนักจะชะล้างปุ๋ยและสารเคมีที่ใช้ในพื้นที่การเกษตรลงแม่น้ำลำ คลอง ทำให้เกิดน้ำเสียและมีปลาที่เลี้ยงในกระชังตายเป็นประจำทุกปี อีกทั้งบริเวณที่ได้รับความเสียหายมีระยะทางห่างจากเขื่อนอุบลรัตน์กว่า 80 กิโลเมตร และมีฝายหนองหวายที่คอยควบคุมปริมาณน้ำโดยผันเข้าพื้นที่การเกษตรทั้งสอง ฝั่งและระบายน้ำลงท้ายน้ำในอัตราค่อนข้างคงที่ประมาณ 40-50 ลบ.ม./วินาที หรือ 4-4.5 ล้าน ลบ.ม./วัน
นอกจากนี้ เขื่อนอุบลรัตน์ ยังมีการบริหารจัดการระบายน้ำเพื่อสำรองช่องว่างสำหรับรับน้ำที่เกิดจากพายุ ประมาณ 10 ล้าน ลบ.ม./วัน มาตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม 2556 รวมถึงได้ประสานงานกับโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหนองหวาย กรมชลประทาน เพื่อผันน้ำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ชลประทานให้มากที่สุด ส่งผลให้เหลือปริมาณการระบายน้ำผ่านฝายหนองหวายลงลำน้ำเพียง 4 ล้าน ลบ.ม./วัน ด้วยเหตุนี้จึงอาจกล่าวได้ว่าการระบายน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ ไม่อาจส่งผลกระทบต่อการเกษตรในพื้นที่ดังกล่าว
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,อะไหล่ victorinox,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,servival Kit
