จากประชาชาติธุรกิจ
การออกมากระตุ้นเตือนของมูลนิธิเพื่อผู้ บริโภค-มูลนิธิชีววิถีให้ผู้บริโภคตระหนักถึงการตกค้างของสารเคมีที่ใช้ใน การรมยากำจัดแมลงจำพวกมอด/ด้วงในกระบวนการผลิตข้าวสารเมื่อเร็วๆนี้ ไม่เพียงแต่สร้างความตื่นตระหนกให้กับสังคม แต่ยังเปิดเผยให้เห็นความจริงอีกด้านหนึ่งที่ว่า กระบวนการผลิตข้าวของประเทศไทยตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงสีแปรเป็นข้าวสาร หรือการผลิตข้าวสาร 1 เมล็ด มีการใช้สารเคมีเป็นจำนวนมากเพียงใด
เริ่มจากการใช้ปุ๋ยเคมี การใช้สารกำจัดวัชพืช การใช้สารกำจัดแมลง การใช้สารป้องกัน/กำจัดโรคพืช และสารรมควันพิษ
ยกตัวอย่าง การกำจัดศัตรูพืช ที่เริ่มใช้ตั้งแต่ระยะกล้าและหลังปักดำหรือหว่านข้าวไม่เกิน 40 วัน ล้วนเกี่ยวข้องกับสารเคมีมากกว่า 20 ชนิดเพื่อที่จะใช้กำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล, เพลี้ยกระโดดหลังขาว, เพลี้ยจักจั่น, เพลี้ยไฟข้าว, หนอนห่อใบข้าว, หนอนปลอก, หนอนกอ, แมลงสิง, หนอนกระทู้ และแมลงหล่า ขึ้นอยู่กับการระบาดของแมลงศัตรูพืชชนิดนั้น ๆ
นอกจากนี้ยังต้องใช้สารเคมีทางการเกษตรในการกำจัดวัชพืช สารเคมีที่ใช้ในการป้องกันและกำจัดโรคพืช สารกำจัดหอย/หอยทาก โดยการใช้สารเคมีเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะใช้วิธีพ่น มีระยะเวลาก่อนและหลังกำกับการใช้เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ใช้และตัวผู้บริโภคอย่างชัดเจน ขึ้นอยู่กับผู้ใช้จะปฏิบัติตามคำแนะนำนั้นอย่างเคร่งครัดมากน้อยแค่ไหน
จนอาจกล่าวได้ว่า กรรมวิธีการปลูกข้าวทั่วไปในประเทศไทยปัจจุบัน มีความจำเป็นที่จะต้องใช้สารเคมีทางการเกษตรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความน่ากลัวของการใช้สารเคมีเหล่านี้นับวันจะเพิ่มปริมาณมากขึ้นจากการติดตามสถิติการนำเข้าพบว่า1) ปุ๋ยเคมี จากปี 2550 มีปริมาณ 4,350,515 ตัน คิดเป็นมูลค่า 45,139 ล้านบาท มาถึงปี 2555 ปริมาณ 5,377,290 ตัน มูลค่า 81,201 ล้านบาท เฉพาะ 6 เดือนแรกของปีนี้ มีปริมาณ 2,184,853 ตัน มูลค่า 29,361 ล้านบาท 2) สารกำจัดวัชพืช ปี 2554 ปริมาณ 112,176 ตัน มูลค่า 11,479 ล้านบาท ปี 2555 ปริมาณ 106,860 ตัน มูลค่า 11,293 ล้านบาท เฉพาะ 6 เดือนแรกปริมาณ 49,859 ตัน มูลค่า 5,351 ล้านบาท
3) สารกำจัดแมลง ปี 2554 ปริมาณ 34,672 ตัน มูลค่า 5,938 ล้านบาท ปี 2555 ปริมาณ 16,796 ตัน มูลค่า 3,883 ล้านบาท 6 เดือนแรก 8,853 ตัน มูลค่า 1,548 ล้านบาท 4) สารป้องกันและกำจัดโรคพืช ปี 2554 ปริมาณ 12,178 ตัน มูลค่า 3,875 ล้านบาท ปี 2555 ปริมาณ 6,971 ตัน มูลค่า 3,883 ล้านบาท 6 เดือนแรกปริมาณ 3,381 ตัน มูลค่า 1,878 ล้านบาท และ 5) สารกำจัดหอย/หอยทาก ปี 2554 มีการนำเข้า 602 ตัน มูลค่า 55 ล้านบาท ปี 2555 ปริมาณ 233 ตัน มูลค่า 53 ล้านบาท 6 เดือน
ขณะที่การรมยา หรือการใช้สารรมควันพิษ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกใช้ไปในกระบวนการกำจัดมอด/แมลงในกองข้าว (สารเมทิลโบรไมด์ กับฟอสฟีน) ปี 2554 มีการนำเข้าปริมาณ 732 ตัน มูลค่า 122 ล้านบาท ปี 2555 ปริมาณ 945 ตัน มูลค่า 154 ล้านบาท และ 6 เดือนแรกของปีนี้มีการนำเข้า 475 ตัน มูลค่า 66 ล้านบาท
รวมปี 2554 มีปริมาณนำเข้าทั้งหมด 184,538 ตัน มูลค่า 22,070 ล้านบาท ปี 2555 ปริมาณการนำเข้า 134,480 ตัน มูลค่า 19,378 ล้านบาท และ 6 เดือนแรกของปีนี้ มีปริมาณนำเข้า 63,593 ตัน มูลค่า 8,980 ล้านบาท
ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า ในแต่ละปีประเทศไทยมีการใช้สารเคมีทางการเกษตรไม่ต่ำกว่า 100,000 ตัน แน่นอนว่า ส่วนใหญ่ตกค้างอยู่ในพืชผลทางการเกษตร พื้นดินที่ใช้ในการเพาะปลูก แหล่งน้ำ จากหลักฐานการตรวจสอบพืชอาหารที่ใช้ในการบริโภคของกระทรวงสาธารณสุข พบตัวอย่างของการตกค้างของสารเคมีเหล่านี้เป็นจำนวนมาก ที่สำคัญมีการใช้สารเคมีทางการเกษตรบางประเภทที่ประเทศผู้ผลิตเอง (สหภาพยุโรป-สหรัฐ) ห้ามผลิตห้ามใช้ภายในประเทศ ซึ่งจัดเป็นสารมีพิษตกค้างอันตรายร้ายแรง ด้วยการหลบเลี่ยงไปใช้ชื่อทางการค้าใหม่ ๆ
สารเคมีเหล่านี้ประมาณการกันว่า มากกว่า 90% ถูกใช้ในนาข้าวภายในประเทศ ผ่านช่องทางการจำหน่าย ร้านค้าวัสดุทางการเกษตร ที่กระจายอยู่ทั่วทุกอำเภอ คิดเป็นมูลค่าทางการตลาดมากกว่า 50,000 ล้านบาทขึ้นไป
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,อะไหล่ victorinox,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,servival Kit