ห่วงฟิล์มน้ำมันทำลายระบบนิเวศ
จาก โพสต์ทูเดย์
สทอภ.แพร่ภาพเหนือเกาะเสม็ด-อ่าวบ้านเพห่วงฟิล์มน้ำมันกระจายตัว ทำลายระบบนิเวศโดยรวม
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) ได้เผยแพร่ภาพจากดาวเทียมระบบเรดาร์ COSMO-SkyMed-1 เมื่อเวลา 06:15 น. ของวันที่ 30 ก.ค. พร้อมระบุว่า ภาพถ่ายแสดงให้เห็นอาณาบริเวณของคราบน้ำมันที่เป็นฟิล์มบางๆ ด้านเหนือของเกาะเสม็ดและอ่าวบ้านเพ มีขนาดลดลงจากเมื่อวานนี้ (จาก 18 ตารางกิโลเมตรเหลือ 15 ตารางกิโลเมตร) โดยฟิล์มน้ำมันเหล่านี้น่าจะมีต้นกำเนิดมาจากมวลน้ำมันที่สะสมใกล้ฝั่งใน บริเวณอ่าวและชายฝั่งด้านตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะเสม็ด รวมถึงแหลมหญ้าด้านอ่าวบ้านเพ ซึ่งควรจะมีการสำรวจภาคพื้นดินอย่างละเอียดและขจัดออกด้วยวิธีการที่เหมาะสม เพื่อลดปริมาณต้นกำเนิดของคราบน้ำมัน ที่มิฉะนั้นก็จะยังมีการแพร่ออกมาอย่างต่อเนื่องไปอีกหลายวันหรือสัปดาห์
นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสว่า ที่ผ่านมามีการพุ่งเป้าการจัดการคราบน้ำมันไปที่อ้าวพร้าวมาก แต่ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุด เมื่อเวลา 6.15 น. พบว่า ฟิล์มน้ำมันเริ่มกระจายตัวไปยังจุดอื่น โดยยังคงมีจุดศูนย์กลางอยู่บริเวณอ่าวน้อยหน่า และหัวเกาะเสม็ด ยังอยู่ที่จุดอื่นอีก หากไม่จำกัดได้ คราบน้ำมันก็ยังคงอยู่เรื่อยๆ
ทั้งนี้ ฟิล์มน้ำมัน จะเคลือบผิวหน้าน้ำทะเล ทำให้ผิวน้ำทะเลมัน กว่าที่ควรจะเป็น โดยอาจมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่ที่ดาวเทียมจับภาพได้ เนื่องจากดาวเทียมจะสะท้อนผิวขรุขระของสัญญาณเรดาร์ แปรผลออกมาเป็นภาพ อย่างไรก็ตาม ผลในระยะเร่งด่วนของฟิล์มน้ำมัน อาจมีไม่มากนัก แต่ในระยะยาว อาจมีผลกระทบต่อระบบนิเวศ หรือาจอปล่อยอะไรบางอย่างให้สิ่งมีชีวิตกินเข้าไป จนส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหาร ต่อสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศได้ ไม่ว่าจะเป็นปะการัง สัตว์น้ำ หรือป่าชายเลน โดยบางส่วนอาจย่อยสลายได้ แต่บางส่วนอาจใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะพบ และกว่าจะย่อยสลายหมด โดยฟิล์มน้ำมันสามารถขยับออกไปเรื่อยๆ จนสามารถข้ามไปยังจังหวัดอื่นได้
ผู้อำนวยการสทอภ. กล่าวอีกว่า ภาพถ่ายบริเวณอ่าวพร้าววันนี้ พบว่าคราบน้ำมันถูกจัดการไปเป็นจำนวนมากแล้ว ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องควรจัดการฟิล์มน้ำมันบริเวณหัวเกาะเสม็ด ไม่ให้ขยายออกไปด้วยการจำกัดวง มากกว่าจะใช้สารเคมีตามไปแก้ซึ่งเป็นปลายเหตุ
อานนท์'ชี้พบฟิล์มน้ำมันกระจายถึงแกลง
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
อานนท์"ชี้พบฟิล์มน้ำมันกระจายถึงแกลง เนื่องจากคลื่นและทิศทางลมค่อนข้าง
นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยาผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศเปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดของสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลในทะเลฝั่งอ่าวไทย โดยภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (30 ก.ค.) เวลา 6 นาฬิกา จะเห็นว่าน้ำมัน ซึ่งมีลักษณะเป็นฟิล์มน้ำมันได้ออกห่างจากชายฝั่ง แกลงพอสมควร โดยสถานการณ์ในภาพรวมถือว่าดีขึ้น แต่ยังคงพบฟิล์มน้ำมันบริเวณเขตอุทยานแหลมหญ้า รวมถึงอ่าวอื่นๆ ที่อยู่ถัดมาจากอ่าวพร้าว เช่นแหลมถ้ำ แหลมน้อยหน่า และท่าเรือเกาะเสม็ด
อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ว่าฟิล์มน้ำมันได้กระจายไปถึงชายฝั่งบางส่วน รวมถึงเกาะที่อยู่ใกล้เคียง เนื่องจากคลื่นและทิศทางลมค่อนข้างแรง มีฝนตกเกือบทั้งวัน ลมตะวันตกเฉียงใต้ยังมีอิทธิพลให้คราบน้ำมันไปทางทิศตะวันออกมากขึ้น บริเวณชายหาดบ้านแพ แกลง และปากน้ำประแสร์ ยังเป็นจุดที่มีความเสี่ยงสูง กรณีหาดแม่พึงรอดพ้นจากเหตุการณ์ เว้นแต่จะมีอิทธิพลจากลมวกกลับไป แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ส่งสัญญาณไปทางนั้น
คราบน้ำมันที่เห็นบนภาพดาวเทียมมีทั้งคราบน้ำมันที่เป็นคราบหนา และคราบบางลักษณะเป็นฟิล์มน้ำมัน ปนกัน ตรงกลางคาดว่าจะหนาประมาณ 10 ซม. ส่วนที่เหลือเป็นฟิล์มบางๆ กระจายอยู่โดยรอบ
สำหรับข้อมูลที่บอกว่าประมาณน้ำมันที่รั่วไหลมีมากถึง 2-3 ร้อยตัน ไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากคราบน้ำมันที่เห็นในภาพ กว้าง 10-15 ตร.กม ยาว 8 ตร.กม. ถ้าฟิล์มน้ำมันหนาประมาณ 1 มิลลิเมตร ปริมาณน้ำมันคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 15 ตัน ซึ่งปัจจุบันมีการมีการกระจายไปบางส่วน ไม่เช่นนั้นภาพน้ำมันบนภาพจะต้องใหญ่กว่านี้มาก ยืนยันว่าไม่เกิน 100 ตันแน่นอน
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาประเทศไทยเคยมีเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลมากกว่านี้ ระดับ 200 ตันที่เกาะสีชัง และคลองด่าน แสมสารหากดูข้อมูลของคลื่นและกระแสน้ำจากสถานีเรดาร์ชายฝั่งจะเห็นว่า คราบน้ำมันเคลื่อนที่ตามกระแสน้ำขึ้นน้ำลง เและการปั่นป่วน ระหว่างผ่านเข้าไปยังช่องระหว่างแหลมหญ้าและเกาะเสม็ด ทำให้น้ำมันกระจายไปทุกทิศทุกทาง โดยอ่าวพร้าวได้รับผลกระทบโดยตรง รวมถึงแหลมอื่นที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เช่นแหลมหญ้า แหลมถ้ำ แหลมน้อยหน่า
น้ำมันส่วนใหญ่ถูกชายฝั่งดักไว้ ทำให้เชื่อได้ว่ายังมีคราบน้ำมันเหลืออยู่ที่บริเวณชายฝั่งอุทยานเขาแหลมหญ้า มากพอสมควรในลักษณะคราบน้ำมันสะสม ซึ่งยังไม่ปรากฏเป็นข่าว
วันนี้คราบน้ำมันมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เริ่มเล็กลง แต่ถามว่าวันพรุ่งนี้จะหมดไปหรือไม่ อาจต้องส่งคนเข้าไปดูในต้นทาง เนื่องจากลมและกระแสน้ำเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการกระจายตัวของคราบน้ำมันค่อนข้างมาก
นายอานนท์ กล่าวว่า น้ำมันที่จะคงเหลือเข้าฝั่งวันนี้จะไม่ใช่น้ำมันหลัก หรือน้ำมันตั้งต้น แต่เป็นฟิล์มน้ำมันบางๆ ที่อาจมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นต้องใช้เครื่องมือวิเคราะห์ แต่ประมาทไม่ได้ เพราะแม้จะหนาเพียง 50-100 ไมครอน ฟิล์มน้ำมันที่กระจายอยู่ยังคงมีปริมาณมากเป็นตัน กินพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบยาวหลาย 10 ตารางกิโลเมตร จากแหลมหญ้า ถึงปากน้ำประแสร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ
ฟิล์มน้ำมันซึ่งไม่ได้ทำให้สิ่งมีชีวิตตายในทันทีแต่จะสะสมเข้าไปสู่ระบบนิเวศน์ เนื่องจากน้ำมันมีองค์ประกอบทางเคมีอีกหลายตัวที่เป็นอันตราย เช่นสารในกลุ่มอะโรเมติก PAHs หรือแม้แต่โลหะ ในระยะยาวฟิล์มที่เคลือยอยู่บนหินหรือทรายจะค่อยระเหยไป ซากสุดท้ายที่ระเหยไม่ได้จะเหลือเป็นก้อนน้ำมันดินหรือ ทาร์บอล ลักษณะ เหนียว ดำเป็นก้อน ทิ้งไว้
อีก 3-4 เดือนนับจากนี้ คาดการณ์ว่าบริเวณชายฝั่งจะมีทาร์บอลเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแม้จะไม่เป็นภัยมาก แต่หากสร้างความรำคาญให้กับสิ่งมีชีวิตชายฝั่ง เช่นนก อย่างไรก็ตาม ปัญหาทาร์บอลไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะปัจจุบัน ชายหาดหลายแห่งพบเห็นทาร์บอลที่มาจากน้ำมันของเรือประมง สะสมวันละเล็กน้อยจนกลายเป็นก้อนน้ำมันในที่สุด
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลา 5-7 วันนับจากนี้ น่าจะขจัดสิ่งที่ดูน่าสยดสยองออกไป แต่น้ำมันไม่ได้หายไปไหน ในระยะยาว 3-6 เดือนข้างหน้า ฟิล์มน้ำมันจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์มากน้อยขนาดไหน ยังต้องจับตา
ส่วนในวันนี้ สทอภ. ได้สั่งดาวเทียมระบบเรดาห์ ถ่ายภาพในบริเวณดังกล่าวเพิ่มติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะได้ภาพถ่ายดาวเทียมเวลา 6 โมงเช้า ซึ่งต้องรอการวิเคราะห์ไม่เกินเที่ยงวัน และสั่งถ่ายอีกครั้งเวลา 6 โมงเย็น ซึ่งคาดจะได้ผลการวิเคราะห์ภาพประมาณ 2 ทุ่มของวันนี้ (31ก.ค.)
สถานการณ์ของคราบน้ำมันที่รั่วไหลในทะเล จังหวัดระยอง วันที่ 31 กรกฎาคม 2556 จากภาพถ่ายดาวเทียมและสถานีเรดาร์เพื่อการตรวจวัดคลื่นและกระแสน้ำชายฝั่ง แสดงให้เห็นอาณาบริเวณของคราบน้ำมันที่เป็นฟิล์มบางๆ ที่ยังมีอยู่ทางด้านเหนือของเกาะเสม็ด ซึ่งมีขนาดลดลงจากเมื่อวานนี้เล็กน้อย (ประมาณ 10 ตารางกิโลเมตร) และมีการกระจายตัวของฟิล์มน้ำมันบางส่วนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะเสม็ด โดยฟิล์มน้ำมันเหล่านี้น่าจะมีต้นกำเนิดมาจากมวลน้ำมันที่สะสมบริเวณด้านเหนือของอ่าวเสม็ด ซึ่งควรจะมีการสำรวจภาคพื้นดินอย่างละเอียดและขจัดออกด้วยวิธีการที่เหมาะสม เพื่อลดปริมาณต้นกำเนิดของคราบน้ำมัน มิฉะนั้นก็จะยังมีการแพร่ออกมาอย่างต่อเนื่องไปอีกหลายวันหรือสัปดาห์
ถึงแม้ว่าคราบน้ำมันที่เป็นฟิล์มบางๆ นี้อาจจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเฉียบพลัน แต่สารเคมีบางชนิด เช่น สารอินทรีย์ในกลุ่มอะโรมาติคและโลหะบางชนิดที่มีในน้ำมันดิบอาจจะสะสมในสิ่งมีชีวิตและถ่ายทอดตามห่วงโซ่อาหารในทะเลสู่ผู้บริโภคขั้นสูงได้ รวมทั้งองค์ประกอบที่สลายตัวได้ยากจะรวมตัวและสะสมเป็นก้อนน้ำมันดิน (Tar Ball) ตามชายหาดต่างๆ ในระยะยาว ดังนั้นจึงควรมีการกำหนดแผนการป้องกันและติดตามคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตทางทะเลในบริเวณนี้ในระยะยาวต่อไป
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,อะไหล่ victorinox,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,servival Kit