สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

นักวิทย์จี้เปิดข้อมูลสารเคมีกำจัดคราบน้ำมัน

นักวิทย์จี้เปิดข้อมูลสารเคมีกำจัดคราบน้ำมัน

จาก โพสต์ทูเดย์

นักวิทย์ฯเรียกร้องหน่วยงานเกี่ยวข้องให้เปิดข้อมูล-ผลกระทบจากสารเคมีกำจัดคราบน้ำมัน ยกกรณีอ่าวเม็กซิโกพบการตกค้าง 

เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นายพลังพล คงเสรี อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำมันที่รั่วภายในอ่าวไทย มีประมาณ 500 บาร์เรล เท่านั้น ซึ่งมีปริมาณน้อยมาก เมื่อเทียบกับเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วครั้งใหญ่ของโลก เช่น กรณี แท่นขุดเจาะน้ำมันบีพี ระเบิดในอ่าวเม็กซิโก เมื่อปี 2553 หรือ กรณีเรือบรรทุกน้ำมันเอ็กซอนวัลเดซ ล่มเมื่อปี 2532 อย่างไรก็ตาม โชคไม่ดี ที่มีปัญหาเรื่องคลื่นลม และลมตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้กระแสน้ำ และคราบน้ำมันไปยังเขาแหลมหญ้า รวมถึงอ่าวพร้าว ทำให้เกิดปัญหาคราบน้ำมัน

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่รับผิดชอบควรเปิดเผยรายละเอียดว่า ใช้สารเคมีใด ในการกำจัดคราบน้ำมัน และควรมีบทสรุปให้ชัด เนื่องจากสาร Corexit ที่ใช้ในการแก้ปัญหาน้ำมันรั่วที่อ่าวเม็กซิโก เมื่อปี 2553 สร้างปัญหาต่อบุคคล ทั้งผิวหนังลอก หรือสเปิร์มไม่แข็งแรง รวมถึงสร้างการตกค้างยาวนาน รวมถึง ทำให้เกิดอันตรายกับคน ซึ่งจนถึงวันนี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบของไทยยังไม่มีคำตอบชัดว่า สารเคมีดังกล่าว มีโครงสร้างทางเคมีอย่างไร และจะทำให้เกิดผลกระทบอะไรบ้าง

ขณะที่นายพหล โกสิยะจินดา อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ระยะเวลาในการฟื้นตัวอาจไม่เร็วถึงขั้น 3-4 วัน จะหายไปทั้งหมด โดยการบำบัดต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 อาทิตย์ รวมถึงต้องใช้ขั้นตอนทางจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นวิธีทางธรรมชาติ ร่วมด้วย โดยหากจะฟื้นคืนสภาพปกติทั้งหมด อาจใช้เวลาเป็นเดือน หรือเป็นปี ทั้งนี้ อยากให้ เปิดเผยข้อมูลเช่นกัน ว่าใช้สารเคมีใดในการแก้ปัญหา

แหล่งข่าวในแวดวงนักเคมี กล่าวว่า โครงสร้างของสารเคมี Slickgone NS Type II/III ที่ปตท.เคมีคอล เลือกใช้ น่าจะมีองค์ประกอบทางเคมี คล้ายกับ Corexit ที่ใช้กำจัดคราบน้ำมันในเหตุการณ์แท่นขุดเจาะน้ำมันบีพีระเบิด เมื่อปี 2553 อย่างไรก็ตามไม่มีข้อมูลว่า จะส่งผลกระทบกับสิ่งมีชีวิตอย่างไร เนื่องจากไม่มีการเปิดเผยข้อมูลจากบริษัท ปตท. โกลบอล เคมีคัล

ขณะที่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และสมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งประเทศไทย ประชุมหารือเตรียมลงพื้นที่เกาะเสม็ด จ.ระยอง เพื่อสำรวจหาข้อมูลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ยังไม่รู้แน่ชัดลักษณะจะเป็น เชิงลึกที่จะใช้ในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์  อาทิน้ำมันที่รั่วกี่ลิตร สารเคมีที่ใช้คืออะไร ใช้ปริมาณมากแค่ไหน เนื่องจากตัวเลขตอนนี้ค่อนข้างสับสน ไม่สามารถนำมาวิจัยได้ ว่ามีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไรในท้ายที่สุด

ทั้งนี้ การลงพื้นที่จะไปดูน้ำมันที่เหลือค้างในระบบนิเวศ สารเคมีที่ใช้ในการกระจายตัวของน้ำมัน มากแค่ไหนจะส่งผลกระทบอะไรตามมา สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระบบนิเวศทางทะเล ซึ่งมันจะตามมาในคำถามสำคัญว่าถ้าเกิดผลกระทบใครจะต้องรับผิดชอบ ชดเชยความเสียหายมีมูลค่าเท่าไหร่ จะประเมินออกมาเป็นตัวเงินอย่างไรในเชิงสิ่งแวดล้อม อาทิต่อสัตว์หน้าดิน ต่อห่วงโซ่อาหาร ว่ามีสารเคมีไปสะสมอยู่มากแค่ไหนจะก่อให้เกิดผลเสียอย่างไรต่อร่างกาย ต่อระบบนิเวศ และจะสามารถไปเรียกค่าเสียหายจากผู้ก่อมลพิษซึ่งต้องพิสูจน์หลักฐานทางวิทยา ศาสตร์ก่อนให้ชัด เบื้องต้นทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะเป็นหน่วยที่ลงพื้นที่ในการหาข้อมูลต่างๆ


นักวิทย์มหิดลขอให้เปิดเผยปริมาณน้ำมันรั่วที่แท้จริง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

      นักวิทย์มหิดลระบุกรณีน้ำมัน รั่วที่อ่าวไทย ปตท.ควรเปิดเผยข้อมูลปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลอย่างแน่ชัด พร้อมข้อมูลสารเคมีที่ใช้สลายน้ำมัน ซึ่งจะช่วยประเมินได้ว่า เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแค่ไหน ชี้ธรรมชาติต้องเวลาเยียวยาเองไม่ต่ำกว่า 20-30 ปี
       
       ดร.พหล โกสิยะจินดา อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงกรณีทุ่นส่งน้ำมันดิบของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) รั่วในอ่าวไทย ว่าในการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมนั้นนักวิทยาศาสตร์ต้องมีข้อมูลที่แท้ จริง ซึ่งจากการติดตามข้อมูลผ่านสื่อยังไม่การเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจน
       
       ข้อมูลที่นักวิทยาศาสตร์ต้องการทราบคือปริมาณน้ำมันดิบที่รั่วออกมา ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญมาก เพราะเป็นสารตั้งต้นที่จะอธิบายต่อไปว่าส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแค่ไหน ต้องใช้สารเคมีควบคุมมากน้อยเพียงใด หากใช้สารเคมีควบคุมมากเกินไปก็ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม หรือน้อยเกินไปก็ไม่ส่งผล
       
       อีกข้อมูลที่ยังไม่มีการเปิดเผยจากผู้มีข้อมูลคือสารเคมีที่ใช้ในการ สลายน้ำมัน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จะบอกได้ว่าสารดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแค่ไหน โดย ดร.พหลบอกทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า การใช้สารเคมีสลายคราบน้ำมันนั้นเป็นขั้นตอนปกติ แต่บริษัทใช้สารเคมีอะไร ปริมาณเท่าไหร่ ยังไม่มีข้อมูลส่วนนี้เปิดเผย
       
       "น้ำมันดิบมีทั้งส่วนที่ระเหยได้ ลอยน้ำและจมน้ำ ซึ่งต้องรู้ปริมาณที่แน่ชัดว่ามีปริมาณเท่าไหร่ มีการกระจายไปทางไหนบ้าง ผู้มีข้อมูลยังไม่เปิดเผย" ดร.พหลกล่าว และบอกด้วยว่า ในธรรมชาติมีจุลินทรีย์ที่ย่อยสลายน้ำมันได้
       
       แต่หากปล่อยให้ธรรมชาติเยียวยาตัวเอง ดร.พหลกล่าวว่า ต้องใช้เวลา 20-30 ปี หรือมากกว่านั้น พร้อมยกตัวอย่างกรณีน้ำมันรั่วที่อลาสกาปริมาณ 5 ล้านลิตร เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ยังพบว่า มีน้ำมันเหลืออยู่ใต้ดินทรายในมหาสมุทรกว่าครึ่ง
       
       ทั้งนี้ ดร.พหล ได้ร่วมกับคณาจารย์ คณะวิทยาศาสตร์ มหิดล เสวนาหาทางออกวิกฤตน้ำมันรั่วในอ่าวไทย เมื่อวันที่ 31 ก.ค.56 ณ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,อะไหล่ victorinox,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,servival Kit

Tags :

view