จากประชาชาติธุรกิจ
บริเวณขั้วเหนือของโลก มีมหาสมุทรที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันมากนักเรียกว่า มหาสมุทรอาร์กติก ที่เนื้อที่ส่วนใหญ่อยู่ในวงรอบเส้นสมมุติที่เรียกกันว่า อาร์กติกเซอร์เคิล พื้นที่เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นน้ำแข็งอยู่ชั่วนาตาปี มีบางส่วนเท่านั้นที่กลายเป็นทะเลในยามหน้าร้อนชั่วระยะเวลาสั้นๆ ของปี
พื้นที่ซึ่งเป็นน้ำแข็งถาวร เราเรียกกันว่า "เพอร์มาฟรอสต์" ยิ่งลึกลงไปใต้ผิวทะเล เพอร์มาฟรอสต์ยิ่งแผ่ขยายออกไปกว้างขวางครอบคลุมแทบจะทั่วทั้งมหาสมุทรอาร์กติก
ภาวะโลกร้อนที่ทำให้อุณหภูมิของบรรยากาศทั่วโลกสูงขึ้น ทำให้ช่วงระยะเวลาละลายของน้ำแข็งยาวนานขึ้น พื้นที่ที่เป็นน้ำแข็งลดน้อยลง อุณหภูมิที่สูงขึ้นดังกล่าวในที่สุดก็จะส่งผลกระทบต่อเพอร์มาฟรอสต์ที่อยู่ลึกลงไปบนพื้นผิวของมหาสมุทรแห่งนี้ให้ละลายตามไปด้วย
ความแตกต่างระหว่างการละลายของน้ำแข็งบริเวณพื้นผิวของมหาสมุทรอาร์กติก กับ "เพอร์มาฟรอสต์" ที่อยู่ลึกลงไป อยู่บริเวณเหนือพื้นมหาสมุทรก็คือสิ่งที่มันเก็บกักเอาไว้ในเนื้อของน้ำแข็ง นักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่า เพอร์มาฟรอสต์ ที่อยู่เหนือพื้นผิวโลกใต้มหาสมุทรอาร์กติกนั้น เก็บกัก "มีเธนไฮเดรท" อยู่มากกว่า 1 ล้านล้านตัน
หากหลอมละลายจากสภาวะจับแข็งอยู่ในเพอร์มาฟรอสต์ "มีเธนไฮเดรท" จะกลายเป็นก๊าซมีเธนหลุดลอยขึ้นสู่บรรยากาศของโลก
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา วารสารเนเจอร์ วารสารวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ตีพิมพ์เผยแพร่บทวิเคราะห์ที่นักวิชาการหลายสาขาร่วมกันจัดทำขึ้น พบว่า เพียงแค่การหลอมละลายของเพอร์มาฟรอสต์ใต้ทะเลไซบีเรียตะวันออก ทางเหนือของรัสเซีย ก็สามารถปล่อยก๊าซมีเธนออกมาสู่ชั้นบรรยากาศได้ถึง 50,000 ล้านตัน
ปีเตอร์ วัดแฮมส์ ศาสตราจารย์ด้านสมุทรศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมวิเคราะห์และเขียนรายงานชิ้่นนี้ บอกว่า ในขณะที่แผ่นน้ำแข็งที่ปกคลุมอยู่ทั่วมหาสมุทรอาร์กติกอุ่นขึ้นเรื่อยๆ พื้นผิวใต้ทะเลลงไปก็จะอุ่นขึ้นตามไปด้วยและอาจหลอมละลายปล่อยก๊าซมีเธนออกมา ในความเป็นจริงแล้วในหน้าร้อน ปริมาณของมีเธนในบรรยากาศบริเวณทะเลไซบีเรียตะวันออกก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นประจักษ์พยานอยู่แล้ว
เกล ไวท์แมน ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอีรามุส ในรอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมวิเคราะห์ครั้งนี้ เรียกภาวะเพิ่มขึ้นของมีเธนในบรรยากาศดังกล่าวว่าเป็น "ระเบิดเวลา" ที่สร้างความเสียหายในทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่ามหาศาล เพียงแต่ยังไม่มีการตระหนักรู้กันในตอนนี้เท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากมีเธนเมื่อถูกกักอยู่ในชั้นบรรยากาศจะมีประสิทธิภาพในการสร้างความร้อนได้สูงกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 25 เท่า
ศาสตราจารย์ไวท์แมน เชื่อว่าด้วยเหตุนี้ถ้าค่อยๆ เพิ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป ก็จะทำให้โลกมีโอกาสปรับตัวได้ แต่ถ้าหากเกิดวันหนึ่งวันใด ก้อนก๊าซขนาดมหึมาเกิดพวยพุ่งทะลักสู่บรรยากาศ ผลกระทบในระดับ "หายนะ" ต่อสภาวะอากาศโลกก็จะเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน
จากการคำนวณทีมวิจัยเชื่อว่า ปริมาณของมีเธนราว 50,000 ล้านตันในบรรยากาศ จะทำให้ภาวะอากาศของโลกร้อนขึ้นทันที 2 องศาเซลเชียส เทียบเท่ากับการร้อนขึ้นจากภาวะปกติทั่วไปในระยะเวลา 15-35 ปี
ที่น่าสนใจก็คือ ทีมวิจัยทีมนี้พบว่า ไม่ว่าจะค่อยๆ หลอมละลายปล่อยก๊าซมีเธนออกมาทีละเล็กทีละน้อย หรือมีหลุมก๊าซมีเธนขนาดใหญ่อยู่ในเพอร์มาฟรอสต์แล้วละลายพรวดขึ้นสู่บรรยากาศในทันทีก็ตาม มนุษยชาติก็ต้องทุ่มเททรัพยากรมูลค่ามหาศาลเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวพอๆ กัน กล่าวคือ เป็นจำนวนเงินมหาศาลถึง 60 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 1,800 ล้านล้านบาท
เงินจำนวนนี้จะถูกใช้ไปกับการต่อสู้กับระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น, ภาวะอากาศวิปริตสุดโต่ง, พืชพันธุ์ธัญญาหารเสียหาย และที่สำคัญก็คือ สุขภาวะที่เสื่อมโทรมลงของประชากร ทีมวิเคราะห์เชื่อว่า ผลเสียหายคิดเป็นตัวเงินแล้วจะมากที่สุดในบรรดาประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายในแอฟริกา เอเชีย และอเมริกาใต้
ประเทศเหล่านี้ต้องเพิ่มการรับมือมากขึ้นจากเดิมถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เพราะเปราะบาง อ่อนไหวและไม่ได้เตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงนี้มากมายนักในเวลานี้
เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นว่าเม็ดเงิน 60 ล้านล้านดอลลาร์นั้นมากมายแค่ไหน ดูได้จากขนาดเศรษฐกิจของทั้งโลกเมื่อปี 2555 ที่ผ่านมา ที่มีมูลค่ารวมกัน 70 ล้านล้านดอลลาร์เท่านั้น!
ที่มา : นสพ.มติชน
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,อะไหล่ victorinox,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,servival Kit