สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ทนุศักดิ์ ปิ๊งรัฐทำประกันพืชผล จ่ายเบี้ยแทนชาวนาทั้งหมด ประหยัดงบ-แฮปปี้ทุกฝ่าย

จากประชาชาติธุรกิจ

"ทนุศักดิ์" ตีกลับข้อเสนอ ธ.ก.ส. บังคับชาวนาทำประกันภัยพืชผล 1 ใน 4 ของพื้นที่เพาะปลูก สั่งหารือ คปภ.-สศค. ดูข้อมูลย้อนหลัง แนะให้รัฐซื้อประกันให้ทั้งหมด หวังโอนภาระชดเชยให้ประกันรับแทน ชี้วิน-วินทุกฝ่าย จี้สรุปให้ทันจำนำข้าวรอบใหม่สิงหาคมนี้

นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เพื่อร่วมกันหาข้อสรุปการประกันภัยพืชผลให้กับเกษตรกร โดยเฉพาะการปลูกข้าวที่จะเริ่มฤดูกาลผลิตปี 2556/57 ในกลางเดือนสิงหาคมนี้ โดยให้ไปรวบรวมข้อมูลย้อนหลัง 5 ปีว่า รัฐบาลมีการจ่ายเงินชดเชยให้กับเกษตรกรกรณีเกิดภัยพิบัติรวมทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องเป็นเงินเท่าใด แล้วหากรัฐบาลจะจ่ายค่าเบี้ยประกันแทนเกษตรกรทั้งหมด เพื่อให้บริษัทประกันมาร่วมรับผิดชอบความเสียหายให้กับรัฐบาลแทนจะเป็นเงินเท่าใด โดยให้เร่งสรุปมาให้ได้ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้

"ผมไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่ ธ.ก.ส.เสนอมาว่า จะให้เกษตรกรทุกรายที่จะเข้าโครงการรับจำนำข้าวต้องซื้อประกันภัยพืชผล 1 ใน 4 ของพื้นที่เพาะปลูก จึงให้กลับไปทำใหม่ โดยให้โจทย์ว่า ถ้าตัวเลขที่รัฐบาลจ่ายชดเชยอยู่แล้วตกปีละ 1 แสนล้านบาท หากรัฐบาลหันมาซื้อประกันให้เกษตรกรแทน ใช้เงินเพียง 2-3 หมื่นล้านบาท ส่วนความเสียหายที่จะเกิดขึ้นก็ให้เอกชนเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะรัดกุมกว่า เพราะกว่าที่เอกชนจะจ่ายเบี้ยประกันภัยให้ ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่แล้วว่า เป็นเกษตรกรจริงหรือไม่ และพื้นที่เสียหายจริงตามแจ้งหรือไม่ ไม่ใช่ว่าแค่อยู่ในพื้นที่ที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติก็มีสิทธิที่จะได้รับเงินชดเชยไปด้วย ทั้งที่พื้นที่ไม่ได้เสียหายจริง ทำให้ที่ผ่านมารัฐบาลต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก" นายทนุศักดิ์กล่าว

นายทนุศักดิ์กล่าวว่า แนวทางดังกล่าวน่าจะดีกับทุกฝ่าย ในส่วนของรัฐบาลเองจะสามารถประหยัดเงินงบประมาณลงได้ปีละหลายหมื่นล้านบาท ขณะที่บริษัทประกันภัยก็จะได้รับเบี้ยประกันภัยมากขึ้น เพราะเป็นการซื้อประกันภัยครบพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั่วประเทศ 60 ล้านไร่ เมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่เกษตรกรซื้อประกันภัยไม่มากนัก ทำให้เมื่อเกิดความเสียหายแล้ว การจ่ายค่าชดเชยจึงมากกว่าเบี้ยประกัน ขณะที่กองทุนส่งเสริมประกันภัยพิบัติเองก็ไม่ต้องเข้ามารับภาระดังกล่าว ซึ่งก็ยังเป็นเงินงบประมาณเช่นกัน และในอนาคตก็สามารถยกเลิกกองทุนไปได้ หากไม่มีภาระผูกพันในอนาคต




ที่มา : นสพ.มติชน


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,อะไหล่ victorinox,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,servival Kit

Tags :

view