สื่อนอกตีข่าว!!น้ำมันดิบรั่วกระทบ “แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย
จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
เอเอฟพี - หลังจากเกิดเหตุการณน้ำมันดิบรั่วจากท่อส่งน้ำมันกลางทะเลของบริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอลฯในวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทางการไทยได้มีความพยายามที่จะกำจัดคราบน้ำมันที่ไหลทะลักเข้าเต็มหาดที่ เกาะเสม็ดที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยประสานงานไปยังหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินให้เข้ามาดำเนินการจัดการคราบ น้ำมันในครั้งนี้
จากการรายงานข่าว คาดว่าน้ำมันดิบประมาณ 50,000 ลิตรได้รั่วจากท่อส่งน้ำมันลงทะเลในวันเสาร์(27)ที่ผ่านมา โดยห่างจากฝั่งประมาณ 20 กิโลเมตร หรือ 12 ไมล์ ของจังหวัดระยองซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกของไทย พีทีที โกลบอล เคมิคอลฯเผย
น้ำมันดิบที่รั่วได้มาถึงหาดอ่าวพร้าวบนเกาะเสม็ดซึ่งทหารเรือนับ ร้อยนาย รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาพันธ์สัตว์ป่า พนักงานของบริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอลฯ และชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นแข่งกับเวลาในการขจัดคราบน้ำมัน
“การปนเปื้อนครั้งนี้ครอบคลุมเนื้อที่กว่า300 เมตร หรือ 990 ฟุตของชายหาด ซึ่งมันก็หนักเอาการ” สุเมธ สายทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ เขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด เผยกับเอเอฟพี
และนอกจากนี้ พนักงานแผนกต้อนรับของโรงแรมหาดอ่าวพร้าวรีสอร์ทได้ให้ความเห็นกับเอเอฟพี ว่า “แขกที่มาพักที่โรงแรมต่างพากันทยอยกันเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม”
โดยพนักงานต้อนรับที่อยู่โรงแรมไม่ห่างจากโรงแรมหาดอ่าวพร้าวรีสอร์ท ได้เสริมว่า “มีคราบน้ำมันอยู่เต็มหาด เราต้องยอมรับมัน ตอนนี้มันก็โกลาหลกันอยู่ มีคนจำนวนมากรวมทั้งทางเจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันจัดการกับเรื่องนี้อยู่”
โดยในแถลงการในวันอาทิตย์(28) ที่ออกโดยพีทีที โกลบอล เคมิคอลฯที่มีรัฐบาลไทยมีส่วนถือหุ้นเป็นเจ้าของอยู่นั้น กล่าวว่ามีการใช้เรือ 10 ลำในกระบวนการกำจัดคราบน้ำมันในครั้งนี้ และทางบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์วิกฤติการรั่วไหลในครั้งนี้ ได้
ทางด้านกลุ่มกรีนพีซได้ออกโรงกระตุ้นให้รัฐบาลไทยระงับการสูบน้ำมัน และการสำรวจหาน้ำมันในอ่าวไทย โดยให้เหตุผลว่า เป็นเพราะเกิดปัญหา “การรั่วไหลครั้งใหญ่เกิดขึ้น”
“อ่าวไทยซึ่งถือเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศไทย ได้ถูกย่ำยีมานานแล้วจากน้ำมันดิบรั่วที่ไหลผ่านตามท่อส่งตามเส้นทางที่ บริษัทปิโตรเคมีวางไว้ทั่วอ่าวไทย” เผยจากนักเคลื่อนไหวกลุ่มกรีนพีซ พลาย ภิรมย์
โดยทางกลุ่มกรีนพีซได้ยืนยันว่ามีการรั่วไหลของน้ำมันดิบในอ่าวไทยมานานกว่า 30ปีแล้ว
“นี่เป็นการรั่วของน้ำมันดิบครั้งที่ร้ายแรงมากของจังหวัด” ภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผอ. ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที 1 และเสริมต่อไปว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นบนเกาะเสม็ด”
บรรดานักอนุรักษ์ต่างให้ความห่วงใยในทั้งผลกระทบในการรั่วไหลน้ำมัน ต่ออ่าวไทยและผลกระทบที่เกิดจากการใช้สารเคมีในการกำจัดการปนเปื้อนคราบ น้ำมันในครั้งนี้
“แหล่งทรพยากรธรรมชาติหลักที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ แนวประการังและแหล่งห่วงโซ่อาหารของสัตว์น้ำ” ศรีสุวรรณ จรรยา ประธานของกลุ่มต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าว
จากที่ผ่านมา พีทีที โกลบอล เคมิคอลฯเคยประสบปัญหาเกี่ยวข้องกับการรั่วไหลน้ำมันครั้งใหญ่ขึ้นทางตะวัน ตกเฉียงเหนือของออสเตรเลียในปี 2009 ซึ่งถือเป็นการรั่วไหลครั้งใหญ่เท่าที่ออสเตรเลียเคยประสบมา
น้ำมันรั่วกลางทะเลไหลถึงอ่าวพร้าว
จาก โพสต์ทูเดย์
ท่อรับน้ำมันรั่วถูกกระแสคลื่นซัดถึงอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด เจ้าหน้าที่เร่งกำจัด นักท่องเที่ยวทยอยออกจากที่พักแล้ว
นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 กล่าวว่า กรณีท่อรับน้ำมันดิบกลางทะเลของบริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล จำกัด เกิดรั่วไหลน้ำมันดิบไหลลงทะเล จำนวน 50,000 ลิตร ได้รับรายงานจากเครือข่ายว่า พบคราบน้ำมันทะลักเข้าสู่บริเวณชายหาดอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด หมู่ 4 ต.เพ อ.เมืองระยอง ตั้งแต่เวลา 19.00 น. ของคืนวันที่ 28 กรกกรกฎาคมที่ผ่านมา ไม่มากนัก
ต่อมาเมื่อเวลา 22.00 น.คืนเดียวกัน ได้รับรายงานว่า บริเวณหาดอ่าวพร้าวเต็มไปด้วยคราบน้ำมันจำนวนมากเป็นระยะทางกว่า 600 เมตร ทั่วทั้งหาด ห่างจากฝั่งประมาณ 20 เมตร คราบน้ำมันมีความหนาประมาณ 20-30 ซม. ห่างออกไปในทะเลประมาณ 200 เมตร คราบน้ำมันจะเป็นลักษณะคล้ายฟิล์มบางๆ
เช้า วันนี้(29ก.ค.) นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ได้สั่งการให้ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลฯ อบต.เพ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด รีบดำเนินการจัดเก็บคราบน้ำมันโดยด่วน
ขณะเดียวกัน ทราบว่านักท่องเที่ยวจำนวนมากที่พักอยู่บริเวณอ่าวพร้าว เตรียมเดินทางออกจากที่พักก่อนกำหนดในเช้าวันเดียวกันเพราะไม่สามารถลงเล่น น้ำทะเลได้
ผู้ว่าฯระยอง ประกาศให้ "อ่าวพร้าว" เป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเล นักท่องเที่ยวเผ่นกลับเพียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 07.00 น. เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ความคืบหน้ากรณีท่อรับน้ำมันดิบกลางทะเลของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) เกิดรั่วไหลน้ำมันดิบไหลลงทะเลจำนวน 50,000 ลิตร เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา กระแสคลื่นลมทะเลได้พัดคราบน้ำมันเข้ามายังบริเวณเกาะเสม็ด จังหวัดระยองเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา ล่าสุด นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พร้อมด้วย นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่1 เดินทางลงเรือข้ามเกาะเสม็ดไปยังอ่าวพร้าว หมู่ 4 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง หลังจากเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมากลุ่มคราบน้ำมันดิบได้ทะลักเข้าชายหาดบริเวณอ่าวพร้าวที่มีความยาวประมาณ 600 เมตร และห่างจากฝั่งประมาณ 20เมตรคราบน้ำมันมีความหนาประมาณ 20- 30 ซม.ห่างออกไปในทะเลประมาณ 200 เมตร คราบน้ำมันจะเป็นลักษณะสีดำหนา และห่างออกไปในทะเลจะเป็นลักษณะคล้ายแผ่นฟิล์มบางๆ
นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผวจ.ระยอง กล่าวว่า ได้ประกาศพื้นที่บริเวณอ่าวพร้าวเป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเล และขั้นแรกจะต้องป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันกระจายไปยังชายหาดอื่นที่อยู่ใกล้เคียง พร้อมกับสั่งการให้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดระยอง ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่1 องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) เพ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ด พร้อมกับประสานไปยังหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร 100 นาย มาช่วยเหลือดำเนินการจัดเก็บคราบน้ำมันโดยด่วน และคาดว่าต้องใช้เวลามากกว่า 15 วันในการเก็บกู้คราบน้ำมันและฟื้นฟูชายหาดให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
นายพรเทพ บุตรนิพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณอ่าวพร้าวที่น้ำมันทะลักเข้าชายหาดในครั้งนี้ด้วย พร้อมจัดเจ้าหน้าที่นำแผ่นซับคราบน้ำมันมาเก็บคราบน้ำมันทั่วชายหาด นอกจากนี้ บริษัทฯใช้เรือฉีดพ่นสารเคมีสลายคราบน้ำมัน พร้อมกับนำบูมยางมากั้นในวงจำกัด เพื่อไม่ให้คราบน้ำมันหลุดออกไปยังอ่าวบ้านเพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่พักอยู่ตามโรงแรมบริเวณอ่าวพร้าวได้เช็คเอ๊าท์ออก จากที่พักและเดินทางออกก่อนกำหนดเพราะมีกลิ่นเหม็นของน้ำมันไปทั่วบริเวณและ ไม่สามารถลงเล่นน้ำทะเลได้
ที่มา : มติชนออนไลน์
นักวิชาการเตือนผลกระทบน้ำมันรั่ว ใช้สารเคมีให้น้ำมันเกาะตัวควรทำในพื้นที่น้ำลึกมากๆ
ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการทรัพยากรทางทะเล กล่าวถึงกรณี กรณีท่อรับน้ำมันดิบกลางทะเลของบริษัท พีทีทีโกลบอลเคมิคอล จำกัด เกิดรั่วไหลน้ำมันดิบไหลลงทะเลจำนวน 50,000ลิตร ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม โดยคราบน้ำมันที่รั่วไหลไปถึงอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ว่า สิ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการควบคู่ไปกับการกำจัดคราบน้ำมัน โดยการบอกถึงขั้นตอนการแก้ไขให้สังคมได้รับรู้ เช่นขั้นตอนและวิธีการป้องกันการกระจายของน้ำมัน ทิศทางการกระจายของน้ำมัน และผลกระทบที่จะตามมา เพื่อให้ทุกฝ่ายช่วยกันเตรียมพร้อมรับมือ ซึ่งรวมถึงประชาชนที่อาจเจอผลกระทบด้วย
ล่าสุดจะมีการใช้สารเคมีเพื่อให้น้ำมันเกาะตัวจมลงสู่ท้องทะเลแล้ว แต่การใช้สารเคมีดังกล่าวก็อาจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลด้วยเช่น กัน จึงจำเป็นอย่างมากที่หน่วยงานผู้เกี่ยวข้องต้องบอกต่อสังคมว่า ทำไมถึงเลือกใช้วิธีนี้ และมีผลอย่างไรต่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพราะการใช้สารเคมีให้น้ำมันเกาะตัวกันควรใช้ในพื้นที่น้ำลึกมากๆ ไม่ใช้ในพื้นที่น้ำลึกเพียง 20 เมตร
ด้านนายอนนท์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ได้ระดมทีมงานไปสำรวจความเสียหายและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น บริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จังหวัดระยองแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นเกินความคาดหมายของบริษัท และยินดีรับผิดชอบทั้งหมด ด้วยการทำความสะอาด ฟื้นฟู เยียวยา และส่งเสริมภาพลักษณ์ สำหรับสาเหตุความผิดพลาดของเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหล กำลังเร่งตรวจสอบสาเหตุว่า เกิดจากอุปกรณ์ชำรุดหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เปลี่ยนท่อใหม่ไม่นาน ต้องเร่งพิสูจน์ข้อเท็จจริง
ส่วน แผนการทำงานจากนี้ไปจะต้องวางแผนให้รัดกุมกว่านี้ พร้อมยืนยันว่า อยากให้มั่นใจในบริษัทว่าจะแก้ไขปัญหานี้ด้วยดี และจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ครั้งนี้เป็นครั้งเดียว และครั้งสุดท้าย
น้ำมันรั่วทำรีสอร์ทอ่าวพร้าวปิดชั่วคราว
จาก โพสต์ทูเดย์
รีสอร์ทอ่าวพร้าวอ่วมที่พักหลายแห่งต้องทยอยปิดชั่วคราวหลังเจอคราบน้ำมันรั่ว ผู้ว่าฯประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ
นายวีรสิทธ์ เนืองนิตย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด เสม็ดรีสอร์ท กล่าวว่า ขณะนี้รีสอร์ทในพื้นที่อ่าวพร้าว เริ่มได้รับผลกระทบเหตุการณ์คราบน้ำมันรั่ว หลายรีสอร์ทต้องทยอยปิดชั่วคราว จนกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดการกับเหตุการณ์นี้ได้ ในส่วนของเสม็ดรีสอร์ท มีรีสอร์ทที่ได้รับผลกระทบ 1 แห่ง คือ อ่าวพร้าว รีสอร์ท แต่เนื่องจากมีรีสอร์ทในเครือหลายแห่ง อยู่บริเวณหาดอื่นด้วย จึงแก้ปัญหาด้วยการย้ายนักท่องเที่ยวที่มีกำหนดเข้าพักที่อ่าวพร้าว รีสอร์ท ไปพักรีสอร์ทในเครือที่อยู่หาดอื่น ที่ยังไม่ได้รับผลกระทบ ยังเที่ยวได้ เช่น ทรายแก้ว บีช รีสอร์ท โดยส่วนใหญ่กลุ่มที่มาใช้บริการช่วงนี้เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนอัตราเข้าพักรีสอร์ทในช่วงนี้ หากไม่มีเหตุการณ์อะไร จะอยู่ที่ 60-70%
ทั้งนี้ ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบกับภาพลักษณ์เกาะเสม็ดแน่นอน เพราะอาจทำให้นักท่องเที่ยวกังวลเรื่องความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติในระยะต่อ ไป แต่เชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงจะเร่งแก้ไขเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยอาจต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 เดือน เพื่อให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพปกติ ส่วนที่กังวลขณะนี้คือ มีนักท่องเที่ยวคนไทยที่วางแผนมาเที่ยวช่วงวันหยุดยาว วันแม่ 10-12 ส.ค. นี้ บางรายกังวลขอยกเลิกการเดินทางไปก่อน อย่างไรก็ตามมองว่าหากถึงช่วงดังกล่าว สถานการณ์ก็น่าจะดีขึ้นแล้ว
ด้าน นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการ จ.ระยอง กล่าวว่า ได้ประกาศพื้นที่บริเวณอ่าวพร้าวเป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเล และขั้นแรกจะต้องป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันกระจายไปยังชายหาดอื่นที่อยู่ใกล้ เคียง พร้อมกับสั่งการให้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดระยอง ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่1 องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) เพ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ด พร้อมกับประสานไปยังหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร 100 นาย มาช่วยเหลือดำเนินการจัดเก็บคราบน้ำมันโดยด่วน และคาดว่าต้องใช้เวลามากกว่า 15 วันในการเก็บกู้คราบน้ำมันและฟื้นฟูชายหาดให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
***ขอบคุณภาพจากThaileak***
ทะเลสีดำ!!น้ำมันดิบท่วมอ่าวพร้าว
จาก โพสต์ทูเดย์
ประมวลภาพน้ำมันดิบทะลักปกคลุมอ่าวพร้าวเป็นแนวยาว ผู้ว่าฯระยองประกาศพื้นที่ภัยพิบัติคาดใช้เวลามากกว่า 15 วันฟื้นฟู
เมื่อวันที่ 29 ก.ค. นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผวจ.ระยอง พร้อมด้วย นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่1 เดินทางลงเรือข้ามเกาะเสม็ดไปยังอ่าวพร้าว หมู่ 4 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง หลังจากเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมากลุ่มคราบน้ำมันดิบจากเหตุการณืท่อรับน้ำมัน ดิบรั่วกลางทะเลได้ลอยเข้าปกคลุมชายหาดบริเวณอ่าวพร้าวที่มีความยาวประมาณ 600 เมตร โดยคราบน้ำมันมีความหนาประมาณ 20- 30 ซม. โดยห่างออกไปในทะเลคราบน้ำมันจะเป็นลักษณะคล้ายฟิล์มบางๆ ได้สร้างความตระหนกให้กับประชาชน ผู้ประกอบการประมง ธุรกิจที่พักอาศัย และการท่องเที่ยวชายหาดอย่างมาก
นายวิชิต กล่าวว่า ได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเล และขั้นแรกจะต้องป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันกระจายไปยังชายหาดอื่นที่อยู่ใกล้ เคียง พร้อมกับสั่งการให้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่1องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)เพ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ด พร้อมกับประสานไปยังหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร 100 นาย มาช่วยเหลือดำเนินการจัดเก็บคราบน้ำมันโดยด่วน และคาดว่าต้องใช้เวลามากกว่า 15 วันในการเก็บกู้คราบน้ำมันและฟื้นฟูชายหาดให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
ด้านนายพรเทพ บุตรนิพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทพีทีที โกลบอลเคมิคอล ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณอ่าวพร้าวที่น้ำมันทะลักเข้าชายหาดในครั้งนี้ด้วย พร้อมจัดเจ้าหน้าที่นำแผ่นซับคราบน้ำมันมาเก็บคราบน้ำมันทั่วชายหาด นอกจากนี้บริษัทได้ใช้เรือฉีดพ่นสารเคมีสลายคราบน้ำมัน พร้อมกับนำบูมยางมากั้นในวงจำกัด เพื่อป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันหลุดออกไปยังอ่าวบ้านเพ เพราะเกรงว่าถ้าหลุดไปถึงเกาะมันนอก เกาะมันใน จะส่งผลกระทบกับแหล่งอนุรักษ์ และเพาะพันธุ์เต่าทะเล ปะการัง และสัตว์ทะเลจำนวนมาก
ขณะที่ พล.ร.ท.รุ่งศักดิ์ เสรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 และผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเขต 1 ได้สั่งการให้ พล.ร.ต.ทิวา ดาราเมือง เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 และหัวหน้าฝ่ายอำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ทางทะเลเขต 1 และ น.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผู้อำนวยการ กองยุทธการ จัดส่งเฮลิคอปเตอร์ ทำการบินสำรวจความเสียหาย การกระจายตัวของคราบน้ำมัน พร้อมส่งเรือหลวงแสมสาร เรือหลวงบางปะกง เรือตรวจการณ์ 82 และกำลังพล เข้าให้การช่วยเหลือในการกำจัดคราบน้ำมัน
***ภาพโดย สิทธิกร วงศ์วุฒิอนันต์, พัฒนพงษ์ หิรัญอาจ***
เพ้ง"จี้ 3วันกำจัดคราบน้ำมันรั่วที่ทะเล-เสม็ด PTTGCลั่นรับผิดชอบพร้อมจ่ายค่าเยียวยา
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ASTVผู้จัดการรายวัน - “เพ้ง”จี้พีทีที โกลบอลฯเร่งกำจัดคราบน้ำมันที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ดให้แล้วเสร็จใน 3 วัน พร้อมตั้ง”ประเสริฐ”ปธ.บอร์ดพีทีที โกลบอลฯเป็นประธานตรวจสอบหาสาเหตุที่เกิดขึ้นภายใน 1สัปดาห์ ด้านผู้บริหารพีทีที โกลบอลฯยืดอกรับผิดชอบ พร้อมเยียวยาค่าเสียหายทุกอย่าง แย้มทำประกันกันไว้ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่เกิดเหตุท่อรับน้ำมันดิบรั่วที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC)ซึ่งห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ 20 กิโลเมตร ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุการรั่วไหลของน้ำมัน แต่ได้สั่งการให้บริษัท พีทีที โกลบอล ฯ เร่งกำจัดคราบน้ำมันและสารปนเปื้อนให้แล้วเสร็จใน 3 วัน ดูแลช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนอย่างเต็มที่ และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้กับสู่ปกติ โดยมอบอำนาจให้นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีอำนาจสั่งการพีทีที โกลบอลฯ แทนเพื่อให้สามาถดำเนินการแก้สถานกรณ์ได้รวดเร็วมากขึน
ขณะเดียวกันก็แต่งตั้งนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บมจ. พีทีที โกลบอล เคมีคอล เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ว่าเกิดขึ้นเพราะสาเหตุอะไร และเกิดขึ้นจากจุดไหน เป็นความผิดพลาดที่ตัวบุคคล หรืออุปกรณ์ มีการป้องกันสถานการณ์ล่าช้าหรือไม่
โดยเหตุการณ์รั่วไหลน้ำมันดิบเกิดขึ้นในไทยมาแล้ว 3ครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 มีปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลในปริมาณที่มากกว่าทุกครั้ง
“ได้รับแจ้งเมื่อ 4 ทุ่มเมื่อวันที่ 28 ก.ค.บริษัทฯสามารถควบคุมคราบน้ำมันดิบที่รั่วไหลได้ และได้มีการสั่งเลิกขบวนเรือกำจัดคราบน้ำมัน แต่พอเที่ยงคืนได้รับรายงานว่าคราบน้ำมันลอยไปที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ดแล้ว “
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้คาดคิด ในฐานะประธานกรรมการสอบสวนคงต้องหาสาเหตุ คาดว่าจะรายงานข้อสรุปเบื้องต้นค่อรัฐมนตรีภายใน 1 สัปดาห์
ส่วนประเด็นการตรวจสอบคุณสมบัติ วัสดุท่ออ่อนที่ขนส่งน้ำมันนั้นต่ำกว่ามาตรฐานหรือไม่ จะต้องใช้เวลาพิจาณาอีกระยะหนึ่ง เพราะปกติท่ออ่อนจะมีการเปลี่ยนใหม่ทุก 2 ปี แต่ท่อที่เกิดปัญหานี้เพิ่งใช้งานมาได้เพียง 1ปีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ความเสียหายและวงเงินที่จะใช้เยียวยายังไม่สามารถระบุได้ในช่วงนี้ แต่บริษัทฯได้มีการทำประกันภัยไว้แล้ว
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เช้าวันที่ 29 ก.ค. บริษัทฯได้มีการกั้นบูมเพื่อจำกัดบริเวณการแพร่กระจายของน้ำมั้นที่อ่าวพร้า ว เกาะเสม็ด หลังพบว่ามีคราบน้ำมันบางส่วนลอยไปที่อ่าวพร้าว โดยมีทีมงานของบริษัท 200 คนและทหารจากกองพันทหารราบที่ 7 หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ มาทำการเก็บคราบน้ำมันให้ได้มากที่สุด และลดผลกระทบที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด
โดยมาตรการเพิ่มเติมในขณะนี้ คือ การวางบูมที่หัวและท้ายอ่าวพร้าว เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันกระจายออกไปนอกอ่าว และให้เรือทำการฉีดน้ำยาสลายคราบน้ำมันเพิ่มเติม ที่กลุ่มน้ำมันที่ลอยอยู่หน้าอ่าวขามและอ่าวน้อยหน่าอีกด้วย
เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นความผิดพลาดของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว และพร้อมที่เยียวยาชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวและ ผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยบริษัทฯมีวงเงินประกันด้านสิ่งแวดล้อมและการรับผิดชอบบุคคลที่ 3 ประมาณ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีทิพยประกันภัยเป็นผู้รับประกันภัย
“ผมในฐานะผู้บริหารสูงสุดของพีทีที โกลบอลฯ ขอยอมรับผิดต่อสังคมและเสียใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสร้างความสับสนว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันที่มีน้ำมันดิบบางส่วนไปถึงเกาะเสม็ด บริษัทพร้อมที่จะรับผิดชอบ ”นายอนนต์ กล่าว
นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กล่าวว่า กรอ.เตรียมยกร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องการควบคุมการขนถ่ายน้ำมันและ สารเคมีทางทะเล ซึ่ง กรอ.เห็นว่าน้ำมันเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ที่ต้องมีการควบคุมการขนส่งจึงเห็นควรให้ยกร่างประกาศดังกล่าวเพื่อให้ กรอ.เข้าไปควบคุมการขนส่งได้ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ซึ่งการยกร่างจะใช้เวลา 1 เดือนก่อนเสนอรมว.อุตสาหกรรมพิจารณา
“ถ้าออกประกาศแล้ว กรอ.สามารถส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่าระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อเป็นไปตาม มาตรฐานความปลอดภัยหรือไม่ หากไม่ดำเนินการตามประกาศจะมีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ”นายณัฐพล กล่าว
'สาธิต'อัดภาครัฐ-ปตท.ปกปิดข้อมูลน้ำมันรั่ว
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

สาธิต"จวกภาครัฐ-ปตท. ปกปิดข้อมูลจริง น้ำมันรั่วที่ระยอง เชื่อรั่วไหลมากกว่า 70 ตัน ส่งผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยว
นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงสถานการณ์ท่อรับน้ำมันดิบกลางทะเลของของบริษัท พีทีที โกบอลเคมิคอล จำกัด(มหาชน) เกิดรั่วไหล ทำให้น้ำมันดิบไหลลงทะเลจำนวน 5 หมื่นลิตร ที่ มาบตาพุด จ.ระยองว่า ขณะนี้คราบน้ำมัน ทะลักเข้าสู่บริเวณชายหาดทั้ง เกาะเสม็ด หาดแม่รำพึง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยตนพยายามประสานงานกับ ปตท. และผู้ว่าราชการจังหวัดระยองแล้ว แต่กลับได้รับการปกปิดข้อมูลอ้างว่า แก้ไขสถานการณ์ได้แล้ว ซึ่งที่เหตุการณ์บานปลายเพราะไม่ได้มีการระดมความคิดในการแก้ไขสถานการณ์อย่างทันท่วงที จนคราบน้ำมันกระจายสู่ชายหาดและไม่สามารถประเมินค่าความเสียหายได้ และที่สำคัญ เชื่อว่าวันนี้ คงไม่สามารถสรุปความเสียหายได้ เนื่องจากทิศทางลม และคราบน้ำมันยังไม่หมดไปจากทะเล และที่อ้างว่าประมาณการรั่วไหลอยู่ที่ 70 ตันหรือ 70,000 ลิตร จะเท่ากับรถสิบล้อ 5-6 คัน ตนคิดว่าโกหก เพราะจำนวนการรั่วไหลดังกล่าว หากใช้สารเคมีเหมือนที่ทำอยู่ขณะนี้ ก็น่าจะสลายคราบน้ำมันดิบได้สำเร็จ แต่คราบน้ำมันกลับแผ่กระจายเป็นวงกว้างกระทบกับระบบนิเวศน์อย่างมาก ซึ่ง ทั้งหมดจึงเกิดจากความไม่โปร่งใสของภาครัฐ และการปกปิดความจริงของภาคเอกชน
นายสาธิต กล่าวว่า ปตท.ต้องให้เปิดเผยข้อมูลปริมาณการรั่วไหลที่แท้จริง ยังขาดการบูรณาการ ไม่มีแผนเฉพาะหน้าที่จะสกัดกั้นปัญหา ในขณะที่รัฐบาลโหลยโท่ย มัวแต่แก้ปัญหาทางการเมือง ทั้งที่การรั่วไหลน้ำมันไม่ได้เกิดที่ไทยเป็นที่แรก แต่ที่อเมริกา ประธานาธิบดีลงมาสั่งการด้วยตัวเอง แต่ประเทศไทยแค่หารัฐมนตรีลงไปสั่งการยังไม่ได้ เพราะนายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เพิ่งมารับตำแหน่งใหม่ ก็ให้สัมภาษณ์ว่าควบคุมได้ ตนเห็นว่าพูดอย่างนี้ทุกครั้ง แต่สถานการณ์กลับเลวร้ายลงทุกขณะ กระจายถึงบริเวณชายหาดแล้ว โดยเหตุการณ์นี้เริ่มต้นตั้งแต่ 18.00 น.ของวันที่ 26 ก.ค.56 นับดูแล้วเป็นเวลาเกือบสามวันที่มีเวลาในการจัดการปัญหา แต่รัฐไม่ใช้อำนาจในการบูรณาการเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ดังนั้นรัฐบาลต้องเป็นมืออาชีพ ไปบัญชาการที่จ.ระยอง อย่าให้ ปตท.แก้ปัญหาเอง เพราะเขาเป็นผู้สร้างความเสียหายและจะมีการปกปิดข้อมูล เพื่อปกป้องบริษัทตัวเองเนื่องจากเกรงว่าจะถูกประชาชนฟ้องร้อง จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องเข้าไปดูแล
ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้สมาคมประมงพื้นบ้าน และเครือข่ายภาคประชาชน จะไปแจ้งความดำเนินคดีกับ ปตท. และถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังปกปิด เหมือนกรณีเหมืองคริตตี้ที่จ.กาญจนบุรี ประชาชนจะฟ้องข้าราชการในฐานะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งศาลปกครองสูงสุด เคยพิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษต้องชดเชยความเสียหายให้กับประชาชน และตนจะเป็นทนายความให้กับสมาคมประมงพื้นบ้าน และเครือข่ายประชาชน เพื่อฟ้อง ปตท.ต่อศาลปกครองและศาลแพ่งต่อไป ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ ปตท.ต้องตั้งกองทุนขึ้นมาชดเชยความเสียหายที่จะต้องใช้เวลาฟื้นฟูหลายปี เพราะการท่องเที่ยวพังแล้ว นักท่องเที่ยวเช็คเอ๊าท์ออกจากที่พัก ผู้ประกอบการต้องใช้เวลาฟื้นฟูอย่างน้อย 6 เดือน
สาธิตรับเป็นทนายฟ้องปตท.ทำน้ำมันรั่ว
จาก โพสต์ทูเดย์
สาธิตอัดปตท.ปกปิดข้อมูลทำน้ำมันรั่วไหลบานปลายกระทบท่องเที่ยว ทรัพยากรธรรมชาติ
นายสาธิต ปิตุเตชะ สส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์น้ำมันรั่วจนเริมทะลักเข้าสู่บริเวณชายหาดทั้งเกาะเสม็ด หาดแม่รำพึง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญนั้น ได้พยายามประสานงานกับ บริษัทปตท.และผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง แต่กลับมีการปกปิดข้อมูลอ้างว่าแก้ไขสถานการณ์ได้แล้ว แต่สุดท้ายกลับยังไม่สามารถแก้ไขได้ และเชื่อว่าตัวเลขที่ระบุว่ามีการรั่วไหลอยู่ที่ 70 ตัน นั้นไม่น่าเป็นความจริงเพราะไม่เช่นนั้นหากใช้สารเคมีตามที่ดำเนินการน่า จะสลายคราบน้ำมันดิบได้สำเร็จ แต่คราบน้ำมันกลับแผ่กระจายเป็นวงกว้างกระทบทรัพยากรธรรมชาติ
นายสาธิต กล่าวว่า ขณะนี้ทาง สมาคมประมงพื้นบ้าน และเครือข่ายภาคประชาชน เตรียมจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับ บริษัท ปตท. และถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังปกปิด เหมือนกรณีเหมืองคลิตี้ที่ จ. กาญจนบุรี ประชาชนจะฟ้องข้าราชการในฐานะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดเคยพิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษต้องชดเชยความเสียหายให้กับ ประชาชน และตนเองจะเป็นทนายความให้กับสมาคมประมงพื้นบ้าน และเครือข่ายประชาชน เพื่อฟ้อง บริษัท ปตท.ต่อศาลปกครองและศาลแพ่งต่อไป อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลมีความจริงใจต้องตั้งกองทุนขึ้นมาชดเชยความเสียหายที่จะต้องใช้ เวลาฟื้นฟูหลายปี
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,อะไหล่ victorinox,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,servival Kit