สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ท่อน้ำมันดิบ ปตท.รั่วกลางทะเลระยอง

ท่อน้ำมันดิบ ปตท.รั่วกลางทะเลระยอง

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

ศูนย์ข่าวศรีราชา - เกิดเหตุุท่อส่งน้ำมันดิบ ปตท.รั่วกลางทะเล ห่างฝั่งมาบตาพุด 18 กม. ทำคราบน้ำมันกว่า 70 ตัน กระจายเป็นวงกว้าง ล่าสุด ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว
       
       เมื่อเวลา 07.30 น. วันนี้ (27 ก.ค.) สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค จ.ระยอง ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุท่อส่งน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้ว ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ในเครือ ปตท.ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 10 ไมล์ทะเล หรือประมาณ 18 กม. รั่ว ท่ามกลางกระแสคลื่น และลมแรงจัด จนทำให้น้ำมันดิบไหลทะลักออกสู่ทะเลเป็นวงกว้างประมาณ 50-70 ตัน
       
       กองทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมวางบูมล้อมบริเวณคราบน้ำมัน โดยนายประทีป เอ่งฉ้วน ผอ.สำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่าเกิดอุบัติเหตุบริเวณแท่นรับน้ำมันดิบของ บริษัท ปตท.ห่างจากฝั่งท่าเรือมาบตาพุดประมาณ 10 ไมล์ทะเล โดยเป็นเหตุท่อน้ำมันรั่วไหล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำบูมไปล้อมบริเวณคราบน้ำมันที่รั่วไหลกลางทะเล และเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมการรั่วไหลของน้ำมันดิบได้เรียบร้อยแล้ว


ทัพเรือภาค 1 ส่ง ฮ.พร้อมเรือรบวางบูมสกัดน้ำมันดิบไหลเข้าฝั่งระยอง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ทัพเรือภาคที่ 1 ส่งเฮลิคอปเตอร์ และเรือรบออกตรวจสกัดกั้นน้ำมันดิบกว่า 70 ตันที่รั่วไหลจากท่อส่งน้ำมันดิบของบริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล กลางทะเลมาบตาพุด กระจายเป็นวงกว้างถึง 1.5 ไมล์ พร้อมวางบูมล้อมคอกไม่ให้กระจายตัวเข้าฝั่งแล้ว
       
       พล.ร.ท.รุ่งศักดิ์ เสรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 และผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเขต 1 เผยว่า หลังได้รับรายงานว่ามีคราบน้ำมันดิบกว่า 70 ตัน รั่วไหลจากท่อส่งน้ำมันดิบกลางทะเล ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และกระจายเป็นวงกว้างบนผิวน้ำทะเลด้านการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง จึงสั่งการให้ พล.ร.ต.ทิวา ดาราเมือง เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 และหัวหน้าฝ่ายอำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ทางทะเลเขต 1 และ น.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผู้อำนวยการ กองยุทธการ จัดส่งเฮลิคอปเตอร์ หน่วยบินเฉพาะกิจ ทัพเรือภาคที่ 1 ออกลาดตระเวน
       
       พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค จ.ระยอง ร่วมตรวจสอบ ซึ่งก็พบคราบน้ำมันดิบไหลออกจากท่อส่งน้ำมันดิบกลางทะเล ห่างจากฝั่งท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดประมาณ 10 ไมล์ทะเล หรือประมาณ 18 กม. และลอยอยู่บนผิวน้ำจำนวนมาก ทั้งยังแพร่กระจายเป็นบริเวณกว้างในรูปตัว V มีระยะทางยาว 1.5 ไมล์ ท่ามกลางกระแสคลื่น และลมแรงจัด
       
       รายงานล่าสุดแจ้งว่า ทัพเรือภาคที่ 1 ได้ดำเนินการวางบูมล้อมบริเวณคราบน้ำมัน และฉีดน้ำยาคุมเพื่อสลายคราบน้ำมันไม่ให้กระจายตัวเข้าสู่ชายฝั่งแล้ว ซึ่งนายประทีป เอ่งฉ้วน ผอ.สำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด กล่าวว่า หลังได้รับรายงานว่าเกิดอุบัติเหตุบริเวณแท่นรับน้ำมันดิบของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอลฯ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการบูมล้อมบริเวณคราบน้ำมันที่รั่วไหล โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมการรั่วไหลของน้ำมันดิบได้แล้ว แต่จะต้องเร่งสกัดกั้นคราบน้ำมันที่กระจายอยู่ในทะเลไม่ให้เข้ามายังชายฝั่ง ป้องกันผลกระทบด้านสภาพแวดล้อม และการท่องเที่ยว
       
       ด้าน บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ตามที่ได้เกิดเหตุท่อรับน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้วรั่ว ที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบ (Single Point Mooring) ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร ขณะกำลังมีการส่งน้ำมันมายังโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เมื่อเวลา 06.50 น. วันที่ 27 กรกฎาคม 2556 ซึ่งมีน้ำมันดิบรั่วออกมาประมาณ 50 ตันหรือ 50,000 ลิตร
       
       บริษัท ฯ ขอแจ้งเพิ่มเติมว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้บริหารทุ่นรับน้ำมันดิบ (SPM) ได้หยุดการส่งน้ำมันและควบคุมสถานการณ์ด้วยการปิดวาล์วทันทีเพื่อไม่ให้มี การรั่วเพิ่มแล้ว บริษัทได้ดำเนินการใช้เรือฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมันจำนวน 4 ลำพร้อมน้ำยาขจัดคราบน้ำมันจำนวน 35,000 ลิตร จาก บริษัท ไออาร์ พีซี จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 ลำ SC Management จำนวน 1 ลำ ของ PTTGC โดยเรือ Uniwise Rayong จำนวน 1 ลำ
       
       นอกจากนี้ยังใช้เรือสนับสนุน SC Management จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วย เรือ RS20, RS32 และ RS33 เพื่อวิ่งวนให้น้ำมันทำปฏิกริยากับน้ำยาขจัดคราบน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ทุ่นกั้น (Boom) ความยาว 200 เมตรเพื่อจำกัดวงการแพร่กระจายของคราบน้ำมันเพื่อให้ง่ายต่อการขจัดคราบ น้ำมัน ในส่วนของทัพเรือภาคที่ 1 ได้สนับสนุนด้วยการใช้เครื่องบินกองทัพเรือบินลาดตะเวณเพื่อดูทิศทางคราบ น้ำมันด้วย ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ประสานงานขอคำแนะนำจากหน่วยงานขจัดคราบน้ำมันสากล (Oil Spill Response) ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งขณะนี้กำลังส่งผู้เชี่ยวชาญเดินทางมาให้คำแนะนำโดยทันที
       
       จากปฎิบัติการขจัดคราบน้ำมันที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้ และที่ได้รับการสนับสนุนจากนห่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งจำนวนเรือและน้ำยา ขจัดคราบน้ำมัน บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถขจัดและเก็บคราบน้ำมันได้ทังหมดภายในวันนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้จัดส่งทีมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดพร้อมทั้งเก็บตัวอย่างน้ำทะเลเพื่อ ให้มั่นใจว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและไม่มีผลกระทบต่อการประกอบอาชีพประมงชาย ฝั่ง
       
       สำหรับการดำเนินงานของโรงกลั่นน้ำมันของ PTTGC ยังสามารถเดินเครื่องได้ตามปกติ


PTTGCคาดขจัดคราบน้ำมันหมดภายในวันนี้

จาก โพสต์ทูเดย์

พีทีที โกลบอล เผยน้ำมันดิบรั่วอ่าวไทย 5 หมื่นลิตร คาด ขจัดได้หมดภายในวันนี้

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอลออกแถลงการณ์ ฉบับที่  2 เหตุท่อรับน้ำมันดิบรั่วในทะเล ห่างจากชายฝั่งประมาณ 20 กิโลเมตร ระบุว่า ตามที่ได้เกิดเหตุท่อรับน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้วรั่ว ที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบ (Single Point Mooring)  ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร  ขณะกำลังมีการส่งน้ำมันมายังโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เมื่อเวลา 06.50 น. วันที่ 27 กรกฎาคม 2556 ซึ่งมีน้ำมันดิบรั่วออกมาประมาณ 50 ตันหรือ 50,000 ลิตร
 
บริษัท ฯ ขอแจ้งเพิ่มเติมว่า  หลังจากที่เจ้าหน้าที่ของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้บริหารทุ่นรับน้ำมันดิบ (SPM) ได้หยุดการส่งน้ำมันและควบคุมสถานการณ์ด้วยการปิดวาล์วทันทีเพื่อไม่ให้มี การรั่วเพิ่มแล้ว  บริษัทได้ดำเนินการใช้เรือฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมันจำนวน 4 ลำพร้อมน้ำยาขจัดคราบน้ำมันจำนวน  35,000 ลิตร จาก บริษัท ไออาร์ พีซี จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 ลำ SC Management จำนวน 1 ลำ ของ PTTGC โดยเรือ Uniwise Rayong จำนวน 1 ลำ

นอกจากนี้ ยังใช้เรือสนับสนุน SC Management  จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วย เรือ RS20, RS32 และ RS33 เพื่อวิ่งวนให้น้ำมันทำปฏิกริยากับน้ำยาขจัดคราบน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ  และใช้ทุ่นกั้น (Boom) ความยาว 200 เมตรเพื่อจำกัดวงการแพร่กระจายของคราบน้ำมันเพื่อให้ง่ายต่อการขจัดคราบ น้ำมัน ในส่วนของทัพเรือภาคที่ 1 ได้สนับสนุนด้วยการใช้เครื่องบินกองทัพเรือบินลาดตะเวณเพื่อดูทิศทางคราบ น้ำมันด้วย  ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ประสานงานขอคำแนะนำจากหน่วยงานขจัดคราบน้ำมันสากล (Oil Spill Response) ณ ประเทศสิงคโปร์  ซึ่งขณะนี้กำลังส่งผู้เชี่ยวชาญเดินทางมาให้คำแนะนำโดยทันที

จากปฎิบัติการขจัดคราบน้ำมันที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้ และที่ได้รับการสนับสนุนจากนห่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งจำนวนเรือและน้ำยา ขจัดคราบน้ำมัน บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถขจัดและเก็บคราบน้ำมันได้ทังหมดภายในวันนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้จัดส่งทีมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดพร้อมทั้งเก็บตัวอย่างน้ำทะเลเพื่อ ให้มั่นใจว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและไม่มีผลกระทบต่อการประกอบอาชีพประมงชาย ฝั่ง

สำหรับการดำเนินงานของโรงกลั่นน้ำมันของ PTTGC ยังสามารถเดินเครื่องได้ตามปกติ


ท่อน้ำมันดิบปตท.รั่วกลางทะเลกว่า 70 ตัน

ท่อส่งน้ำมันดิบปตท.รั่วกลางทะเลกว่า 70 ตัน คราบน้ำมันกระจายเป็นบริเวณกว้าง นักวิชาการระบบนิเวศทางทะเลแนะเร่งกำจัดคราบก่อนแพร่กระจายถึงฝั่

เมื่อเวลา 07.30น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค จ.ระยองว่า ท่อส่งน้ำมันดิบกลางทะเลของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน)ห่างจากฝั่งท่าประมาณ 10 ไมล์ทะเลหรือประมาณ 18 กม. ท่ามกลางกระแสคลื่นและลมแรงจัด ได้เกิดอุบัติเหตุท่อส่งน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้วรั่ว ทำให้น้ำมันดิบไหลทะลักออกสู่ทะเลประมาณ 50 - 70 ตัน แพร่กระจายบนผิวน้ำเป็นบริเวณกว้าง ขณะนี้กองทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมเจ้าหน้าที่เดินทางไปดูที่เกิดเหตุพร้อมวางบูมล้อมบริเวณคราบน้ำมันและฉีดน้ำยา

ด้าน นายประทีป เอ่งฉ้วน ผอ.สำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง กล่าวว่าเบื้องต้นได้รับรายงานเกิดอุบัติเหตุบริเวณแท่นรับน้ำมันดิบของ บริษัท ปตท.ห่างจากฝั่งท่าเรือมาบตาพุดประมาณ 10 ไมล์ทะเลท่อน้ำมันเกิดการรั่วไหล ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำบูมไปล้อมบริเวณคราบน้ำมันที่รั่วไหลกลางทะเลแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมการรั่วไหลของน้ำมันดิบได้เรียบร้อยแล้ว.
คพ.กรมเจ้าท่าร่วมขจัดคราบ

ขณะที่เรือบรรทุกน้ำมันกำลังถ่ายน้ำมันดิบผ่านทุ่นรับน้ำมันดิบมายัง โรงกลั่น ได้เกิดเหตุท่อรับน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้วรั่วที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบ(Single Point Mooring) ที่อยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20กิโลเมตร

ทันทีที่เกิดเกตเจ้าหน้าที่ได้หยุดการส่งน้ำมันและควบคุมสถานการณ์ด้วยการปิดวาล์วทันที เพื่อไม่ให้มีการรั่วเพิ่ม และได้นำทุ่นกักน้ำมัน (boom) กักคราบน้ำมันไว้และใช้เครื่องมือเก็บคราบน้ำมัน oil skimmer เก็บคราบน้ำมันขึ้นไปเก็บในภาชนะบนเรือ จำนวนน้ำมันที่รั่วอยู่ระหว่างการตรวจสอบจำนวนที่แน่ชัด ซึ่งจะแจ้งให้ทราบต่อไป

ล่าสุด ทัพเรือภาคที่ 1 กรมเจ้าท่า การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรมควบคุมมลพิษ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย. ทราบในเบื้องต้นและเข้าร่วมมือในการปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมันสำหรับสาเหตุ และความคืบหน้าของการเก็บและขจัดคราบน้ำมัน บริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบต่อไป

นักวิชาการชี้เร่งเก็บคราบ

ด้านนายธรณ์ ธํารงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการที่เชี่ยวชาญระบบนิเวศทางทะเล กล่าวว่า ปริมาณน้ำมันรั่วจำนวน 70 ตันถือว่าไม่น้อย แต่หากสามารถใช้ทุ่นกักน้ำมันเอาไว้ได้ไม่ให้แพร่กระจายเข้ามาสู่ชายฝั่งก็คงมีปัญหาไม่มากนักเพราะหลังจากนี้ก็จะต้องหาแนวทางในการกำจัดน้ำมัน โดยอาจจะใช้วิธีตักน้ำที่ปนเปื้อนน้ำมันออกไปกำจัด หรือใช้วิธีการเผารวมไปถึงวิธีการสุดท้ายอาจจะใช้สารเคมีในการกำจัด ซึ่งคงจะต้องให้เป็นวิธีสุดท้ายเพราะว่ามีการปนเปื้อน

"เวลาน้ำมันรั่วหากสามารถกักเอาไว้ ไม่ให้แพร่กระจายไปถึงชายฝั่งทะเลที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวก็จะลดปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นต้องระวังไม่ให้แพร่กระจายเนื่องจากต้องไปตามเก็บที่ชายฝั่งจะมีปัญหามากกว่า" นายธรณ์

อย่างไรก็ตามผลกระทบที่เกิดขึ้นคงไม่มากนัก หากสามารถควบคุมคราบน้ำมันได้ แต่จากการคำนวณอัตราการแพร่กระจายจากคลื่นลมและเกิดขึค้นมากว่า 4-5 ชั่วโมง คาดว่าการแพร่กระจายน่าจะขยายวงออกไปประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งหากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดมีบูมในการควบคุมการแพร่กระจายของน้ำมันเพียงพอก็จะไม่มีปัญหา แต่ต้องระวังไม่ให้คราบน้ำมันกระจายถึงชายฝั่งเพราะจะกระทบกับแหล่งท่องเที่ยว


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags :

view