สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ไทยไม่มี ถั่งเช่า แต่มี ราแมลง ที่กำจัดศัตรูพืชได้

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

เพราะเชื่อว่าช่วยบำรุงสมรรถนะทาง เพศ “ถั่งเช่า” ยาจีนชั้นดีจึงมีราคาสูงลิบลิ่ว แต่ยาที่เก็บมาจากหุบเขาหิมะนี้แท้จริงแล้วคือ “เชื้อรา” ที่อาศัยร่างตัวหนอนดำรงชีวิต ซึ่งในไทยมีราแมลงอยู่หลายชนิด และนักวิจัยกำลังศึกษาพร้อมเก็บตัวอย่าง ซึ่งพบว่าราบางชนิดมีสารออกฤทธิ์ที่กำจัดศัตรูพืชได้
       
       การวิจัย “ราแมลง” (Insect Fungi) เกิดขึ้นในไทยมาประมาณ 15 ปีแล้ว โดย ศ.ดร.มรกต ตันติเจริญ ที่ปรึกษาอาวุโสสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เล่าถึงที่มาให้แก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ฟังว่า เกิดจากการชักนำของ ดร.ไนเจล โจนส์ (Dr.Nigel L.H. Jones) ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติในเรื่องราแมลงให้ความเห็นว่าเมืองที่มีความหลากหลาย ทางชีวภาพน่าจะมีราประเภทนี้อยู่มาก
       
       ทั้งนี้ “ถั่งเช่า” คือราแมลงสายพันธุ์ คอร์ไดเซพ ซินเอนซิส (Cordyceps sinensis) ที่ขึ้นบนหนอนผีเสื้อชนิดหนึ่ง เชื้อราจะฝังสปอร์บนตัวหนอนในช่วงฤดูหนาวของแถบภูมิประเทศจีนและภูฏานที่ปก คลุมด้วยหิมะ และใช้สารอาหารบนตัวหนอนเพื่อเจริญเติบโต และสร้างเส้นใยยนอัดแน่นและทะลุออกมาเป็นเส้นยาวๆ อย่างที่เห็นในช่วงหน้าร้อน
       
       สำหรับเมืองไทย ดร.มรกต กล่าวว่ามีคลังเก็บตัวอย่างราแมลงอยู่ที่ สวทช. แต่ไม่มีราแมลงชนิดใดของไทยเหมือนราแมลงถั่งเช่า ซึ่งเจริญเติบโตในที่หนาว และคงไม่มีโอกาสที่จะพบราแมลงแบบถั่งเช่า เพราะเป็นเชื้อราที่พบในที่อากาศเย็นจัด แต่ในเมืองไทยมีผู้นำเชื้อราถั่งเช่ามาเลี้ยงในอาหารเลี้ยงเชื้ออยู่ที่ จ.อ่างทองและนำออกมาจำหน่าย แต่ลักษณะของเชื้อราดังกล่าวจะไม่เหมือนที่เติบโตในแมลงซึ่งจะเห็นเป็นเส้น ยาวๆ
       
       หากแต่ถั่งเช่าเป็นราที่เติบโตบนแมลงเช่นกัน ทีมวิจัยจึงคาดว่า ในราแมลงของไทยก็น่าจะมีสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ และจากการศึกษาพบว่า เชื้อราบริวเวเรีย (Beauveria) ชนิดหนึ่งที่พบในไทยนั้นมีสารออกฤทธิ์ควบคุมศัตรูพืชอย่าง เพลี้ยแป้งสีชมพูศัตรูของมันสำปะหลังและเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลศัตรูของข้าว และยังพบราแมลงอีกหลายชนิดที่มีสารออกฤทธิ์
       
       นอกจากนี้ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาคนในสังคมไทยจำนวนหนึ่งได้แห่บูชา “ว่านจั่กจั่น” ซึ่งจากการตรวจสอบและเปิดเผยโดย ดร.สายัณห์ สมฤทธิ์ผล นักวิจัยห้องปฏิบัติการราวิทยา ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช.ระบุว่า เป็นเพียงจักจั่นที่ติดเชื้อราแมลงชนิดหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับเชื้อราสปีชีส์ คอร์ไดเซพ โซโบลิเฟอรา (Cordyceps sovolifera) ที่เคยมีรายงานการค้นราแมลงบนตัวจักจั่นมาก่อนหน้านั้นแล้ว
       
        อ้างตามข้อมูล ดร.สายัณห์ ซึ่งเคยให้ไว้ระหว่างคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับว่านจักจั่นเมื่อปี 2552 ว่ามีการค้นพบราที่เจริญเติบโตบนจักจั่นครั้งแรกที่ญี่ปุ่น ทีมวิจัยไบโอเทคพบราแมลงที่เจริญเติบโตบนจักจั่นในเมืองไทยครั้งแรกเมื่อปี 2544 ระหว่างการสำรวจที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และเมื่อนำมาสกัดสารสำคัญแล้วทดสอบหาสารออกฤทธิ์ พบว่าราแมลงดังกล่าวมีสารบางอย่างที่มีฤทธิ์ต้านมาลาเรีย และได้ตั้งชื่อสารดังกล่าวว่า คอร์ไดไพริโดเนส เอ-ดี (Cordypyridenes A-D) โดยไบโอเทคได้รวบรวมตัวอย่างราแมลงของไทยไว้กว่า 40,000 สายพันธุ์
       
       ส่วน ดร.โจนส์ผู้บุกเบิกให้ไทยทำวิจัยเรื่องราแมลงนั้นได้ทำงานเป็นนักวิจัยไบโอ เทคระยะหนึ่ง และได้รับเชิญจากรัฐบาลภูฏานไปสำรวจราแมลงหรือ “ยาซ่ากุมบ้า” ชื่อในภาษาถิ่นภูฏาน โดยเดินเท้าขึ้นไปสำรวจบนภูเขาที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 5,000 เมตร และพบราแมลงกว่า 10 ล้านหน่อ แต่ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญต่างชาติผู้ได้นี้ลาออกจากไบโอเทคแล้ว


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags :

view