จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
กมธ.ที่ดินฯระบุโครงการปลูกป่า800ล้านกล้าตามแผนกู้เงิน3.5แสนล้าน ส่อไม่เป็นตามเป้า หลัง3กรมดูแลแจงมีปัญหาเรื่องที่ดิน
ในการประชุมคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานกรรมาธิการฯ ได้เชิญตัวแทนของกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ที่เกี่ยวข้องกับโครงการปลูกป่า และฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า ซึ่ง เป็น 1 ในแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในแผนการกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท มาชี้แจงหลังจากที่ศาลปกครอง มีคำสั่งให้มีการรับฟังความเห็นของประชาชนก่อนที่จะดำเนินการตามแผนบริการจัดการน้ำ โดยที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตของการทำงานตามที่ศาลปกครองมีคำสั่ง รวมถึงการหาพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมจำนวนมากมาดำเนินโครงการ ซึ่งอาจจะกระทบกับประชาชนที่ใช้พื้นที่ดังกล่าวทำการเกษตรหรือเพาะปลูกเพื่อดำรงชีวิต
โดยนายวงเวียน คดี อนุกรรมการกบอ. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการติดตามผลการปลูกป่าและบำรุง โครงการประชาอาสาปลูกป่า ชี้แจงว่าในขั้นตอนของการคัดเลือกพื้นที่เพื่อปลูกป่านั้นจะต้องเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ที่ได้รับความเห็นชอบจากบุคคลในพื้นที่ อาทิ ผู้ใหญ่บ้าน, กำนัน, ผู้นำชุมชน, กลุ่มเอ็นจีโอและเอกชนที่อยู่ในพื้นที่ โดยบุคคลดังกล่าวนั้นต้องมีการลงนามเพื่อแสดงความเห็นชอบก่อนที่จะนำพื้นที่มาให้ กบอ.เป็นผู้อนุมัติดำเนินการ โดยโครงการปลูกป่าจะดำเนินการภายใต้เนื้อที่ทั้งหมด 1 ล้านไร่ โดยเป็นงบดำเนินการ 1 หมื่นล้านบาทอยู่ภายใต้กรอบวงเงินกู้ภายใต้ยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท แต่ไม่ได้กำหนดอยู่ในทีโออาร์ อย่าไรก็ตามจากการลงพื้นที่ตรวจสอบตนมองว่าการปลูกป่าในปีนี้ อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ หากปลูกต้นไม้เกินช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม
ด้านน.ส.สุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ชี้แจงว่า กบอ.ได้ตั้งเป้าให้กรมฯ ดูแลโครงการทั้งสิ้น 2.6 หมื่นไร่ แผนงาน 5 ปี โดยในปี 2556 ตั้งเป้าให้ดำเนินการ 8,600 ไร่ แต่เมื่อสำรวจพื้นที่จริงพบว่ามีพื้นที่เหมาะสมเพียง 4,400 ไร่ นอกจากนั้นในเรื่องของต้นกล้าในพื้นที่ที่กรมฯ ดูแลคือภาคใต้พบว่ามีไม่เพียงพอและสามารถดำเนินงานในโครงการได้จริงคิดเป็นพื้นที่เพียง 1,700 ไร่เท่านั้น
ส่วนนายนิพนธ์ โชติบาล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ชี้แจงว่า แผนปี 2556 กรมอุทยานฯ มีเป้าหมายปลูกป่าจำนวน 2 แสนไร่ ในพื้นที่ 25 ลุ่ม โดยเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. กบอ. ได้เห็นชอบพื้นที่ปลูกป่าตามที่กรมอุทยานฯ เสนอ รวม 1.42 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ภาคเหนือ 14 จังหวัดยกเว้น จ.พะเยาและจ.สุโขทัย จำนวน 1.32 แสนไร่ และ จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 10 จังหวัด ยกเว้น จ.อุดรธานี และจ.ชัยภูมิ จำนวน 1หมื่นไร่ โดยขั้นตอนต่อไปรอ กบอ.เสนอต่อสำนักงบประมาณ เพื่อขอเบิกงบประมาณต่อไป
ด้านนายชลธิศ สุรัสวดี ผู้ตรวจราชกรกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชี้แจงว่าการปลูกป่าตามโครงการดังกล่าว จะใช้กล้าไม้ที่เป็นกล้าไม้ข้ามปี เพื่อให้มีความแข็งแรงต่อแมลง ศัตรูพืช อย่างไรก็ตามในเรื่องรายละเอียดขอส่งคำชี้แจงเป็นเอกสารต่อไป ยอมรับว่าหากการทำโครงการไม่สามารถทำได้ภายในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ ก็จะยอมรับว่าไม่ทันและจะไม่มีการเบิกใช้จ่ายเงินกู้
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต