จากประชาชาติธุรกิจ
นายปลอดประสพสุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.)เปิดเผยถึงแนวปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครอง ว่า กบอ.ยืนยันจะเดินหน้าเซ็นต์สัญญากับภาคเอกชนตามกำหนดการเดิมใน8 โมดูล โดยพิจารณาแล้วเห็นว่า ตามคำสั่งศาลที่สั่งให้ทำประชาพิจารณ์การสำรวจผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA)และการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ (HIA)เป็นการดำเนินการตามรายละเอียดของสัญญาที่อยู่ในข้อกำหนดตามขั้นตอนการ ศึกษาอยู่แล้ว
ทั้งนี้บางโมดูลอาจจะมีความล่าช้าออกไปบ้างโดยเฉพาะ โครงการสร้างอ่างเก็บน้ำ ( A1 ) ที่พบว่ามี 4 เขื่อนจาก 18 เขื่อนต้องใช้เวลาอีก 2 ปีในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ( HIA) ดังนั้นสัญญาในส่วนนี้จึงต้องแบ่งออกเป็น 2 ชุด คือชุดสัญญาที่สำรวจและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม( EIA) จำนวน 14 เขื่อน และชุดสัญญาที่ต้องทำ HIA จำนวน 4 เขื่อน ได้แก่ เขื่อนแม่น้ำยมความจุ 500 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนแม่น้ำยมตอนบน ความจุ 166 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนแม่แจ่ม ความจุ 174.674 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนแม่วงก์ความจุ 257.55 ล้าน ลบ.ม.
"ทุกโมดูลเราต้องทำประชาพิจารณ์อยู่แล้วคาดว่า3 เดือนก็เสร็จ ส่วนโมดูลไหนต้องทำ EIAก็ทำไปแต่ไม่ควรเกิน 1 ปี โดยเรื่องนี้เอกชนจะต้องทำเอง ส่วนเรื่อง HIA ผมยืนยันว่ามีแค่ 4 เขื่อนนี้เท่านั้นที่ต้องทำ โดยรัฐอาจจะต้องรับเป็นเจ้าภาพ"นายปลอดประสพกล่าว
นายปลอดประสพเปิด เผยอีกว่า กรณีที่ศาลปกครองตีความว่า หากมอบหมายให้เอกชนทำประชาพิจารณ์หรือ EIA เอง อาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับงานของภาคเอกชน ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริงเพราะตามขั้นตอนการสำรวจไม่ว่าจะเป็นรัฐหรือ เอกชนต่างก็ต้องว่าจ้างบริษัทที่ได้รับการรับรองสำนักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) เป็นผู้สำรวจอยู่แล้ว ซึ่งในประเทศไทยมีหน่วยงานด้านนี้แค่57 บริษัทเท่านั้น
"ขั้นตอนการ สำรวจเบื้องต้น ทั้งรัฐและเอกชนก็ต้องจ้าง 57บริษัทนี้ดำเนินการ จากนั้นก็ส่งเรื่องต่อให้ พิจารณาอีกสองรอบก่อนที่จะได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณา รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(คชก.) ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมาย"ประธานกบอ.กล่าว
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต