จากประชาชาติธุรกิจ
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ประธานคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 2555/56 สภาเกษตรกรแห่งชาติ เข้าหนังสือต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนมติในการปรับลดราคารับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2555/56 เนื่องจากเห็นว่าการที่รัฐบาลจะปรับลดราคารับจำนำข้าวเปลือกลงจากระดับราคาเดิมจะทำให้เกษตรประสบภาวะขาดทุน เพราะหากรัฐบาลจะรับจำนำในราคา 12,000 บาทต่อตัน เมื่อหักค่าความชื้นและสิ่งเจือปนออกแล้วเกษตรกรจะได้รับเงินประมาณ 9,000 บาทต่อตันเท่านั้นเอง เมื่อนำมาคิดรวมกับต้นทุนการผลิตทำให้เกษตรกรตกอยู่ในภาวะที่ขาดทุน
นอกจากนี้ ปัญหาการขาดทุนจากการดำเนินนโยบายโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนั้น มีสาเหตุที่สำคัญจากการบริหารจัดการโครงการที่ยังไม่มีประสิทธิภาพทำให้เกิดการรั่วไหล ทำให้มีต้นทุนการดำเนินโครงการเพิ่มขึ้น และผลประโยชน์ไม่ตกกับมือชาวนาที่แท้จริง และเห็นได้ชัดว่าเกษตรไม่ได้เป็นผู้ก่อให้เกิดการขาดทุดจากการดำเนินงานโครงการดังกล่าว แต่ต้องตกเป็นผู้รับเคราะห์จากการบริหารจัดการโครงการที่อาจจะยังมีข้อขัดข้องที่จะต้องปรับปรุงแก้ไข
ดังนั้น ทางคณะกรรมการจึงมีมติขอให้ทบทวนมติให้รัฐบาลราคาข้าวเปลือกจากตันละ 12,000 บาทเป็นตันละ 15,000 บาท และข้าวเปลือกหอมะลิที่ราคาตันละ 20,000 บาทตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 ต่อไป
ที่มา : มติชนออนไลน์
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต