สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

จีน-อินโดฯกีดกันลำไยใช้ซัลเฟอร์ จี้โรงรม-ล้ง-ผู้ส่งออก200รายตีทะเบียนมาตรฐาน

จากประชาชาติธุรกิจ

รัฐบาลเร่งรื้อมาตรฐานลำไยไทยปนเปื้อนสารเคมี-ใช้สาร ซัลเฟอร์ไดออกไซด์เกินมาตรฐาน หลังคู่ค้าหลัก "จีน-อินโดฯ" ร่อนหนังสือกดดันเตรียมบล็อกออร์เดอร์นำเข้าลำไยไร้คุณภาพ หวั่นสูญมูลค่าส่งออกปีละ 6-7 พันล้านบาท ด้านกระทรวงวิทย์ฯรับหน้าเสื่อ ไล่บี้โรงรม-ผู้ส่งออก-ล้ง กว่า 200 รายทั่วประเทศ ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบมาตรฐานการผลิต พร้อมลุยเปิดตลาดใหม่ รุดเจรจาอินเดีย

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้จัดทำโครงการปรับปรุงคุณภาพและบริหารจัดการลำไยให้ได้มาตรฐานการส่งออก เปิดเผยว่า ปีนี้จะดำเนินการอย่างเข้มข้นตั้งแต่ฤดูกาลผลิตลำไยปี 2556 เป็นต้นไป เนื่องจากประเทศจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าลำไยที่สำคัญได้ส่งหนังสือเตือนมายังรัฐบาลเรื่องลำไยไทยที่ ต้องมีคุณภาพ คัดแยกตามเกรด และไม่มีการปนเปื้อนสารเคมี ซึ่งทางการจีนได้ตรวจพบว่ามีปริมาณสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์เกินมาตรฐานในลำไย ของไทย หากไม่ได้ตามมาตรฐาน ทางการจีนก็จะระงับการนำเข้า

ทั้งนี้การ ควบคุมสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ใช้อบลำไยกับทุกล้งทั่วประเทศจะต้องอยู่ใน ระดับมาตรฐานไม่เกิน 50 ppm จากเดิมที่เคยตรวจพบค่าสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์สูงถึง 170 ppm ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคเป็นอย่างมาก

ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงรม ลำไยมากกว่า 200 โรง แต่มีโรงรมที่ได้รับการรับรองในภาคเหนือ 76 โรงเท่านั้น จึงมีโรงรมอีกจำนวนมากที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ขณะนี้ได้เปิดให้ผู้ส่งออก-ล้ง และโรงรมลำไยทั้งหมดกว่า 200 ราย เข้าร่วมลงทะเบียนลงนามสัญญาโครงการปรับปรุงคุณภาพและบริหารจัดการลำไยให้ ได้มาตรฐานการส่งออก โดยให้แต่ละจังหวัดเป็นหน่วยประสานหลัก หากโรงรมลำไย ล้ง หรือผู้ส่งออกที่ไม่เข้าร่วมในโครงการ ก็จะไม่ออกหนังสือรับรองมาตรฐานสินค้าลำไยเพื่อส่งออกได้

 


สำหรับผลผลิตลำไยทั่วประเทศปีนี้ คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 640,000 ตัน แต่ผลผลิตจริงที่จะออกมาประมาณ 300,000 ตัน เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวน ขณะที่ผลผลิตปี 2555 อยู่ที่ 460,000 ตัน โดยปริมาณลำไยสดส่งออกอยู่ที่ 200,000 ตัน/ปี และลำไยอบแห้งส่งออก 50,000-60,000 ตัน/ปี มูลค่าการส่งออกทั้งระบบอยู่ที่ 6,000-7,000 ล้านบาท แหล่งปลูกลำไยกว่า 70% อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย

นาย วรวัจน์กล่าวอีกว่า ในส่วนของประเทศอินโดนีเซียก็ได้มีหนังสือเตือนมายังรัฐบาลไทยถึงการคุมเข้ม มาตรฐานสินค้าลำไยไม่ให้มีการปนเปื้อนสารเคมี ซึ่งประเทศจีนและอินโดนีเซียถือเป็นคู่ค้าลำไยรายใหญ่ของไทย และได้ใช้มาตรฐานคุณภาพสินค้ามาเป็นมาตรการกีดกันทางการค้า หากมีการระงับออร์เดอร์นำเข้า ตลาดลำไยทั้งระบบจะเสียหายอย่างมาก

ขณะ เดียวกันอินโดนีเซียได้จำกัดโควตาการนำเข้าลำไยจากไทยเหลือเพียง 20,000 ตันเท่านั้น เพื่อไม่ให้ผลไม้จากต่างประเทศเข้ามาขายระยะนี้ที่ผลไม้ท้องถิ่นหลายชนิดของ อินโดนีเซียกำลังเริ่มออกสู่ตลาด

"กระทรวงวิทย์มีกำหนดเดินทางไป อินโดนีเซียในเร็ว ๆ นี้เพื่อเจรจาแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีทางการเกษตร และเจรจาเรื่องโควตาส่งออกลำไยจากไทยเพิ่ม พร้อมทั้งเตรียมเปิดตลาดใหม่ ๆ เช่น อินเดีย โดยจะเข้าพบหารือกับรัฐบาลอินเดียและผู้ค้าในอินเดียในเร็ว ๆ นี้"

ด้านนายสัญชัย ปุรณะชัยคีรี นายกสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย กล่าวว่า การปรับปรุงระบบการผลิตลำไยให้ได้มาตรฐานเดียวกันเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นการยกระดับคุณภาพสินค้าลำไยไทยให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้น แต่วิธีปฏิบัติต้องมีความชัดเจน และมีมาตรการทางกฎหมายเข้ามารับรองด้วย เพื่อให้การผลิตอยู่ในระเบียบปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และสามารถตรวจสอบได้ โดยการปรับปรุงมาตรฐานการผลิตและการควบคุมสารเคมีและสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ จำเป็นต้องทำตั้งแต่ระดับฐานรากคือเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ผู้รับซื้อ โรงรมลำไย จนถึงผู้ส่งออก


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags :

view