สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

พิจิตรข้าวหายบานปลายยอดทะลุ12,000ตัน

พิจิตรข้าวหายบานปลายยอดทะลุ12,000ตัน

จาก โพสต์ทูเดย์

ตำรวจสอบ เอกสารอ.ต.ก.พบยอดข้าวโรงสีพิจิตรหายเพิ่มอีก 4,000ตัน ทำยอดรวมแตะ 12,000ตัน ด้านเจ้าของท่าข้าวชิงมอบตัวปัดไม่เกี่ยวข้าวหาย

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. พล.ต.ต. ศิรินทร์  ผดุงชีวิตร์  รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 กล่าวว่า ความคืบหน้าคดีโรงสี แอล-โกลด์ แมนูแฟคเจอร์ ฉ้อโกงชาวนาจำนวน96 ราย และยักยอกทรัพย์ข้าวเปลือก-ข้าวสาร ของ อ.ต.ก. จำนวน 8,000ตัน มูลค่าความเสียหายรวม 2 คดี 130 ล้านบาท ล่าสุดได้ตรวจสอบเอกสารของ อ.ต.ก.พบว่ามีข้าวที่ออกใบประทวนให้กับชาวนาไปแล้วสูญหายเพิ่มเติมอีก 4,000ตันจากเดิมที่สูญหายไปแล้ว 8 พันตันรวมเป็น 12,000 ตัน

ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารยืนยันว่าเป็นข้าวในโครงการรับจำนำฤดูกาล ผลิตปี พ.ศ.ใด อย่างไรก็ตามข้าวสาร-ข้าวเปลือก ที่เหลืออยู่ 400 ตันในโกดังของโรงสีดังกล่าว อ.ต.ก.ตรวจสอบแล้วไม่ใช่ข้าวของ อ.ต.ก. ซึ่งคงต้องสอบสวนหารายละเอียดอีกครั้ง เพราะการสอบปากคำหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของ อ.ต.ก.พิจิตร ยังให้การวกวน ตำรวจจึงให้ไปเตรียมเอกสารมาให้พร้อมเพื่อการตอบข้อซักถามของพนักงานสอบสวน อีกครั้ง โดยเบื้องต้นยังไม่พบว่าเจ้าหน้าที่ของ อ.ต.ก.มีความผิดแต่อย่างใด

ด้าน พ.ต.ท.เนวิน กาหลง หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิจิตร เปิดเผยว่าชาวนา จาก ต.หัวดง ต.สายคำโห้ ต.ฆะมัง ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสิ้น 96 ราย โดยทุกคนให้การว่านำข้าวไปส่งมอบให้กับ นายอำนาจ ดิษฐเสถียร หรือ เสี่ยแกละ  อายุ 45 ปี เจ้าของท่าข้าวหัวดง ตำบลหัวดง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร ตำรวจจึงไปขออำนาจศาลยุติธรรมจังหวัดพิจิตร ออกหมายจับในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน

อย่างไรก็ตามนายอำนาจได้เดินทางเข้ามามอบตัวและให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ ตำรวจ โดยยอมรับว่า ได้รับการแนะนำจากท่าข้าวสุนิตย์ ตะพานหิน ให้รู้จักกับเจ้าของโรงสีแอล-โกลด์ แมนูแฟคเจอร์ โดยจะให้ค่านายหน้าตันละ 300 บาท ในการหาข้าวส่งเข้าโรงสีในโครงการรับจำนำ ซึ่งตนได้ส่งข้าวไปแล้ว 3,204 ตัน รวม 147 ราย  ซึ่งก็ได้ใบประทวนไปให้ชาวนา 48 ราย จึงทำให้เกิดความเชื่อถือ จากนั้นชาวนาก็แห่กันมาจำนำข้าวกับตนจำนวนมาก โดยตนไม่รู้เลยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

ทั้งนี้คำให้การของนายอำนาจเป็นประโยชน์ต่อการสอบสวนคดีมาก เพราะโยงใยไปยังผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคน แต่เบื้องต้นไม่มีไปเกี่ยวพันกับเจ้าหน้าที่ของรัฐแน่อย่างใด 

ด้าน นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าฯพิจิตร  กล่าวว่า ได้กำชับเรื่องการอำนวยความสะดวกและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ที่สำคัญต้องใช้กฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้เกิดความสงบในบ้านเมือง 


ยิ่งสาวยิ่งลึก โรงสีฉาวโกงจำนำข้าวพิจิตร พบข้าวหายเพิ่ม-เสี่ยท่าข้าวโผล่แล้ว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

พิจิตร - ตำรวจเดินหน้าสางคดีโรงสีฉาวพิจิตรโกงชาวนา-ยักยอกข้าว อ.ต.ก.พบข้าวหายเพิ่มอีก 4 พันตัน รวมยอดข้าวหายแล้ว 1.2 หมื่นตัน ด้าน “เสี่ยแกละ” เจ้าของท่าข้าวตัวแทนโรงสีฉาวชิงโผล่มอบตัว รับได้ค่านายหน้า “ไล่ของ” หรือหาข้าวส่งโรงสีตันละ 300 บาท ด้านชาวนาแจ้งความเพิ่มเป็น 74 รายแล้ว
       
       วันนี้ (25 มิ.ย.) พล.ต.ต.ศิรินทร์ ผดุงชีวิตร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมทีมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ยังคงเดินหน้าติดตามคดีโรงสี แอล-โกลด์ แมนูแฟคเจอร์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 97/2 หมู่ 3 ตำบลท่าบัว อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ซึ่งมีนางสาวณัฐริกา บุญเกื้อ เป็นกรรมการผู้จัดการ และพวก ฉ้อโกงชาวนาจำนวน 96 ราย และยักยอกทรัพย์ข้าวเปลือก-ข้าวสารของ อ.ต.ก.จำนวน 8 พันตัน มูลค่าความเสียหายรวม 2 คดี 130 ล้านบาท ล่าสุดได้เชิญนางพวงเกสร วงษ์อนุพรกุล เจ้าหน้าที่ อ.ต.ก.เข้าให้ปากคำ และตรวจสอบเอกสาร
       
       เบื้องต้นพบว่ามีข้าวที่ออกใบประทวนให้แก่ชาวนาไปแล้วสูญหายเพิ่ม เติมอีก 4 พันตัน จากเดิมที่สูญหายไปแล้ว 8 พันตัน รวมเป็น 12,000 ตัน ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารยืนยันว่าเป็นข้าวในโครงการรับจำนำฤดูกาลผลิต ปี พ.ศ.ใด
       
       นอกจากนี้ยังพบว่า ข้าวสาร-ข้าวเปลือกที่เหลืออยู่ 400 ตันในโกดังของโรงสีดังกล่าว อ.ต.ก.ตรวจสอบแล้วไม่ใช่ข้าวของ อ.ต.ก. ซึ่งคงต้องสอบสวนหารายละเอียดอีกครั้ง เพราะการสอบปากคำนางพวงเกสรซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ อ.ต.ก.พิจิตร ให้การวกวน และค่อนข้างเครียด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้ไปเตรียมตัว เตรียมเอกสารมาให้พร้อมเพื่อตอบข้อซักถามของพนักงานสอบสวน ซึ่งจะได้นัดวันสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง ในเบื้องต้นยังไม่พบว่าเจ้าหน้าที่ของ อ.ต.ก.มีความผิดแต่อย่างใด
       
       ด้าน พ.ต.ท.เนวิน กาหลง หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิจิตร เปิดเผยว่า ชาวนาจาก ต.หัวดง ต.สายคำโห้ ต.ฆะมัง ทยอยเข้าแจ้งความตำรวจทำงานกันผลัดละ 6 คน ทั้งวันทั้งคืน 2 วันที่ผ่านมารับแจ้งความลงประจำวันจากชาวนาแล้ว 74 ราย จาก 96 ราย คาดว่าพรุ่งนี้คงสอบสวนเสร็จสิ้น ซึ่งทุกคนให้การว่านำข้าวไปส่งมอบแก่นายอำนาจ ดิษฐเสถียร หรือ “เสี่ยแกละ” อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/9 หมู่ 1 ตำบลหัวดง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร เจ้าของท่าข้าวหัวดง ตำรวจจึงไปขออำนาจศาลจังหวัดพิจิตรออกหมายจับ แต่ “เสี่ยแกละ” ชิงเดินทางมาให้ปากคำ ตำรวจจึงแสดงหมายจับและควบคุมตัวดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
       
       ต่อมา พ.ต.ท.ไชยา ขาวแม้นจันทร์ รอง ผกก.สภ.เมืองพิจิตร ได้รับตัวนายอำนาจ ดิษฐเสถียร หรือ “เสี่ยแกละ” มาทำการสอบสวน ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ยอมรับว่าตนได้รับการแนะนำจากท่าข้าวสุนิตย์ ตะพานหิน ให้รู้จักกับนายมุนินทร์ จันทรา หรือ “เสี่ยหนุ่ม” อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 963/178 หมู่ที่ 60 ถนนรังสิต-นครนายก ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ที่เป็นเจ้าของโรงสีแอล-โกลด์ แมนูแฟคเจอร์ จำกัด ตัวจริง เครือข่ายนักการเมืองใหญ่นครปฐม ซึ่งยื่นข้อเสนอให้ค่า “ไล่ของ” หรือนายหน้าตันละ 300 บาท
       
       ในการหาข้าวส่งเข้าโรงสีในโครงการรับจำนำ ซึ่งตนได้ส่งข้าวไปแล้ว 3,204 ตัน รวม 147 ราย ได้ใบประทวนไปให้ชาวนา 48 ราย จึงทำให้เกิดความเชื่อถือ จากนั้นชาวนาก็บอกปากต่อปากแห่กันมาจำนำข้าวที่ท่าข้าวหัวดง ตนก็ได้อาศัยรถบรรทุกจากท่าข้าวสุนิตย์ ตะพานหิน ส่งรถสิบล้อมาบรรทุกข้าวไป โดยไม่รู้เลยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
       
       คำให้การของ “เสี่ยแกละ” เป็นประโยชน์ต่อพนักงานสอบสวนเป็นอย่างมาก เพราะโยงใยไปอีกหลายคนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เบื้องต้นยังไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ของ อ.ต.ก. หรือ กขจ. (กรรมการข้าวระดับจังหวัด) เกี่ยวพัน
       
       ด้านญาติของ “เสี่ยแกละ” ได้พยายามยื่นขอประกันตัว ซึ่งตำรวจได้ตั้งวงเงินและหลักทรัพย์ค้ำประกันตัวผู้ต้องหาไว้ 1 ล้านบาท แต่จะต้องไปขอประกันชั้นศาลเนื่องจากเป็นคดีฉ้อโกงประชาชน และเป็นคดีใหญ่ที่สังคมให้ความสนใจ
       
       ขณะที่นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าฯ พิจิตร กล่าวว่า ขณะนี้คดีความอยู่ในมือของตำรวจแล้ว ซึ่งตนเองก็กำชับเรื่องการอำนวยความสะดวกและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ที่สำคัญต้องใช้กฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้เกิดความสงบในบ้านเมือง
       
       อย่างไรก็ตาม เพื่อช่วยเหลือชาวนาที่ตกเป็นเหยื่อ ขณะนี้ตนได้ให้เปิดบัญชีธนาคารใช้ชื่อว่า “บัญชีกองทุนช่วยเหลือชาวนาพิจิตรที่ถูกโกง” โดยได้ประสานงานและได้รับคำแนะนำจากผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งว่า จะช่วยระดมเงินบริจาค ตั้งเป้า 10 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปเยียวยาชาวนาให้มีค่าใช้จ่ายที่จะทำทุนในฤดูกาลนี้ แต่ถ้าได้รับการเยียวยาจากทางภาครัฐก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
       
       ขณะเดียวกันมีรายงานเพิ่มเติมว่า กลุ่มชาวนาเกือบ 200 รายยังได้รวมตัวกันไปร้องต่อ น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร เลขาฯ รมต.พลังงาน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ที่ถนนพิจิตร-สามง่าม อ.เมือง จ.พิจิตร ซึ่ง น.ส.สุณีย์ก็รับปากว่า จะเป็นสื่อกลางถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ช่วยหาเงินมาเยียวยาพี่น้องชาวนาที่ถูกโรงสีฉ้อโกง โดยอ้างโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลดังกล่าวนี้ต่อไป


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags :

view