จากประชาชาติธุรกิจ
นายพชร แกล้วกล้า ฝ่ายสนับสนุนองค์กรผู้บริโภคและพัฒนานโยบาย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยในงานสมัชชาวิชาการความมั่นคงทางอาหาร ประจำปี 2556 ว่า ปัจจุบันพบว่า 1 ใน 3 ของอาหารที่จำหน่ายในประเทศไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะอาหารที่ผลิตจากเนื้อสัตว์ หรือเนื้อสัตว์แปรรูปในภาคอุตสาหกรรม มีความเสี่ยงได้รับสารกันบูด สี บอแรกซ์ และฟอร์มาลิน ขณะที่อาหารแห้งเสี่ยงได้รับสารฟอกขาว สี ยาฆ่าแมลง ส่วนผักผลไม้เสี่ยงได้รับสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงและสารกำจัดศัตรูพืช
"จากการสำรวจของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและนิตยสารฉลาดซื้อ พบว่า ขนมปังที่ขายตามร้านสะดวกซื้อ 1 ใน 3 มีสารกันบูดเกินค่ามาตรฐาน ผลิตภัณฑ์ชาเขียวพร้อมดื่ม มีความเสี่ยงได้กาเฟอีนและน้ำตาลมากจนเกินไป ขณะที่ 2 ใน 3 ของอาหารแช่แข็ง มีการแสดงฉลากชื่ออาหารสับสน ไม่สอดคล้องกับส่วนประกอบ และมีการโฆษณาผิดกฎหมาย โอ้อวดสรรพคุณให้เข้าใจผิดจากความเป็นอาหารมีสูงร้อยละ 96 โดยพบว่าข้าวเหนียวหมูย่างแช่แข็งที่ฉลากระบุว่ามีไก่เป็นส่วนผสมด้วย ส่วนขนมเด็กพบว่าเป็นเลข อย.ปลอม หรือฉลากระบุว่าใช้แป้งข้าวโพดดัดแปรพันธุกรรม เป็นต้น" นายพชรกล่าว และว่า นอกจากนี้ การจำหน่ายสินค้าหมดอายุกลายเป็นเรื่องปกติหาความรับผิดชอบจากผู้ประกอบการ ได้ยาก
สำหรับอาหารไม่ปลอดภัยตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 มี 4 ประเภท ได้แก่ 1.อาหารไม่บริสุทธิ์ มีสารเคมี วัตถุเจือเคมีปนในอาหาร 2.อาหารปลอมที่มีการสับเปลี่ยนวัสดุอื่นแทนวัตถุดิบบางส่วน 3.อาหารผิดมาตรฐาน เช่น มีสารเคมีตกค้างในผักและผลไม้ น้ำมันมีสารโพลาร์เกินค่ามาตรฐาน ใส่สารกันบูดเกินมาตรฐานในไส้กรอก เป็นต้น และ 4.อาหารอื่นที่รัฐมนตรีกำหนด เช่น ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประกาศว่า ชาเจสัน เป็นอาหารไม่ปลอดภัย เป็นต้น
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
