จากประชาชาติธุรกิจ
คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ โดย ณัฏฐ์พิชญ์ วงษ์สง่า montien_dear@yahoo.com
ว่ากันว่า ช่วงนี้ประเทศไทยและประเทศในเขตซีกโลกใต้กำลังประจันหน้ากับพระอาทิตย์ ทำให้แสงแดดและความร้อนนั้นสาดส่องมาทั่วทุกอณู
ฤดูร้อนของประเทศไทยจึงมีอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นและกินเวลานานหลายเดือน ยิ่งช่วงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดในรอบปี
ใครที่มีโอกาสเดินทางในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ 6-7 วันที่ผ่านมาจะสัมผัสได้ทันทีว่าอากาศเมืองไทยในห้วงเวลานี้ร้อนเหมือนกันหมดในทุก ๆ พื้นที่ของประเทศ จึงไม่น่าแปลกใจนักหากผู้ที่รักการเดินทางจะคิดหลีกหนีอากาศร้อนนี้ และเดินทางไปยังจุดหมายที่มีอากาศเย็นกว่า
ผู้เขียนแนะนำให้ลองนึกภาพเมื่อตื่นนอนมาแล้วเห็นหิมะที่ปกคลุมอยู่บนพื้น หรือสัมผัสกับลมเย็นสบายที่พัดจากเทือกเขาแอลป์ระหว่างนั่งจิบไวน์เครื่องเทศอยู่ลานสกีดูสิ
ระหว่างที่ใช้เวลาในช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา ผู้เขียนได้พยายามหาข้อมูลว่า ในเวลาที่อุณหภูมิเมืองไทยพุ่งไปแตะ 40 องศาเซลเซียสแบบนี้ เราควรพักร้อนไปเที่ยวที่ไหนกันดี (ตอนนึกก็สมมุติตัวเองว่าเงินในกระเป๋าพร้อมท่องโลกไปด้วย)
แต่ข้อมูลที่ขาเที่ยวส่วนใหญ่จะรีวิวก็มักจะเป็นทะเล ภูเขา น้ำตก ฯลฯ ซึ่งประเมินดูแล้วอยู่เมืองไทยที่ไหนก็ร้อนทั้งนั้น...
เหมือนจะบังเอิญ อีกวันต่อมาก็ได้รับข้อมูลจาก Booking.com เว็บไซต์ที่ให้บริการด้านการจองที่พัก ก็ได้ส่งบทวิเคราะห์ข้อมูล และค้นหาจุดหมายที่ผู้เดินทางต้องการไปเยือนเพื่อหลบหนีฤดูร้อนของซีกโลกใต้ พร้อมทั้งได้เปิดเผยจุดหมายที่ถูกบอกต่อโดยผู้เดินทางจากซีกโลกใต้ว่าเป็นที่สุดสำหรับหลบอากาศร้อนไว้หลายแห่งผู้เขียนขอเลือกมานำเสนอบางส่วนก็แล้วกันนะคะ
เริ่มต้นที่ เรกยาวิก ประเทศไอซ์แลนด์ ดินแดนที่เต็มไปด้วยเสียงกึกก้องของภูเขาไฟและน้ำพุร้อน และเป็นสถานที่ที่มีการผสมผสานกันอย่างลงตัวของธรรมชาติและความเป็นเมือง
ที่นี่เขาแนะนำให้ลองไปเยี่ยมชมโบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์กยา ซึ่งตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้าราวกับลาวาพุ่งปะทุ จากนั้นหย่อนกายลงบนชายหาดโนทอลสวิค หรือสระอื่น ๆ ในเมือง ความร้อนใต้ผืนหาดนั้นจะช่วยคืนความอบอุ่นให้ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเร็วกว่าการพูดคำว่า "เอยาฟยาตลาเยอคุตล์ (ชื่อภูเขาธารน้ำแข็งในไอซ์แลนด์) ซะอีก
เนเปิลส์ ประเทศอิตาลี ที่นี่บรรยากาศชวนให้สับสนยิ่งกว่าการแก้รูบิกของเจ้าพ่อมาเฟีย Godfather ทว่าความสนุกสนานส่วนหนึ่งนั้นก็มาจากคนท้องถิ่นที่เดินกันขวักไขว่ รถสกูตเตอร์ที่แล่นฉิวผ่านไปมา รวมถึงถนนสายเก่าแก่ที่คดเคี้ยว
นอกจากที่นี่จะเป็นต้นกำเนิดของพิซซ่าแล้ว ก็ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งให้ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ ไม่ว่าจะเป็น ปราสาทไข่ ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์โบราณคดี (Archaeological Museum)
มาดริด ประเทศสเปน เพราะเล่ากันว่าชีวิตในมาดริดนั้นมี "บางอย่างที่พิเศษ" และไม่อาจพลาดได้ ลองเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเดินเล่นในสวนสาธารณะเรติโร แสนร่มรื่น จากนั้นใช้เวลาช่วงเช้าที่ พิพิธภัณฑ์ปราโด (Prado) ทานมื้อเที่ยงและนอนเอาแรงยามบ่าย ก่อนจะตื่นมาทานอาหารเย็นร่วมกับคนท้องถิ่น ซึ่งตามปกติแล้วพวกเขาจะรับประทานมื้อเย็นช่วงหลัง 2 ทุ่มเป็นต้นไป
บูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ที่นี่ผู้มาเยือนทั้งหลายต่างต้องมนต์เสน่ห์ของบูดาเปสต์ บ้านเกิดของนักมายากลชื่อก้องโลกอย่างแฮร์รี่ ฮูดินี่ ที่เต็มไปด้วยอนุสรณ์สถานขนาดมโหฬาร อีกทั้งความงามที่ไม่เคยจางหายที่จะสะกดทุกคนไว้
จิตวิญญาณที่แสนอ่อนโยนของเมืองนี้ก่อร่างสร้างตัวจากความแข็งแกร่งของยุคจักรวรรดิ จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนที่นี่ต่างเต็มไปด้วยชีวิตชีวาในการแสวงหาความสุขให้กับตนเอง
ดูโบรฟนิก ประเทศโครเอเชีย แม้ว่าเมืองทุกแห่งจะมีเอกลักษณ์ในแบบฉบับของตนเอง แต่ไม่มีที่ใดจะแปลกตาไปกว่าดูโบรฟนิกอีกแล้ว เริ่มตั้งแต่กำแพงเมืองที่สูงตระหง่านและดูจะทอดยาวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด โอบล้อมเป็นปราการปกป้องเมืองในสมัยก่อน ทว่าในปัจจุบันความสูงของกำแพงนั้นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขึ้นไปชมทัศนียภาพตระการตาของผืนน้ำสีครามในทะเลเอเดรียติกรวมถึงวิวรอบเมืองที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโครเอเชีย
สตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมืองนี้นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นมหาอำนาจของโลกด้านการออกแบบแล้ว เมืองนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบล ในฐานะที่มีประชากรที่เป็นมิตรที่สุดของภูมิภาคสแกนดิเนเวียอีกด้วย
เมืองนี้พร้อมอ้าแขนต้อนรับท่านด้วยสิ่งที่น่าสนใจชวนให้ออกไปสำรวจ ไม่ว่าจะเป็นตรอกยุคกลาง สวนสาธารณะสุดยิ่งใหญ่ รวมถึงพระราชวังกรุงสตอกโฮล์มที่จะต้องทำให้ท่านอ้าปากค้าง
ขณะที่อ่านข้อมูลทั้งหมดและนั่งเขียนบทความอยู่นี้ก็ได้แต่นั่งจินตนาการตามไปด้วย...
และก็หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับนักเดินทางทั้งหลายที่กำลังมองหาสถานที่พักร้อนที่ไหนสักแห่ง...
eosgear,ไร่รักษ์ไม้,สวนศิริผล,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต