จากประชาชาติธุรกิจ
ผศ.ฉัตรภา หัตถโกศล อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในช่วงของเทศกาลการเฉลิมฉลอง สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือเรื่องของการกิน ซึ่งอาหารส่วนใหญ่ในเทศกาลเฉลิมฉลองนั้น มีทั้งอาหารคาว หวาน ขนม เครื่องดื่มต่างๆ มากมาย เมื่อเราเกิดความสุขเราก็จะยิ่งกินได้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งความเพลิดเพลินในช่วงนี้ก็จะทำให้เรากินได้เรื่อยๆ ในปริมาณที่มากกว่าปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่รับประทานเข้าไปช่วงนี้ ดูเหมือนมีขนาดและปริมาณเพียงเล็กน้อย เช่น ขนมเค้ก คุกกี้ ไอศกรีม เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล น้ำหวาน แต่ให้พลังงานที่สูง ทำให้เรากินเข้าไปเยอะแต่ยังรู้สึกเหมือนว่าไม่ค่อยได้กินอะไรเข้าไป แถมยังฉลองกันจนดึกทำให้ขาดการพักผ่อนนอนหลับเพียงพอ ขาดการออกกำลังกายหรือใช้พลังงานที่ได้รับมาเกิน
ดังนั้นจะพบได้ว่าช่วงหลังจากเทศกาลจะทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพตามมาได้ เช่น น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย มึนงง หรือในบางคนอาจพบความดันโลหิตสูงขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ปวดหัวจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลจะพบว่า โดยเฉลี่ยแล้วสำหรับคนที่สุขภาพดีทั่วไปหลังจากช่วงเทศกาลจะมีน้ำหนักตัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 1-2 กิโลกรัม ซึ่งอาจดูเหมือนไม่เยอะแต่การที่จะทำให้น้ำหนักลงกลับมาที่จุดเดิมนั้นอาจไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าจะลดน้ำหนักและฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม
ขณะที่กลุ่มผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินอยู่แล้วส่วนใหญ่จะมีการเพิ่มของน้ำหนักตัวมากกว่ากลุ่มที่มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน คือกลุ่มที่น้ำหนักเกิน หลังเทศกาลจะยิ่งอ้วนขึ้นมากกว่า โดยอาจเพิ่มขึ้น 3-5 กิโลกรัมในหนึ่งสัปดาห์ สำหรับผู้ที่มีปัญหาของสุขภาพอยู่แล้ว เช่นผู้ที่มีโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคกระดูกและข้อ การเพิ่มขึ้นของอาหารและน้ำหนักตัวจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้มากขึ้น กลุ่มผู้ที่มีปัญหาของสุขภาพควรที่จะระมัดระวังการกินในช่วงนี้ให้มาก เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพและสามารถสังสรรค์ได้อย่างสนุกและมีความสุข
ผศ.ฉัตรภา กล่าวว่า แนวทางในการกินช่วงเทศกาลควรปฏิบัติดังนี้ 1.กินอย่างมีเหตุและผล ในช่วงเทศกาลให้บอกกับตัวเองว่าจะใช้เหตุและผลในการเลือกกิน เลือกอาหารที่ตัวเองชอบแต่ควรเข้าใจถึงพลังงานที่จะได้รับเข้าไป และวางแผนการกินและออกกำลังกายควบคู่กันไป2.อย่าอดมื้อกินหลายๆ มื้อ แม้ช่วงเย็นจะมีปาร์ตี้ ก็ไม่ควรอดอาหาร แต่ให้กินอาหารให้เป็นมื้อเหมือนเดิม 3.ปรุงประกอบอาหารเน้นลด หวาน มัน เค็ม หากประกอบอาหารเองได้ให้เน้นอาหารที่ลดหวาน เค็มและ ไขมันต่างๆ เลือกปรุงประกอบอาหารโดยใช้วิธี นึ่ง อบ เผา ลวก แทนการทอด หรือผัด 4. รู้จักพอ ดูว่าอิ่มแล้วก็ควรที่จะพอหรือหยุดกินเมื่อเริ่มรู้สึกอิ่ม กินอาหารอย่างช้าๆ และพยายามคุยกับคนในงาน หยิบหรือตักอาหารทีละน้อยๆ เริ่มกินจากอาหารกลุ่มผักก่อน
5.ควบคุมปริมาณเครื่องดื่ม ในงานสังสรรค์บางครั้งเราดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสมตลอดทั้งงาน ซึ่งอาจทำให้เราได้รับพลังงานมากกว่าการกินอาหารทั้งมื้อ จึงควรเลือกเครื่องดื่มที่ให้พลังงานน้อย เช่น ดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำหวานหรือน้ำอัดลม เลือกชาแทนกาแฟหรือแอลกอฮอล์ 6. เผาผลาญให้เยอะ เช่น เดินหรือหากิจกรรมทำในงานเลี้ยง พยายามใช้เวลาในการเดินคุยกับคนอื่นๆ ในงานหรือหากงานมีกิจกรรมให้ร่วมเล่น พยายามอย่านั่งอยู่กับที่แล้วกินอย่างเดียว การเดินไปมาจะยิ่งช่วยให้อิ่มเร็วขึ้น
ที่มา มติชนออนไลน์
อี.โอ.เอส เกียร์,ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,#อุปกรณ์แค้มปิง,#อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต,#มีดดามัสกัส,#เหล็กดามัสกัส
