สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เสพติด ความเครียดอยู่หรือไม่? จนต่อมหมวกไตทำงานมากเกินไป

จากประชาชาติธุรกิจ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ตื่นยาก และแอบงีบหลับตอนกลางวันอยู่บ่อยครั้ง เพราะความอ่อนเพลีย รู้ไว้ว่าอาจไม่ได้เป็นเพราะคุณขี้เกียจ แต่กำลังเสพติดความเครียด ที่ต้องเจอในแต่ละวัน จนทำให้ภาวะต่อมหมวกไตล้า จนมีอาการแสดงออกอย่างที่เห็น ลองสังเกตตัวเองว่า กำลัง "เสพติด" ความเครียด อยู่หรือไม่ เพราะปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดไม่ได้มาจากปัญหาครอบครัว และเรื่องงานเท่านั้น สิ่งเร้าที่เข้ามากระตุ้นเพียงเล็กๆ น้อยๆ อย่างการจราจรที่หนาแน่นในชั่วโมงเร่งด่วน ภาวะกดดันในที่ประชุม รวมถึงงานที่ต้องเร่งรีบทำให้เสร็จทันตามกำหนด การออกกำลังกายที่หักโหมเกินไป และการอดนอน ความเครียดที่มาจากปัจจัยเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นบ่อยครั้งก็สะสมและกลายเป็น อาการ "เสพติด" ชนิดหนึ่งได้เช่นกัน เรียกว่า อาการ "เสพติดความเครียด" (Adrenal addict)

พญ.ภาวิณี มณีไพโรจน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ศูนย์ Royal Life Anti-aging Center โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า คนทั่วไปจะเกิดความเครียดโดยไม่รู้ตัว เพราะในระยะแรกร่างกายมีความทนทานสูงต่อกับความเครียดที่เข้ามาในแต่ละวัน แต่พอมารู้ตัวอีกทีก็ล้มป่วย ติดเชื้อเฉียบพลันจนต้องเข้าโรงพยาบาล ซึ่งแพทย์วินิจฉัยอาการของโรคนี้ว่าเป็น "ภาวะต่อมหมวกไตล้า" หรือ "Adrenal fatigue" ที่เกิดจากอาการผิดปกติของร่างกายอย่างหนึ่งที่มีความเครียดเรื้อรัง (Chronic stress) เป็นตัวกระตุ้น อาการที่ปรากฎชัดเจนของภาวะต่อมหมวกไตล้า คือ อาการขี้เกียจตื่นนอนตอนเช้า อ่อนเพลีย ไม่มีแรง อยากงีบหลับ ช่วงกลางวัน ง่วงแต่นอนไม่หลับ มีอาการวิงเวียน ศีรษะ หน้ามืด เวลาเปลี่ยนท่าทาง (ลุก-นั่ง) อยากของหวาน, ของเค็ม ในขณะที่บางรายปัสสาวะบ่อยผิดปกติ ปวดประจำเดือนบ่อย เป็นภูมิแพ้กำเริบบ่อยๆ ผิวแห้งและแพ้ง่าย ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ท้องผูก เครียดซึมเศร้า คุมอาหาร ออกกำลังกายหนักเป็นประจำแต่น้ำหนักไม่ลดลง เป็นต้น

ภาวะต่อมหมวกไตล้าจัดอยู่ในกลุ่ม "โรคที่ถูกลืม" เพราะไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้องและทันท่วงที จากการเจาะเลือดตรวจสุขภาพทั่วไป อาจไม่เพียงพอสำหรับการวินิจฉัยภาวะนี้ เนื่องจากต้องวัดระดับฮอร์โมนต่อมหมวกไต (Adrenal hormones) 2 ตัว ที่มีชื่อว่า คอร์ติซอล (Cortisol) และ ดีเอชอีเอ (Dyhydroepiandrosterone-DHEA) จากผลเลือดร่วมด้วย

Cortisol และ DHEA คือ ฮอร์โมนแห่ง "ความเครียด" ในร่างกายมนุษย์ ปัจจุบันนี้ การรักษาภาวะต่อมหมวกไตล้าจะมุ่งเน้นไปที่การปรับให้ฮอร์โมน 2 ตัวนี้ให้อยู่ระดับที่สมดุล โดยที่ Cortisol คือฮอร์โมนความเครียดตัวหลักของร่างกาย (Stress hormone) ปกติร่างกายจะหลั่งออกมาปริมาณมากที่สุดในตอนเช้า ช่วยให้เรารู้สึกสดชื่น และมีพลังต่อสู้ในวันใหม่ของทุกวัน และจะลดลงเหลือเพียง 10% ในช่วงเย็น แต่ในสถานการณ์คับขัน Cortisol จะทำหน้าที่กระตุ้นให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและอัตราการเต้นหัวใจให้เพิ่มขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมร่างกายให้ต่อสู้กับปัญหาข้างหน้า แต่ถ้าเกิดความเครียดสะสมเรื้อรัง จากการทำงานหนักมากเกินไป พักผ่อนไม่พอ หรือออกกำลังกายเกินพอดี ระดับฮอร์โมน Cortisol ที่สูงขึ้นจะเริ่มส่งผลเสียต่อร่างกาย เนื่องจากฮอร์โมนตัวนี้มีฤทธิ์ ในการสลายและทำลายล้าง (Catabolic hormone) ทำให้ร่างกายเสื่อมและแก่เร็ว (Degeneration) แต่ถ้ามีน้อยไปก็จะทำให้ไม่มีแรงลุกขึ้นจากที่นอนตอนเช้า ขาดความกระตือรือร้นและอ่อนเพลียตอนกลางวัน

ส่วนฮอร์โมน DHEA คือฮอร์โมนเพศชนิดหนึ่งที่เป็นฮอร์โมนตั้งต้นของทั้งฮอร์โมนเพศหญิงและเพศ ชาย (Pre-sex hormones) และยังเป็นฮอร์โมนต้านความเครียด (Anti-stress hormones) ช่วยต้านฤทธิ์ของ Cortisol เมื่อร่างกายอยู่ในภาวะเครียด ที่มีฤทธิ์ในการเสริมสร้าง (Anabolic hormone) ช่วยเพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ให้กับร่างกาย(Boost energy) เพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ (Muscle building) ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย (Premature skin aging) และกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ (Sexual drive)

การป้องกันไม่ให้ภาวะ ต่อมหมวกไตล้าที่ดีที่สุด คือการนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมง หรือเข้านอนก่อน 5 ทุ่ม รับประทานอาหารเช้า ก่อน 10.00 น. เพราะหลัง 10.00 น. ระดับ Cortisol จะลดลง ทำให้ยิ่งอ่อนเพลีย Cortisol จะทำงานดีขึ้นเมื่อมีน้ำตาลในเลือดเพียงพอควรรับประทานมื้อเล็กๆ บ่อย ๆ แทนการทานอาหารมื้อหลัก ๆ เพียง 1-2 มื้อ และออกกำลังกายแบบหนักปานกลาง (Moderate intensity exercise) เพราะการออกกำลังกายที่หนักเกินไปจะส่งผลให้ต่อมหมวกไตล้ามากยิ่งขึ้น ลองหาวิธีคลายความเครียด เช่น หางานอดิเรกทำ เดินทางไปเที่ยว และทานอาหารเสริมและสมุนไพรบางชนิดสามารถช่วยลดอาการต่อมหมวกไตล้าได้ เช่น Ashwaghandha (โสมอินเดีย) L-theanine (สารสกัดจากชาเขียว) Phosphatidylserine (สารสกัดจากถั่วเหลือง) วิตามิน C  วิตามิน B3  วิตามิน B5  วิตามิน B6 ท้ายที่สุดหากพบอาการผิดปกติของภาวะต่อมหมวกไตล้า อย่างน้อย 5 ข้อ แสดงว่าคุณกำลังมีความเสี่ยงสูง ควรรีบพบแพทย์เฉพาะทาง 


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,#อุปกรณ์แค้มปิง,#อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags : เสพติด ความเครียดอยู่หรือไม่? จนต่อมหมวกไตทำงานมากเกินไป

view