จากประชาชาติธุรกิจ
"กอบกาญจน์" ยันเดินหน้าแก้กฎหมายกำหนดราคาทัวร์ขั้นต่ำคุ้มครองนักท่องเที่ยว สกัดการแสวงหาผลประโยชน์ในไทย หวังยกระดับตลาดทัวร์อินบาวนด์-เอาต์บาวนด์สู่คุณภาพ ชี้หลักเกณฑ์ราคาทัวร์ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ได้ ไม่กระทบธุรกิจนำเที่ยว ด้านกรมการท่องเที่ยวเชื่อประเทศจะได้เงินจากนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า หลังผลักดันการแก้ไข พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 ผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว ได้ทราบความคิดเห็นเพิ่มเติมจากผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวบางส่วน ที่สะท้อนถึงความกังวลในการแก้ไขมาตรา 31 ซึ่งกำหนดให้มีการกำหนดราคาแพ็คเกจทัวร์ขั้นต่ำ เพราะหวั่นว่าจะกระทบต่อกลไกตลาดเสรีนั้น ในฐานะที่เคยเป็นผู้บริหารภาคเอกชนมาก่อน จึงได้ย้ำกับคณะทำงานให้กำหนดรายละเอียดในเชิงปฏิบัติ พร้อมวางกฎเกณฑ์ที่สามารถปรับเปลี่ยนและยืดหยุ่นได้เท่าทันสถานการณ์ตลาด ท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาและจะไม่ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจนำ เที่ยวเดือดร้อน
พร้อมทั้งขอยืนยันว่าการแก้ไข พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวฯ โดยเฉพาะมาตรา 31 ยังต้องเดินหน้าต่อ เพราะเป็นมาตรการจำเป็นสำหรับการแก้ไขปัญหาธุรกิจทัวร์ของไทยที่มีมายาวนาน ทั้งตลาดนักท่องเที่ยวขาเข้า (อินบาวนด์) และนักท่องเที่ยวขาออก (เอาต์บาวนด์) ที่ใช้กลยุทธ์ทำราคาแพ็กเกจทัวร์ต่ำมาดึงดูดนักท่องเที่ยว แล้วมาแสวงหาผลประโยชน์ภายหลัง ด้วยการบังคับนักท่องเที่ยวซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการที่เป็นเครือข่ายของต่างชาติซึ่งได้จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว
"ถือเป็นการแสวงหาผลประโยชน์จากไทย ด้วยการตัดราคาทัวร์ ทำให้โครงสร้างตลาดไม่ได้คุณภาพ และส่งผลให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา อีกทั้งยังช่วยยกระดับตลาดทัวร์ในไทยให้มีคุณภาพทั้งระบบ โดยขั้นตอนการออกกฎหมายลูกประกอบ พ.ร.บ. จะกำหนดหลักเกณฑ์ให้ยืดหยุ่น ไม่กระทบต่อการทำตลาดของภาคเอกชน"
ด้านนางสาววรรณสิริ โมรากุล อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวเสริมว่า เป้าหมายของการออกกฎหมายกำหนดราคาทัวร์ขั้นต่ำในมาตรา 31 คือ เม็ดเงินจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจะต้องเข้าประเทศไทยแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น ทั้งนี้ ต้องการให้ครอบคลุมทั้งตลาดทัวร์อินบาวนด์และเอาต์บาวนด์ทุกตลาด
"คณะทำงานผู้มีส่วนร่วมในการกำหนดราคาทัวร์ขั้นต่ำ ไม่ได้มีแค่หน่วยงานภาครัฐเท่านั้น แต่มีผู้แทนจากธุรกิจนำเที่ยวหลากหลายตลาด เช่น จีน รัสเซีย ยุโรป และได้วางแนวทางไว้ว่าจะกำหนดอัตราราคาทัวร์ขั้นต่ำให้ได้มาตรฐานคุณภาพ และมีการทบทวนราคากันทุก ๆ 2 ปี พิจารณาจากภาพรวมเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ"
อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้เห็นชอบมาตรการจูงใจ (อินเซนทีฟ) สนับสนุนกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศมาถ่ายทำในประเทศไทย ซึ่งได้วางกรอบวิธีการคืนเงินและแก้กฎหมาย โดยต้องใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท จึงจะได้เงินคืน 15% หากมีการจ้างแรงงานไทยในตำแหน่งสำคัญ ได้รับเงินคืนอีก 3% และถ้าเป็นภาพยนตร์ที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว หรือนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ในไทย เช่น แถบภาคอีสานตอนใต้ จะได้รับเงินคืน 2%
ปัจจุบันไทยขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 ของเอเชียในแง่ของจำนวนเรื่องภาพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำ โดยปี 2558 มีเข้ามาถ่ายทำทั้งหมด 724 เรื่อง สร้างรายได้ 3,164 ล้านบาท ขณะที่ปีนี้ในช่วง 6 เดือนแรก มีเข้ามาถ่ายทำแล้ว 412 เรื่อง สร้างรายได้ราว 1,000 ล้านบาท
"หลังจากไทยเปิดตัวข้อเสนออินเซนทีฟสนับสนุนด้านการเงินแก่กองถ่ายฯ คาดว่าจะมีคนสนใจเข้ามาถ่ายทำมากขึ้น หนุนรายได้จากกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศเติบโตเป็น 9,000-10,000 ล้านบาทภายใน 2 ปีข้างหน้า ขึ้นเป็นอันดับที่ 3 ของชาติในเอเชียที่มีรายได้จากการดึงกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศมาถ่ายทำมากที่สุด" นางสาววรรณสิริกล่าว
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,#อุปกรณ์แค้มปิง,#อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
