จากประชาชาติธุรกิจ
ภัยแล้งยาวนานและเกษตรกรไม่ปลูกเพิ่ม คาดปีนี้ความต้องการใช้ยางธรรมชาติทั่วโลกมากกว่าการผลิต 1 แสนกว่าตัน ด้าน 11 ชาติสมาคมผู้ผลิตยางธรรมชาติคาดปี 2560-2561 ขาดปีละ 2-3 แสนตัน มองระยะยาวราคาไม่ต่ำกว่า กก.ละ 40 บาท แนะจับตามองตลาดอินเดียนำเข้าพุ่งกว่า 40% ของผลผลิตในประเทศ
นายพิเชษฐ์ พร้อมมูล รักษาการผู้อำนวยการสถาบันวิจัยยาง การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงแนวโน้มสถานการณ์ราคายางพาราว่า ในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ราคายางโดยเฉลี่ยขยับขึ้น 6-8 บาท/กก. แต่ในเดือน พ.ค.นี้ ราคาทรงตัวหรือลงเล็กน้อย ยางแผ่นรมควันลดลงเล็กน้อย ยางแท่งราคาขึ้น โดยรวมถือว่า ราคายังทรงอยู่ แนวโน้มในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้าคาดว่าราคายังทรงตัวต่อ การเปิดกรีดยางฤดูใหม่ แม้จะกรีดกันเต็มที่แล้วใช่ว่าราคาจะลง เพราะช่วงแล้งนานที่ผ่านมาต้นยางได้รับผลกระทบ จะใช้เวลามากกว่าเดิมกว่าจะให้น้ำยางเต็มที่
สำหรับราคายางในระยะยาว จากการประชุมล่าสุดของสมาคมกลุ่มประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (ANRPC) ซึ่งมีสมาชิก 11 ประเทศ ผลผลิตยางธรรมชาติรวมกว่า 93% ของโลกได้ คาดการณ์ว่าผลผลิตยางธรรมชาติในปี 2559 จะน้อยกว่าความต้องการใช้ประมาณ 1 แสนกว่าตัน ยังขาดไม่มากนัก ถ้ามองในอนาคต ยางจะขาดมากขึ้น จากเหตุผลราคาตกต่ำในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่จูงใจให้เกษตรกรปลูกเพิ่ม จึงมีแนวโน้มจะขาดมากขึ้นเป็น 2-3 แสนตันต่อปี ในปี 2560-2561 ราคาในระยะยาวจึงไม่น่าจะลงไปอยู่ในระดับ กก.ละ 40 บาทอีกต่อไป
ประเทศนำเข้าที่น่าจับตามองเป็นพิเศษคือ อินเดีย เมื่อ 4-5 ปีก่อนผลิตได้ 1 ล้านตัน การใช้ต่อปีมีทั้งบวกและลบ แต่ในปี 2559 ต้องนำเข้าเพิ่ม 40% หรือประมาณ 4 แสนตัน พื้นที่ที่จะขยายการปลูกเพิ่มมีเพียงภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย แต่มีความยุ่งยากมากกว่าการขยายพื้นที่ปลูกยางไปภาคอีสานของไทยเสียอีก ดังนั้นในระยะยาว จะเป็นตลาดนำเข้าที่ดี แทนที่ไทยจะพึ่งแต่จีนเหมือนเช่นทุกวันนี้
ส่วนการส่งมอบยางของ กยท.ในลอตที่ 2 จำนวน 1.66 หมื่นตันแก่บริษัท ซิโนเคม จำกัด รัฐวิสาหกิจของจีนนั้น ต้องรอซิโนเคมหารือกับรัฐบาลจีนก่อน หลังจากที่รัฐบาลไทยได้หารือกับจีนเรื่องรถไฟความเร็วสูงที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 11-12 พ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากออร์เดอร์ซิโนเคมที่ซื้อยางจากไทย เป็นการซื้อในแบบรัฐต่อรัฐและเกี่ยวพันกับเรื่องรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน การที่จีนซื้อบวกราคาให้อีก กก.ละ 3 หยวน จึงเป็นการซื้อในราคามิตรภาพเพื่อการนี้ นายพิเชษฐ์กล่าว
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า จากการศึกษาขององค์การศึกษาเรื่องยางระหว่างประเทศ (IRSG) ระบุว่า ในปี 2559 แนวโน้มความต้องการใช้ยางธรรมชาติทั่วโลกจะมากกว่าการผลิตไม่ต่ำกว่า 1.5-2 แสนตัน ในขณะที่สต๊อกยางธรรมชาติปลายปี 2559 จะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 2.2 ล้านตัน ต่ำกว่าที่เคยขึ้นไปสูงเกือบ 3 ล้านตันเมื่อหลายปีก่อน ดังนั้น หากสต๊อกยางปลายปีลดต่ำกว่า 2 ล้านตัน จะส่งผลในทางบวกต่อราคายางได้
ส่วนในปี 2558 ที่ผ่านมา IRSG เปิดเผยว่า ปริมาณการใช้ยางทั่วโลกทั้งยางสังเคราะห์และยางธรรมชาติเพิ่มขึ้นจากปี 2557 เล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ 1.4 หรือคิดเป็นน้ำหนัก 26.78 ล้านตัน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่เศรษฐกิจโลกเติบโตในระดับปานกลางและการใช้ยางของประเทศจีนลดลง ทั้งนี้ ปริมาณการใช้ยางโดยรวมในปี 2557 คิดเป็นน้ำหนัก 26.40 ล้านตัน โดยปริมาณการใช้ของประเทศจีนอยู่ที่ 8.99 ล้านตัน แต่ในปี 2558 การใช้ยางของจีนลดลงเหลือ 8.89 ล้านตัน หรือลดลงจากปี 2557 ร้อยละ 1.1
โดยเฉพาะยางธรรมชาติในปี 2558 มีการใช้ยางธรรมชาติเพิ่มขึ้นจากปี 2557 เพียงร้อยละ 1.8 หรือคิดเป็นน้ำหนักรวม 12.35 ล้านตัน ในขณะที่ปี 2557 มีปริมาณการใช้ยางธรรมชาติ 12.13 ล้านตัน ซึ่งประเทศจีน สหรัฐ และประเทศอื่น ๆ ในทวีปอเมริกาล้วนแต่มีการใช้ชะลอลง เนื่องมาจากสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาทั้งในประเทศบราซิลและจีน
ส่วนการใช้ยางสังเคราะห์โดยรวมในปี 2558 เพิ่มขึ้นจากปี 2557 เล็กน้อยที่ร้อยละ 1.1 หรือคิดเป็นน้ำหนักรวม 14.43 ล้านตัน ในขณะที่ปี 2557 มีปริมาณการใช้ 14.27 ล้านตัน เนื่องมาจากจีนมีการใช้ยางลดลงร้อยละ 3.8 หรือคิดเป็นน้ำหนัก 4.07 ล้านตัน เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มีการใช้ยางสังเคราะห์คิดเป็นน้ำหนัก 4.23 ล้านตัน
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,#อุปกรณ์แค้มปิง,#อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
