จาก โพสต์ทูเดย์
ธ.ก.ส.เสนอบอร์ดปรับแผนทำประกันภัยนาข้าวควบคู่การให้สินเชื่อ คาดช่วยเพิ่มพื้นที่เป้าหมายทำประกันได้ 30 ล้านไร่ ทำให้จ่ายเบี้ยถูก
นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 25 พ.ค. 2559 นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส.มีวาระพิจารณาเรี่องการทำประกันภัยนาข้าวใหม่ในปีการผลิต 2559/2560 ที่เริ่มเปิดให้เกษตรกรเข้าโครงการในช่วงเดือน มิ.ย.ส.ค. 2559 นี้ มีแนวทางที่สำคัญใน 3 เรื่อง คือ การขยายพื้นที่เป้าหมายในการ ทำประกันให้ครอบคลุมกว้างขวางมากขึ้น จากพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมดในประเทศราว 60 ล้านไร่ ซึ่งในปี 2558 ที่ผ่านมามีเกษตรกรที่ทำประกันภัย 9.2 หมื่นราย คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 1.5 ล้านไร่ ทั้งนี้จากปรับแนวทางใหม่ ตั้งเป้าว่าน่าจะมีเกษตรกรทำประกันภัยทั่วประเทศราว 30 ล้านไร่
สำหรับแนวทางที่ 2 คือ การให้เกษตรกรทำประกันภัยควบคู่ไปกับการ ขอสินเชื่อ และแนวทางที่ 3 คือ การ สร้างกระบวนการเรียนรู้เพื่อให้เกษตรกรได้เข้าใจเรื่องความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติในรูปแบบต่างๆ โดยในระยะแรกจะให้ภาครัฐ ได้แก่ ธ.ก.ส.และกระทรวงการคลัง เป็นผู้รับภาระค่าเบี้ยส่วนใหญ่ให้เกษตรกรมากที่สุดไปก่อน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าเมื่อมีการทำประกันภัยครอบคลุมถึง 30 ล้านไร่แล้ว จะช่วยให้ค่าเบี้ยถูกลงและเป็นอัตราเดียวกันได้ทั้งประเทศ จากที่ผ่านมามีการกำหนดค่าเบี้ยตามความเสี่ยงของพื้นที่ โดยพื้นที่ที่เสี่ยงต่ำจ่ายค่าเบี้ยตั้งแต่กว่า 100 บาท/ไร่ ไปจนถึงเสี่ยงสูงจ่ายค่าเบี้ยกว่า 400-500 บาท/ไร่
"เรื่องค่าเบี้ยที่ 120 บาท ขณะนี้ถือว่ายังไม่สรุปเพราะทางกระทรวงการคลังต้องการให้ค่าเบี้ยถูกลงไปกว่านี้อีก เนื่องจากมีการปรับแนวทางให้ครอบคลุมพื้นที่จำนวนมากได้แล้ว ซึ่งในอนาคตหากสามารถขยายพื้นที่ได้มากๆ ก็มีการพูดถึงเรื่องการตั้งกองทุนประกันภัยเพื่อประกันภัยต่อ" นายสมศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้แหล่งข่าวจากสมาคมประกันวินาศภัยไทย ระบุว่า รัฐบาลมีแนวคิดที่จะออกประกันภัยพืชผลภาคบังคับ โดยเริ่มที่ประกันภัยข้าวนาปีมุ่งไปที่ลูกค้า ธ.ก.ส. โดยทางสมาคมได้ทำการเจรจาต่อรองกับบริษัทประกันภัยต่อ ภายใต้เงื่อนไขการทำประกันภัย 25 ล้านไร่ ซึ่งเพิ่มขึ้น 16 เท่าตัว ให้คิดราคาเบี้ยประกันภัยในอัตราเดียวทั่วประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทประกันภัยต่อได้เคาะราคาเบี้ยประกันภัยออกมาที่ 120 บาท/ไร่ทั่วประเทศ ภายใต้เงื่อนไขมีพื้นที่ เพาะปลูกทำประกันภัย 25 ล้านไร่ จะคิดเป็นเบี้ยประกัน 3,000 ล้านบาท/ปี โดยที่จะมีความคุ้มครอง 7 ภัยเหมือนเดิม คือ น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุใต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ และไฟไหม้ จ่ายสินไหมไร่ละ 1,111 บาท ภัยศัตรูพืชและโรคระบาดไร่ละ 555 บาท
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,#อุปกรณ์แค้มปิง,#อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
