จากประชาชาติธุรกิจ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการให้ 8 กระทรวงรับซื้อยางพาราเพื่อแก้ปัญหาราคายางตกต่ำว่า รัฐจะรับซื้อยางประเภทยางดิบ ยางแผ่น ยางก้อนถ้วย ยางแผ่นรมควัน ประมาณ 1 แสนตัน จากเกษตรกรโดยตรงไม่ผ่านสหกรณ์ และจะซื้อในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดเพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้จนกว่าจะถึงวันปิด กรีด จากนั้นจะส่งโรงงานแปรรูปยางไปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยที่รัฐจะไม่เก็บค่ายาง โดยให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ทำบัญชีว่าสามารถผลิตอะไรได้บ้าง เมื่อผลิตเสร็จแล้ว เช่น หมอน ที่นอน ยางรถยนต์ ถุงมือยาง ก็จะให้หน่วยงานรัฐซื้อไปใช้ เป็นการใช้งบมาอุดหนุนเหมือนอัฐยายซื้อขนมยาย ไม่ใช่ไปอุดหนุนราคายางหรือรับซื้อยางแล้ว 3 แสนตันมาเก็บไว้โดยไม่ได้ทำอะไร
ซ้ำนำราคายางต้องดูงบประมาณ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การบริหารสต็อกยางในระยะสั้นที่มีอยู่ 3 แสนตัน เมื่อบังคับมหาอำนาจให้เขาซื้อยางไม่ได้ ก็ต้องให้เกิดการใช้ยางในประเทศมากขึ้น เมื่อใช้มากขึ้น คราวหน้าก็เอายางในสต็อกมาให้เขาต่อ อย่างไรก็ตาม ราคายางในตลาดตอนนี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 35 บาท ส่วนเป้าหมายจะมีซื้อนำราคาเท่าไหร่ ต้องดูงบประมาณ และกำลังการผลิต ช่วงนี้เหลืออีกสามเดือนกว่าจะปิดกรีดต้องซื้อเท่าไหร่ให้เกษตรกรอยู่ได้ ซึ่งราคาที่จะซื้อต้องเป็นราคาที่สมยอมกันระหว่างรัฐกับประชาชน ซึ่งกำลังหารือกันอยู่
กระตุ้นใช้ในประเทศ 50 เปอร์เซ็นต์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การบริหารยางในสต็อกระยะยาว กำลังจะทำให้ยางที่มีอยู่ในประเทศ 4.7 ล้านตัน ให้เกิดการใช้ในประเทศได้มากกว่า 30-50 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากขณะนี้ใช้เพียง 1.4 ล้านตัน ที่เหลือจะไปขายใคร ประกอบกับราคาน้ำมันตก จะบังคับให้ขายน้ำมันสูงขึ้นได้ไหม ก็ไม่ได้อีก ก็ต้องแก้อย่างนี้ให้ใช้ยางในประเทศให้มากขึ้น
แจกข้าวฟรี 4 ล้านถุง
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงเพิ่มเติมว่า นอกจากมาตรการการรับซื้อยาง 1 แสนตันแล้ว ยังมีการช่วยเหลืออย่างอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น กระทรวงพาณิชย์ช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพให้กับเกษตรกร นำข้าวสารเจ้า 5 เปอร์เซ็นต์ ใส่ถุง 5 กิโลกรัม ช่วยเหลือเกษตรกรที่ลงทะเบียนไว้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำนวน 8 แสน กว่าครัวเรือน ใน 68 จังหวัด โดยจะแจกข้าวสารฟรีกว่า 4 ล้านกว่าถุง และจะดำเนินการให้เสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้ ใช้งบประมาณ 300 ล้านบาท นอกจากนี้ กรมการค้าภายในจะจัดร้านธงฟ้าขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด 20-40 เปอร์เซ็นต์ในพื้นที่ใน 14 จังหวัดภาคใต้ ใช้งบ 17 ล้านบาท จนถึงเดือนมีนาคม
จับคู่เจรจาธุรกิจขายยาง
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า นอกเหนือจากการผลิตส่งขายไปต่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์จัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจ ร่วมงานแสดงสินค้า จัดคณะผู้แทนการค้า เยือนประเทศคู่ค้า 6 โครงการ มีมูลค่าขายผลิตภัณฑ์ยางพาราทั้งสิ้น 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นเงินไทยกว่า 36,000 ล้านบาท ม.ค.นี้จะมีคณะจากกัมพูชาจะเดินทางมาโดยมีความต้องการสินค้ายางพาราหลายประเภท ที่นอน หมอน มูลค่าประมาณ 4 ล้านเหรียญสหรัฐ
วอนโรงงานรับซื้อยางมาสต็อกเป็นวัตถุดิบเพิ่ม
ขณะเดียวกัน กระทรวงอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่า ในปี 2559 จะเปิดโรงงานที่แจ้งความประสงค์ 79 โรงงาน สามารถรับผลผลิตยาง 8.7 แสนตัน โดยเฉพาะใน ม.ค..-เม.ย.จะเปิดดำเนินการได้ 25 โรง รองรับผลผลิตยาง 2 หมื่นตัน ส่วนโรงงานที่ดำเนินกิจการรัฐบาลยังขอความร่วมมือว่าเป็นไปได้หรือไม่ให้ซื้อมาสต็อกสำหรับการผลิตมากขึ้น อีกทั้งมีอีก 10 โรงงานพร้อมทำยางปูพื้น รอเพียงคำสั่งซื้อจากหน่วยงานรัฐก็สามารถดำเนินการได้ทันที
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,#อุปกรณ์แค้มปิง,#อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
