จากประชาชาติธุรกิจ
เมื่อวันที่ 6 มกราคม นายเฉลิมชาติ นครรังกุล ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวกรณีนักลงทุนชาวจีน เข้ามาลงทุนธุรกิจการค้า และท่องเที่ยวในเชียงใหม่ว่า ทราบว่ามีอยู่ 40-50 ราย ที่เปิดบริษัททัวร์ ทำโรงแรม ภัตตาคารร้านอาหาร จองตั๋วเครื่องบิน กิจการสปาและนวดแผนไทย รถบัสรับส่งสนามบินไปโรงแรม เพื่อบริการลูกค้าชาวจีนแบบครบวงจร ส่วนใหญ่เป็นรายย่อยและรายกลาง ส่วนรายใหญ่เข้ามาร่วมทุนเปิดห้างสรรพสินค้า มูลค่านับพันล้านบาท เพื่อขายเสือผ้าทั้งค้าปลีก-ค้าส่ง อัญมณี เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน ของที่ะลึก เนื่องจากมีลูกค้าอยู่ในมือ และมีกำลังซื้อจำนวนมาก
"เชียงใหม่ เป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวจีน ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวกว่า 1 ล้านคน ปีนี้คาดนักท่องเที่ยวเพิ่ม 10% จึงมีนักลงทุนจีนเข้ามาประกอบกิจการมากขึ้น โดยเฉพาะซื้อโรงแรมขนาดเล็กหลายแห่ง ปรับปรุงใหม่ เพื่อบริการลูกค้าตนเอง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ นายทุนที่มากว้านซื้อผลผลิตทางการเกษตร อาทิ ลำไย ลิ้นจี่ พร้อมสร้างโรงงานแปรรูปเพื่อส่งออก ซึ่งมีการรวมตัวกดราคาผลผลิต และคนท้องถิ่นได้รับแค่ค่าจ้างแรงงานเท่านั้น แต่ผลประโยชน์กลับตกสู่คนต่างชาติมากกว่า" นายเฉลิมชาติกล่าว
นาย เฉลิมชาติกล่าวว่า จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลออกกฎหมายควบคุมดูแลผู้ประกอบการไทย ไม่ให้เสียเปรียบนักลงทุนต่างชาติ ถ้าเป็นบริษัททัวร์ หรือไกด์เถื่อน ให้ใช้มาตรการจับปรับ โดยลงโทษให้หนัก เพราะแย่งอาชีพและทำลายภาพลักษณ์ท่องเที่ยวประเทศ พร้อมให้สถาบันการเงินเสริมสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการรายย่อยและขนาดกลาง หรือเอสเอ็มอี ให้มีศักยภาพแข่งขันกับทุนต่างชาติได้ หากรัฐบาลเดินตามนโยบายนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ
"ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจไม่สามารถใช้ยาแรง หรือผ่อนปรนได้ ต้องยกเครื่องผ่าตัดใหม่ ที่สำคัญต้องยกเลิกเครดิตบูโร เพราะคนทำธุรกิจเอสเอ็มอี ยังเป็นหนี้กับสถาบันการเงิน 90% ดังนั้น รัฐบาลควรให้โอกาสและปลดล็อกเงื่อนไขการขอสินเชื่อใหม่ เพื่อให้ธุรกิจท้องถิ่นมีสภาพคล่องมากขึ้น เชื่อว่าภายใน 3 ปี ผู้ประกอบการสามารถฟื้นตัวและชำระหนี้คืนแก่สถาบันการเงินได้" นายเฉลิมชาติกล่าว
ที่มา มติชนออนไลน์
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,#อุปกรณ์แค้มปิง,#อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
