จากประชาชาติธุรกิจ
ใน ที่สุดรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็สั่ง "ถอย" ให้ระหว่างการประชุม ครม.อาทิตย์ที่ผ่านมา ด้วยการออกคำสั่งให้ ครม. "พัก" การพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ความปลอดภัยทางชีวภาพ พ.ศ. ... (ร่าง พ.ร.บ. GMOs) เสนอโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยอ้างคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นครั้งล่าสุดว่า ได้ตรวจสอบร่างกฎหมายฉบับนี้แล้ว แต่ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงของการปฏิรูปภาคเกษตรกรรม ในเมื่อการปฏิรูปยังไม่แล้วเสร็จ รัฐบาลก็ไม่ควรที่จะพิจารณากฎหมาย (ร่าง พ.ร.บ.ความปลอดภัยทางชีวภาพ) ให้เดินหน้าไปกว่าสถานการณ์ปัจจุบัน
และส่งร่าง พ.ร.บ.ความปลอดภัยทางชีวภาพ คืนกลับไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯต่อไป
โดย ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นหลังการประชุม ครม.สิ้นสุดลงก็คือ ชัยชนะอีกครั้งหนึ่งของเครือข่ายภาคประชาชน กลุ่มเกษตรกรก้าวหน้ามากกว่า 40 จังหวัดทั่วประเทศ และสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป ที่ตีแผ่ความไม่ชอบมาพากลของร่างกฎหมายฉบับนี้ ด้วยการตั้งคำถามสำคัญถึงความ "บกพร่อง" ในเนื้อหาสาระของกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการไม่มีส่วนร่วมในการพิจารณาของภาคประชาชนในการอนุมัติให้ พืช/สัตว์ GMOs หรือที่ร่างกฎหมาย "เลี่ยง" ไปใช้คำว่า "การปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม" ด้วยการขึ้นบัญชีแทน
หรือกรณีที่เมื่อ อนุญาตให้มีการผลิต GMOs เชิงพาณิชย์ได้แล้ว หากภายหลังพบว่า สินค้า GMOs นั้นส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของมนุษย์/สิ่งแวดล้อม ผู้ผลิตนั้น ๆ สามารถอ้างเหตุสุดวิสัย ไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นมาได้
แต่ ที่สำคัญที่ก่อให้เกิดความวิตกกังวลไปทั่วก็คือ ประเทศไทยกำลังออก "ใบอนุญาต GMOs" ให้กับการทดลองที่อาจจะก้าวหน้าไปจนถึงขั้นการผลิต GMOs ที่ผิดไปจากธรรมชาติ โดยที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าในอนาคตกาลข้างหน้า GMOs นั้นจะส่งผลกระทบต่อมนุษย์และธรรมชาติในระยะยาวอย่างไร
เท่ากับละเลย "หลักการป้องกันเอาไว้ก่อน" ทั้ง ๆ ที่ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพอยู่แล้ว ทำไมตัวเราเองจะต้องนำสิ่งดัดแปลงพันธุกรรมชักนำเข้าสู่ประเทศ เพื่อก่อให้เกิด "ความเสี่ยง" ในการทำลายความหลากหลายนั้นเล่า
แน่ นอนว่าชัยชนะของเครือข่ายภาคประชาชนในครั้งนี้ ย่อมทำลายความพยายามของผู้อยู่เบื้องหลังการ "ผลักดัน" ให้เกิดการค้าพืช/สัตว์ GMOs ในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทข้ามชาติที่ขายเมล็ดพันธุ์/พันธุ์สัตว์ GMOs ไปจนกระทั่งถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศ ที่ปรารถนาจะให้เกิดการทดลองเชิงพาณิชย์ที่เกี่ยวกับ GMOs ขึ้นในประเทศ ที่สำคัญก็คือ ผู้นำทางด้านเทคโนโลยี GMOs เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นชาติตะวันตก ที่ถูกประชาชนต่อต้านการทดลอง GMOs ในประเทศตัวเองมาด้วยกันทั้งสิ้น
ตัวอย่างคลาสสิกที่เห็นได้ชัดใน ช่วง 10-15 ปีที่ผ่านมานี้ก็คือ บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านเมล็ดพันธุ์ข้ามชาติได้ยื่นเรื่องขอทดลองพืช GMOs อาทิ ข้าวโพด มะละกอ ฝ้าย ในแปลงปิดกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่เคราะห์ดีที่การทดลองได้หยุดชะงักลงไปถึง 11 ปี เมื่อเกิดการแพร่กระจายมะละกอ GMOs ออกจากแปลงทดลองปิด
ส่งผลให้พืช GMOs ถูก "จำกัด" สถานะไว้เพียงแค่แปลงทดลอง ไม่สามารถผลิตออกสู่เชิงพาณิชย์ได้ แต่ก็สร้างความเสียหายให้กับมะละกอภายในประเทศที่ถูกปนเปื้อน GMOs ไปแล้ว และแน่นอนกรณีนี้ไม่มีผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นอีกเช่นกัน
นั่น หมายถึงโอกาสในการทำเงิน จากการ "ผูกขาด" เมล็ดพันธุ์พืช/พันธุ์สัตว์ GMOs ของบริษัทข้ามชาติและบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศก็ต้องทอดระยะเวลายาวนานออกไป อย่างน้อยก็จนหมดสมัยการเข้ามาบริหารประเทศของ คสช.
ต่อจากนั้นก็ จะต้องเป็นเรื่องของประชาชนที่จะต้องเฝ้าจับตามอง อย่าให้เกิดเหตุการณ์รวบรัดตัดตอนอย่างในกรณีของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมขึ้นอีก
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,#อุปกรณ์แค้มปิง,#อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต