จาก โพสต์ทูเดย์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงสถานการณ์ภัยแล้งให้ก.เกษตรฯเร่งระดมทำฝนหลวงเติมน้ำในอ่างช่วงพายุ"คุจิระ"เข้าไทย
นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผย ภายหลังสำรวจเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ พบว่ามีปริมาณน้ำน้อยที่สุดในรอบ 20 ปี ตั้งแต่สร้างเขื่อนมา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงสถานการณ์ภัยแล้ง โดยเฉพาะปริมาณน้ำในอ่างสำคัญที่เหลือน้อย ทางสำนักพระราชวังแจ้งว่า ในสถานการณ์นี้ ให้เร่งทำฝนหลวงเพราะมีความชื้นจากพายุคุจิระ และยังมีอิทธิพลร่องมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ โดยท่านนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ฝนหลวงเร่งกู้ภัยแล้งเป็นวาระระดับชาติ รัฐบาลยินดีให้การสนับสนุนเต็มที่
“การขึ้นทำในฝนหลวง แม้ว่าฝนที่ลงมาจะลงอ่างหรือไม่ลงไม่เป็นไร ขอให้มีฝนตกได้สักครั้งสองครั้ง พืชไร่ก็อยู่ได้เป็นเดือน เกษตรกรรอฝนหลวงกันทุกที่ เพราะเปิดพื้นที่เพาะปลูกกันไปแล้ว ซึ่งที่น่าห่วงคือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่เหลือน้ำใช้อีกเพียง 40วัน สำหรับใช้เพื่อการเกษตร และผลิตปะปาให้กับคน จ.ลพบุรี จ.สระบุรี
จ.ปทุมธานี จ.พระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพ"นายชวลิตกล่าว
ทั้งนี้กรมฝนหลวง และการบินเกษตร ได้ขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงในภาคเหนือและกลางเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างและเพิ่มความชื้นในดิน ซึ่งขอให้ทุกฝ่ายช่วยชี้แจงให้ประชาชนในเมืองและเกษตรเกิดความเข้าใจช่วยกันประหยัดน้ำ ขอให้เกษตรกรเชื่อฟัง อย่าขยายพื้นที่เพาะปลูก ช่วยกันประคองให้พ้นวิฤกติ ซึ่งกรมชลฯคาดการณ์ว่าปริมาณฝนจะเข้าเขื่อนป่าสัก และเขื่อนอื่นๆ ประมาณวันที่ 10 สิงหาคม
สำหรับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำเหลือ 65 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) มีน้ำใช้ได้อีก40 วัน กรมฝนหลวงได้ระดมเครื่องบินจากฐานปฏิบัติการฝนหลวง จ.กาญจนบุรี จ.ลพบุรี และนครสวรรค์ ทั้งหมด 4 ลำ ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง ทำร่วมกับฐานฝนหลวงภาคเหนือ เติมน้ำในเขื่อนป่าสักฯ และตั้งแต่วันที่29 มิ.ย. จะย้ายฐานจากจ.กระบี่2 ลำ จ.ระยอง 2 ลำ มาเสริมฐานฝนหลวงจ.พิษณุโลก จ.เชียงใหม่ และขอกำลังเสริมจากกองทัพอากาศ 2 ลำ มีเครื่องบินทั้งหมดในพื้นที่14 ลำ
ซึ่งจะช่วยเหลือพื้นที่เกษตรครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือภาคกลางและภาคตะวันตก ประมาณ 32 จ.ในช่วงนี้เนื่องจากมีสภาพอากาศเอื้ออำนวยให้ทำฝนหลวงได้มากที่สุดไปจนถึงปลายเดือนต.ค. เป้าหมายเพื่อเติมน้ำในเขื่อนหลักเช่นภูมิพล สิริกิติส์ แควน้อยบำรุงแดน และป่าสักชลสิทธิ์ ที่ประสบปัญหาน้ำน้อยขั้นวิฤกติในรอบ 51 ปี ซึ่งล่าสุดมีปริมาณน้ำรวมกัน 4 เขื่อนเหลือเพียง 976 ล้านลบ.ม.คิดเป็น 5% ระบายน้ำวันนี้31 ล้านลบ.ม. แต่มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนเพียง 4.50 ลบ.ม.เท่านั้น
ทั้งนี้จากการทำฝนหลวงที่ผ่านมาได้ผลกว่า99% โดยใช้งบประมาณการทำฝนหลวงในแต่ละปี500-600 ล้านบาทซึ่งค่าเฉลี่ยขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง มี3 ขั้นตอนเช่นโปรยสาร เลื้ยงให้เฆมอ้วนและก่อกวนเฆมให้ตกเป็นฝนโดยคิดต่อรอบๆละ3แสนบาทสามารถช่วยพื้นที่การเกษตรได้ 6 ล้านไร่ คิดเป็นค่าใช้จ่ายตกไร่ละ3
บาทถือว่าคุ้มค่าเพราะทำให้พืชผลการเกษตรไม่เสียหายสามารถอยู่ได้เป็นเดือนรอฝนชุกโดยไม่ยืนต้นตายเช่นไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง
นายชวลิต กล่าวว่าอยากจะใช้แนวช่วยเหลือตามโครงการฟาร์มตัวอย่าง ที่จ.อ่างทอง ตามพระราชดำริสมเด็จพระบรมราชินีนารถ ที่มีปลูกพืชระยะสั้นและเลี้ยงสัตว์เพื่อให้มีกินในทุกชุมชน ทางจังหวัดสามารถนำไปดำเนินการได้ทันทีรวบรวมโครงการส่งมาที่กระทรวงเกษตรฯซึ่งจะนำเข้าครม.ในสัปดาห์หน้าโดยแบ่งเป็นงบจ้างแรงงาน50%ในการขุดลอก ขุดสระน้ำ ปีนี้ฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยต่ำมาก70-80% และน้ำต้นทุนน้อยมากต้องมีน้ำกินน้ำใช้จนถึงเดือนสิงหาคม ซึ่งจะบริหารบนความเสี่ยงไม่ได้จะทำอย่างไรให้ชาวนาเชื่อ เป็นหน้าที่ทุกหน่วยงานฝากผู้ว่าฯต้องบอกความจริงกับชาวบ้าน ที่สำคัญปล่อยน้ำลงไปแล้วไม่ตีกันตาย และฝนหลวงเป็น ความหวังสุดท้าย
ไร่รักษ์ไม้,Eosgear,มูลไส้เดือน,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,victorinox,แปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,servival Kit,ราคา,อร่อย
