จาก โพสต์ทูเดย์
สุเมธ แนะรัฐ หนุน นวัตกรรมเพิ่มมูลค่าข้าว หลังที่ผ่านมาเกษตรกรไทยไร้ปัญญาแปรรูป ขายแต่เป็นวัตถุดิบ
นายสุเมธ ตันติเวชกุล ประธานมูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์กล่าวในการประกาศผลการคัดเลือกครอบครัวชาวนาตัวอย่างว่า ในวันที่ 4 มิ.ย. จะพาเกษตรกรผู้ชนะเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งทั้ง 4 คนเป็นผู้ผ่านการคัดเลือกจากทั้งประเทศ 257ตัวอย่างจากทั่วประเทศที่มีการทำนามากกว่า 3ชั่วคนและมีประสบการณ์ทำนาไม่ต่ำกว่า 30 ปี ซึ่งที่ต้องทำโครงการเพื่อจูงใจเกษตรกรชาวนาไทยให้ตระหนักถึงเกียรติภูมิความเป็นชาวนาและเป็นการส่งเสริมให้มีการปรับตัวและเทคโนโลยีการผลิตข้าวที่จะทำให้สู้กับเพื่อนบ้านได้โดยเฉพาะเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจการอาเซียน(เออีซี)ที่พบว่า ข้าวไทยแม้จะมีคุณภาพดีแต่ต้นทุนที่สูงทำให้รายได้ของชาวนาลดลง
"เรื่องข้าวเป็นอนาคตของไทยและอนาคตของชาติ ประเทศไทยปลูกข้าวมากที่สุดและส่งออกมาที่สุดในโลกจากอดีตเคยส่งออกอันดับหนึ่งทุกวันนี้ตกลงมาและการจะกลับไปเป็นเบอร์หนึ่งก็ต้องใช้เวลาซึ่งหนี้ประเทศจากข้าว ไม่ใช่ความผิดของข้าวหรือของชาวนาแต่เป็นเรื่องความผิดพลาดของการบริหารการแก้ไขปัญหาชาวนาจะดูด้านเดียวไม่ได้ ต้องดูทั้งระบบ ตั้งแต่พันธุ์การแปรรูปและการเชื่อมโยงตลาดจะทำอย่างไรให้ชาวนามีรายได้เพิ่มและอยู่ได้ แต่ขอพูดหน่อยเถอะ ข้าวไทยเราถนัด แต่ยังไม่มีสติปัญญาที่จะทำอย่างไรให้มากกว่ายัดใส่กระสอบไปขายเป็นวัตถุดิบยางก็เช่นกันขายแต่เป็นอย่างแผ่นไม่มีการส่งเสริมการแปรรูปเพิ่มมูลค่าอย่างเป็นระบบ ไม่มีการใส่ นวัตกรรมงานวิจัยข้าวก็ได้เงินน้อยรัฐต้องคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะขายข้าวหยิบมือเดียวได้เงินเท่ากับขายหลายร้อยกิโลกรัม หรือยางพาราที่หลายประเทศนำไปทำรองเท้าแตะขาย แต่มีดีไซน์มีการออกแบทำให้ราคาขายกลายเป็นคู่ละพันบาททั้งหมดต้องมีกระบวนการช่วยกันคิดและช่วยเกษตรกรเมื่อรัฐบาลประกาศจะเป็นครัวของโลกก็จะต้องเร่งดำเนินการทำมีรูปธรรมออกมา เพราะส่วนมากมีแต่คำพูดสวยแต่ยังขาดการปฏิบัติ มูลนิธิฯได้แต่ช่วยทำงาน ช่วยแนะนำ ช่วยวิจัยแต่ไม่มีปัญหาแบกงานไว้ได้ทั้งหมด ต้องส่งให้รัฐบาลและผู้มีอำนวจทำงานต่อ"นายสุเมธกล่าว
ทั้งนี้ยอมรับว่าเมื่อเปิดเออีซีไทยจะต้องเผชิญกับการแข่งขันมากทั้งเรื่องพันธุ์ที่ปัจจุบันแม้จะมีการห้านำออกนอกประเทศก็พบว่ามีการลักลอบนำออกไปแม้กระทั่งไปเวียดนามก็พบว่ามีการนำข้าวหอมมะลิของไทยไปวิจัยพัฒาเป็นข้าวหอมเวียดนามหากเปิดเสรีก็คาดว่าจะยิ่งดูแลลำบากรวมถึงการไม่รักษาพันธุ์ข้าวพื้นเมืองำให้ปัจจุบันมีแต่ข้าวหมอนวดหรือข้าวติดเบอร์ตามที่เกษตรกรเรียกกัน ในขณะที่ผลลิตต่อไร่ต่ำ ไม่มีการพัฒนา หรือช่วยลดต้นทุนการผลิต เช่นการใช้เครื่องจักรในการผลิตโดยรัฐช่วยเหลือในการให้เช่าเครื่องมือเหมือนญี่ปุ่นในขณะที่ด้านทุนก็เป็นปัญหาที่เกษตรกรหลายฝ่ายยังเข้าไม่ถึงซึ่งในญี่ปุ่นรัฐจะมีโครงการนำคนที่มีความรู้ไปเป็นเกษตรกรโดยการรัฐเข้าไปช่วยเหลือ
นางขวัญใจ โกเมศ กล่าวว่า ขณะนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือเกษตรกรชาวนาไทย 3.7 ล้านครัวเรือน เป็นคนสูงอายุประมาณ 14.9 % ของประชาชนทั้งประเทศดังนั้นในการพัฒนาเกษตรกรชาวนาจะต้องไปเพิ่มในการให้องค์ความรู้เพื่อลดการใช้แรงงานและนำเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาปลูกข้าวทดแทน ซึ่งปัญหาต้นทุนการผลิตของเกษตรกรไทยที่สูงกว่าเพื่อนบ้านเป็นปัญหาสำคัญที่โอกาสการแข่งขันของไทยลดลงซึ่งส่วนหนึ่งก็ยอมรับว่ามาจากดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร ซึ่งอาจจะมีการเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาช่วยดูแลว่าจะมีการปรับปรุงอย่างไรเพราะส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าเกษตรกรไทยส่วนมากขาดความรู้ทำให้มีการบริหารเงินจึงทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย
นายศรายุทธ์ ธรเสนา ผอ.ฝ่ายพัฒนาลูกค้าและชนบทธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)ยอมรับว่าอัตราดอกเบี้ยของธกส. ที่ปล่อยกู้ให้เกษตรกรสูงโดยลูกค้าใหม่อยู่ที่ 9% ลูกค้าชั้นดี 7% แต่หากผิดชำระก็จะมีการปรับอย่างไรก็ตามการคิดดอกเบี้ยจะมีคณะกรรมการกำกับดูแลอยู่แล้ว
ไร่รักษ์ไม้,Eosgear,มูลไส้เดือน,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,victorinox,แปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,servival Kit,ราคา,อร่อย
