จาก โพสต์ทูเดย์
กรมชลฯรับสมัครจ้างงานเกษตรกร 1.7 แสนครัวเรือน อธิบดีกรมชลฯเตือนชาวนายังขยายพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังเสี่ยงเสียหายหมด
นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมนายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีฝ่ายบำรุงรักษา นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามการเปิดรับสมัครจ้างงานเกษตรกร ซ่อมแซมระบบชลประทาน ทดแทนการนาปรังช่วงฤดูแล้ง ปี57/58 ในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายางมณี จ.อ่างทอง และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชันสูตร จ.สิงห์บรี โดยมีเกษตรกรให้ความสนใจมาสมัครจำนวนมาก
นายเลิศวิโรจน์ กล่าวว่าหลังจากรัฐบาลมีมติให้งดส่งน้ำเพื่อการทำนาปรังในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลองในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงเรื่องรายได้เกษตรจึงให้มีการจ้างงานเกษตรกรเพื่อช่วยเหลือให้มีงานทำและมีรายได้พอเลี้ยงครอบครัวช่วงงดทำนาปรัง ซึ่งกรมชลประทานได้สั่งการทุกหน่วยงานให้จ้างแรงงานเกษตรกร ในลักษณะงานดูแลขุดลอกซ่อมคลองประตูชลประทาน ปรังปรุงอาคาร บ้านพักชลประทาน กำจัดวัชพืชผักตบชวาที่กีดขวางทางน้ำ โดยใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจและงบปี 2558 รวม 1,467 ล้านบาท และกรมชลประทานได้ขยายผลการจ้างงานเกษตรกรครอบคลุมทั่วประเทศ รวมเป็นวงเงิน 4,137 ล้านบาท
"เปิดโอกาสให้เกษตรกรมีทางเลือกมากขึ้นมารับจ้างแรงงานวันละ 300 บาทเป้าหมาย จ้างงาน 1.7 แสนครัวเรือน เริ่มทำงานตั้งแต่ 17 พ.ย.เป็นต้นไปและได้โอกาสซ่อมระบบส่งน้ำครั้งใหญ่ ในขณะนี้พบว่ามีชาวนาไม่เชื่อฟังปลูกข้าวไปแล้วกว่า 1 ล้านไร่ โดยเฉพาะจ.สุพรรณบุรี จ.ปทุมธานี รอยต่อลุ่มน้ำเจ้าพระยากับลุ่มน้ำบางปะกง ขยายพื้นที่ปลูกไปกว่า 3 แสนไร่ ซึ่งแนวโน้มเสียหายเกือบทั้งหมดเพราะในเดือนธ.ค.จะระบายน้ำลงมาน้อยมากทำให้น้ำในคลองต่างๆมีน้ำระดับก้นคลองเท่านั้นซึ่งจะไม่เพียงพอเลี้ยงต้นข้าวแน่นอน ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาตรวจเยี่ยมเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบในวันที่ 19 พ.ย.นี้ด้วย”นายเลิศวิโรจน์กล่าว
สำหรับบรรยากาศการรับสมัครจ้างงานเกษตรกร ในลุ่มเจ้าพระยา 22 จังหวัด เป็นไปอย่างคึกคักโดยมียอดมาสมัครเกือบ5 พันครัวเรือนแล้วคาดว่าจะทยอยมาเพิ่มจำนวนมากขึ้นเพราะยังรับสมัครไปถึงวันที่ 15 พ.ย.ทั้งนี้ยังมีเกษตรกรหลายรายต้องผิดหวัง เพราะไม่มีรายซื่อขึ้นทะเบียนเกษตรและบางรายอยู่นอกพื้นที่ต้องเดินทางไปสมัครอีกแห่งทำให้ไม่คุ้ม รวมทั้งมีปัญหาอายุเกิน 60 ปี อีกทั้งยังรับสมัครเพียงหนึ่งรายต่อหนึ่งครัวเรือนอีกด้วย ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่เกษตรกรยังไม่ทราบล่วงหน้า
สวนรักษ์ไม้,สวนศิริผล,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
