สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

จนท.รัฐยันหลักฐานชัด ที่พักสงฆ์ทุ่งเสลี่ยม รุกป่าจริง

สลดใจ จนท.รัฐจับ "พระทุ่งเสลี่ยม" สึก ตั้งข้อหาหนัก "รุกป่าสงวน" ยึดไม้สัก 7 ท่อน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

บุกพิสูจน์ความจริง "ที่พักสงฆ์ทุ่งเสลี่ยม" (1)
       
       ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ชาวบ้านทุ่งเสลี่ยม เมืองสุโขทัยสลดใจไม่หาย หลัง จนท.รัฐนำกำลังบุกจับสึกพระสำนักสงฆ์ดังทุ่งเสลี่ยม หน้าห้องขัง พร้อมตั้งข้อหาหนักประกอบการโรงเลื่อยกับไม้สัก 7 ชิ้น ขณะที่ พ.ร.บ.ป่าไม้ระบุชัด "ที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์" รุกป่าสงวนแห่งชาติแม่มอก-ป่าแม่พันลำ 28 ไร่ แต่ทำไมต้องจับพระสึกกลางพรรษา
       
       นับจากกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง ตำรวจ สภ.ทุ่งเสลี่ยม และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุโขทัย ผนึกกำลังบุกเข้าตรวจยึด "ที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์" เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 14 ส.ค.57 หมู่ 3 ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย หลังจากมีผู้ร้องเรียนว่า "ที่พักสงฆ์แห่งนี้มีการบุกรุกป่าสงวน 109 ไร่ มีรถหรู พร้อมทั้งอู่ซ่อมรถยนต์อยู่ภายในวัด จนชาวบ้านรอบข้างเอือมระอา"
       
       จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่า เจ้าหน้าที่รัฐทำเกินกว่าเหตุ ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่รัฐก็ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ได้ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อมีผู้กระทำความผิดเจ้าหน้าที่ก็ต้องเข้าไปดำเนินการ
       
        อย่างไรก็ตาม เพื่อความกระจ่างชัดในเรื่อง "ASTVผู้จัดการออนไลน์" จึงส่งทีมข่าวเฉพาะกิจลงพื้นที่ไปพิสุูจน์เรื่องนี้ เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดและเพื่อความถูกต้อง
       
       โดยทีมเฉพาะกิจ "ASTVผู้จัดการออนไลน์" ได้ไปตรวจสอบบันทึกการจับกุมของเจ้าหน้าที่หลังจากที่มีการนำกำลังเข้าไป ตรวจยึด "ที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์" เมื่อวันที่ 14 ส.ค.57 ที่ผ่านมา
       
       **จนท.รัฐบุกยึดไม้สักของกลาง 7 ท่อน
       
       จากการตรวจสอบตามบันทึกการจับกุมของหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ 4 (น้ำดิบ) ซึ่งตามเข้าไปตรวจยึดในเวลาต่อมาระบุ ที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์ หมู่ 3 บ้านโป่งคาง ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแม่มอก-ป่าแม่พันลำ พิกัด 11 จุด ที่ 47 Q 0558054 E1905684 N จำนวน 28 ไร่ 82 ตารางวา ถือมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 14 ฐานยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้างแผ้วถาง เผาป่า อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต คิดเป็นค่าเสียหายแก่รัฐจำนวน 1,924,218 บาท
       
       และ พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 11 ฐานทำไม้หวงห้าม และมาตรา 48 ตั้งโรงงานแปรรูปไม้ มาตรา 54, 55 ยึดถือครองครอง และมาตรา 69 มีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครองครองโดยไม่มีดวงตรา จึงยึดไม้สักที่ถูกตรวจยึดมีเพียง 3 ท่อน คิดเป็น 0.057 ลบ.เมตรกับอีก 4 แผ่น คิดเป็น 0.027 ลบ.เมตร คิดเป็นเงินเสียหายแก่รัฐ 558 บาท
       
       พร้อมอุปกรณ์กระทำความผิด 20 รายการ 30 ชิ้นเก็บของกลางไว้ที่หน่วย สท.4 น้ำดิบ นำส่งคดีที่ 180/2557 ยึดทรัพย์ที่ 107/2557 โดยมีนายทวิป ยุหลง เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าหน่วย สท.4 (น้ำดิบ) เป็นผู้ร้องกล่าวโทษ ต่อ พ.ต.ต.ณัฎฐวร กันธายอด พนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งเสลี่ยม ตาม ปจว.ข้อ 8 เวลา 23.30 น.วันที่ 14 ส.ค.57
       
       วันนั้น พระอนุพันธุ์ อภิชาโน (ศักดิ์เสือ) หรือ "ครูบาต้อม" เป็นผู้นำตรวจสอบ แต่ไม่ยอมลงชื่อรับทราบเป็นผู้ต้องหาในบันทึกตรวจยึดของเจ้าหน้าที่เนื่อง จากไม่พอใจเจ้าหน้าที่ ท่ามกลางชาวบ้านซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่แคลบแคลงใจในข้อหารุกป่า ทั้งๆ ชาวบ้านได้ร่วมกันปลูกป่าเมื่อวันที่ 12 ส.ค.57 โดยมีนายอำเภอทุ่งเสลี่ยม มาร่วมปลูกป่าในที่พักสงฆ์แห่งนี้ด้วย
       
       **พบ "ที่พักสงฆ์ฯ" รุกป่าสงวนฯจริง
       
       ต่อมาผู้สื่อข่าว "ASTVผู้จัดการออนไลน์" ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบผืนดินที่ "พักถ้ำสงฆ์ศรีอินทราทิตย์" ที่อยู่ติดชิดปลายเขา มีเพิงกระต๊อบและบ้านพักเล็กเพื่อปฎิบัติธรรมร่วม 10 หลัง มีแปลงสักที่อยู่ในสภาพที่สมสมบูรณ์ พร้อมกับปลูกกล้าพันธุ์มะค่า พะยูง อายุประมาณ 2-3 ปี มีระบบท่อน้ำหล่อเลี้ยงพันธุ์ไม้
       
       แต่เมื่อตรวจสอบพิกัดแล้วพบว่า "พักถ้ำสงฆ์ศรีอินทราทิตย์" แห่งนี้ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแม่มอก-แม่ลำพัน รอยต่อวนอุทยานถ้ำลม-ถ้ำวัง ห่างจากบ้านน้ำดิบประมาณ 4 กิโลเมตร มีปากถ้ำสูงจากพื้นดินราบราว 100 เมตร กว้าง 1 เมตร ยาว 2.50 เมตร ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยปรากฎอยู่ภายในที่พักสงฆ์
       
       สำหรับ "วนอุทยานถ้ำลม-ถ้ำวัง" ประกาศตามกฎกระทรวงฉบับที่ 156 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2509 อยู่ในท้องที่บ้านน้ำดิบหมู่ที่ 10 ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย ห่างจากที่ว่าการอำเภอทุ่งเสลี่ยม 12 กิโลเมตรเนื้อที่ประมาณ 11,250 ไร่ หรือ 18 ตารางกิโลเมตร ทิศเหนือจดบ้านน้ำดิบ ทิศใต้จดห้วยลานพุ่ม ทิศตะวันตก จดคลองตาแดง ทิศตะวันออก จดห้วยไคร้ ลักษณะภูมิประเทศบริเวณถ้ำลม-ถ้ำวังมีสภาพป่าเบญจพรรณ 60% ป่าเต็งรัง 35% ป่าเสื่อมโทรม 5%
       
       ชัดเจนว่า ที่ "พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์" ตั้งอยู่ในที่ดินของรัฐ
       
       ดังนั้น จึงไม่มีผู้ใดกล้านำเอกสารสิทธิมาแสดงเอกสารการครอบครองที่ดินได้ แต่ถ้าหากมองดูสภาพแล้วไม่ใช่เป็นการบุกรุกเปิดป่าใหม่ เนื่องจากไม่มีร่องรอยโค่นไม้ ตรงกันข้ามกลับมีการปลูกป่าเพิ่มเติมพร้อมมีอุปกรณ์ท่อน้ำบำรุงต้นไม้ ทำให้เกิดร่องรอยปรับพื้นที่หรือเข้าใช้ประโยชน์ มีอาคารลักษณะศาลาการเปรียญ 1 หลังขนาดใหญ่เพื่อปฎิบัติธรรม และอาคารเล็ก 1-2 หลัง
       
       นอกจากนั้น เป็นเพิงเล็กๆ มุงผ้าไวนิวสำหรับนั่งปฎิบัติธรรมหลายเกือบ 10 จุดบริเวณกลางป่าสวนสัก และตามชายเขา หน้าถ้ำลม-ถ้ำวัง จึงปรากฎเครื่องแปรรูปไม้ และรถไถ พร้อมอาคารเหล็กโรงจอดรถถาวร
       
       นายเรียง ฝังทอง อายุ 62 ปี ชาวบ้านหมู่ 3 ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย กล่าวว่า ผืนดินแห่งนี้ ตนเคยทำไร่ข้าวโพด ด้วยการถางป่าจับจองตั้งแต่ปี 2532 แต่ผลผลิตไม่ดี เจอสัตว์ป่า อาทิ กระแตกัดกิน สมัยนั้นใครจับจองที่ดินไหนก็ชี้เอาได้ เรียกว่า ไม่ต้องมีเอกสารใดๆ แม้กระทั้งใบ บภท.5 หรือเสียภาษีดอกหญ้า ต่อมาเห็นพระ มาอยู๋ตนจึงยกที่ดินผืนนี้ให้วัดไป
       
       **เผยพระโดนหลอก-จับสึกหน้าห้องขัง
       
       ด้านพระอนุพันธุ์ อภิชาโน (ศักดิ์เสือ) หรือครูบาต้อม กล่าว ว่า หลังถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหาร ฝ่ายปกครอง ตำรวจ สภ.ทุ่งเสลี่ยม และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุโขทัย นำกำลังบุกเข้าตรวจยึด "ที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์" พร้อมกับของกลางหลายรายการ รวมทั้งไม้สักอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อวันที่ 14 ส.ค.57 ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำข้อตกลงสัญญากันกับทางผู้ที่อยู่อาศัย โดยตอนแรกตนเข้าใจว่าทางเจ้าหน้าที่คงจะให้ผู้ที่เข้ามาอยู่อาศัยย้ายออก หลังจากออกพรรษได้ 3 วัน แต่เรื่องกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด และไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลายมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งตนข้องใจกับการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐมาก
       
       ครูบาต้อม กล่าวต่อว่า ความจริงแล้วควรจะเปิดโอกาสให้พระแสดงหลักฐานหรือชี้แจงบ้าง แต่นี่เจ้าหน้าที่รัฐกลับไม่ฟัง! แถมสั่งให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ดำเนินคดี แรกๆ ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหา แต่ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่รัฐบุกเข้ามาลักษณะกดดันคนในที่พักสงฆ์ มีการนำเสนอข่าวโจมตีว่าพระรุกป่าจำนวน 109 ไร่ ทั้งๆ ที่ก็ทราบกันแล้วว่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้จัดค่าพิกัดเพียง 28 ไร่ ส่วนรถหรูที่จอดไว้นั้นไม่เกี่ยวเป็นของญาติโยม ต่อมาวันที่ 25 ส.ค.57 เจ้าหน้าที่ตำรวจก็นำหมายมาจับมาจับ ทำให้กลายเป็นผู้ต้องหา ในข้อหาคดีบุกรุกป่าสงวน และจับตนสึกหน้าห้องขัง
       
       "โดยทางตำรวจบอกว่า ถ้าไม่ถอดผ้าจีวร เขาจะมีวิธีถอดจีวรเอง แต่ผมไม่กล่าวลาสิกา จึงนอนกรงขัง 1 คืน วันรุ่งขึ้นจึงเดินทางไปทำบัตรประชาชน มีหนังสือฝากขังและขอประกันในชั้นอัยการ เนื่องจากอัยการเห็นใจ เพราะเราไม่ใช่อาชญากร เพียงแต่ห้ามไม่ให้ไปยุ่งกับวัตถุพยาน แตกต่างจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คัดค้านการประกันตัว"
       
       ครูบาต้อม กล่าวต่อว่า "จากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผมอยากขอความเป็นธรรมว่า ขอให้มีการดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุดก่อนได้ไหม แล้วค่อยบังคับถอดผ้าเหลือง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปพระสงฆ์เลือกหนีดีกว่าทั้งๆ ที่ไม่ผิดพระวินัยสงฆ์ แต่การกระทำของรัฐมุ่งแต่ยัดข้อหา ยกข้อผิดไม่ยอมฟังเหตุผล"
       
       **ศิษย์พระแฉทุกฝ่ายรุมบีบจับพระสึก
       
       ด้านลูกศิษย์ "ครูบาต้อม" ที่แสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า กรณีที่เจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย ระบุตามข้อตกลงว่า วัดใด สายนิกายมหายานสร้างขึ้น ห้ามสายธรรมยุตมาเกี่ยวข้อง แม้กระทั้งจะเป็นวัดร้างไปแล้วก็ตาม แต่ชาวบ้านนั้นไม่รู้เรื่องนี้ เพราะเมื่อชาวบ้านเห็นพระอนุพันธุ์ อภิชาโน (ศักดิ์เสือ) หรือครูบาต้อม ธุดงค์ผ่านมาชาวบ้านก็เกิดความศรัทธาและนับถือจึงนิมนต์ให้อยู่ที่ "พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์" แห่งนี้ โดยไม่คิดแบ่งแยกว่าเป็นพระสายนิกายมหายาน หรือสายธรรมยุต
       
       "หลังจากเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจค้นและยึดที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอิน ทราทิตย์แล้วก็ไม่ได้ชี้แจงให้ชาวบ้านและพระได้รับทราบข้อเท็จจริงว่ามีความ ผิดในข้อหาใด และก็ไม่ได้แจ้งข้อหาใดๆ จนกระทั่งสัปดาห์ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งเสลี่ยม มีหมายมาจับพระอนุพันธุ์ อภิชาโน (ศักดิ์เสือ) หรือครูบาต้อม โดยที่เจ้าคณะอำเภอทุ่งเสลี่ยม เจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย และสำนักพุทธศาสนาจังหวัดสุโขทัย เดินทางมาด้วย ซึ่งชาวบ้านได้ร้องขอว่าการจับสึกขอให้พ้นพรรษาไปก่อนสัก 3 วันจะดีไหม เพราะมันน่าเกลียด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจและสำนักพุทธฯ ไม่ยอม ทั้งๆ ครูบาต้อม ไม่ผิดวินัยสงฆ์" ศิษย์ครูบาต้อม หลายคนกล่าว


จนท.รัฐยันหลักฐานชัด ที่พักสงฆ์ทุ่งเสลี่ยม รุกป่าจริง

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

บุกพิสูจน์ความจริง "ที่พักสงฆ์ทุ่งเสลี่ยม" (จบ)
       
       ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สำนักพุทธสูโขทัย และ "ผบ.กกล.รส.จทบ.พล."ยัน"พระทุ่งเสลี่ยม" ผิดเต็มๆ หลังไม่ให้ความร่วมมือ จนท.แถมรับเป็นผู้ต้องหาและเป็นผู้ดูแล "ที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์" ขณะที่ "พระบู๊"ผู้ต้องหาคดีรุกป่าและมีคดีค้างเก่าตัวจริง หนีลอยนวล "พล.ต.ผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข" ยันไม่ได้กลั่นแกล้ง แต่หลักฐานชัด ด้าน"ครูบาต้อม"ยันบวชพระจริง พร้อมสู้คดีจนความจริงปรากฎ "ศิษย์" วอนขอความเป็นธรรม
       
       นับจากปี 2532 นายเรียง ฝังทอง อายุ 62 ปี ชาวบ้านรายหนึ่งภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย ยกที่ดินให้พระตั้งที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์ หลังจับจองทำกินปลูกข้าวโพดในเขตป่าจำนวน 1 ผืน โดยไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ ต่อมามีการสร้างที่พักสงฆ์ 2 หลัง คือ ศาลาการเปรียญหลังเล็ก 1 หลัง โรงครัว และห้องน้ำอีก 1 หลัง แต่ก็ไม่มีพระสงฆ์รูปใดอยู่ได้นานสักองค์ ส่วนที่มาอยู่ได้ไม่นานก็ย้ายออกหมด ปล่อยให้สถานที่แห่งนี้กลายสภาพเป็นวัดร้างต่อเนื่อง จะด้วยสาเหตุใดนั้นเชื่อว่าคนในพื้นที่น่าจะรู้ดี
       
       ต่อมาระหว่างปี 2549 กรมป่าไม้มีมติแก้ปัญหาที่พักสงฆ์ที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติทั่ว ประเทศ อนุญาตให้อยู่ร่วมกับป่าได้ แต่ห้ามมีการก่อสร้างหรือขยายเขตเพิ่ม ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวคนของที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์ ก็ไม่ไปดำเนินการใดๆ ให้ถูกต้อง
       
       กระทั่งปี 2550-2553 ได้มีพระมาขอจำพรรษาอยู่ที่พักสงฆ์แห่งนี้ โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่า พระหรือเจ้าสำนักองค์ก่อนๆ เป็นพระสายธรรมยุทธหรือมหายาน ที่สำคัญที่ผ่านมาไม่มีผู้ใดไปดำเนินการยื่นเรื่องหรือขอจดทะเบียนตามมติปี 2549 ที่กรมป่าไม้แก้ปัญหาที่พักสงฆ์ที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติทั่วประเทศ อนุญาตให้พระอยู่กับป่าร่วมกันได้ให้ถูกต้อง จนกลายเป็นข้อผิดพลาดจนถึงวันนี้
       
       กระทั่งมาสู่การบุกเข้าตรวจยึด "ที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์" ของกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง ตำรวจ สภ.ทุ่งเสลี่ยม และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุโขทัย เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 14 ส.ค.2557 และนำไปสู่การเข้าจับพระอนุพันธุ์ อภิชาโน (ศักดิ์เสือ) หรือ ครูบาต้อม ผู้นำชี้และยอมรับว่าเป็นผู้ดูแลที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์ ในข้อหาคดีบุกรุกป่าสงวนฯ และจับสึกหน้าห้องขัง นุ่งขาวห่มขาวอยู่ในห้องขัง สภ.ทุ่งเสลี่ยม จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่า เจ้าหน้าที่รัฐทำเกินกว่าเหตุ ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่รัฐก็ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ได้ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย
       
       **สำนักพุทธชี้"พระต้อม"รับคดีไปเต็มๆ
       
       ภายหลังการจับกุมพระอนุพันธุ์ อภิชาโน (ศักดิ์เสือ) หรือครูบาต้อม เจ้าหน้าที่รัฐพยายามที่จะตรวจหาความจริงว่า ครูบาต้อม ได้บวชเป็นพระสงฆ์จริงหรือไม่ เนื่องจากตรวจพบว่า "หนังสือสุทธิ" ที่ครูบาต้อม ถืออยู่นั้น "ไม่สมบูรณ์ ไม่มีตราประทับของเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย ไม่มีหนังสือแต่งตั้งเป็นประธานที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิพย์ และไม่มีการรายงานคณะสงฆ์จากวัดต้นสังกัดจากจังหวัดกำแพงเพชรว่าย้ายมาอยู่ ที่ใด เสมือนการแจ้งเข้าทะเบียนราษฎรกับผู้ใหญ่บ้านหรือนายทะเบียนท้องที่"
       
       นายวิเจษฐชัย อาจสงคราม นักวิชาการชำนาญการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุโขทัย ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ผู้ดูแลปัญหาดังกล่าว เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า ผลตรวจสอบหนังสือสุทธิของครูบาต้อม จากต้นสังกัดคือพระอุปัชฌาย์ ระบุว่าบวชจริง ไม่ใช่พระปลอม เพียงแต่หนังสือสุทธิไม่มีรอยประทับเท่านั้น
       
       ส่วนประเด็นที่ว่าพระต้อม แจ้งย้ายเข้าออกต่างพื้นที่กับเจ้าคณะตำบล และเจ้าคณะอำเภอทุ่งเสลี่ยมแล้วนั้น จากการตรวจสอบแล้ว ไม่มี ดังนั้น กรณีที่ครูบาต้อมย้ายมาอยู่ที่ร้างหรือที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์แห่งนี้ ถือว่าไม่ได้รายงานต้นสังกัด ประกอบกับครูบาต้อม และทางที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์ ก็ไม่ได้ยื่นรายงานการจดทะเบียนเป็นสำนักสงฆ์หรือที่พักสงฆ์ให้ถูกต้องกับ ทางกรมป่าไม้ด้วย
       
       นายวิเจษฐชัย กล่าวอีกว่า กรณีที่เจ้าหน้าที่จับครุบาต้อม สึกนั้น เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ต้องการเห็นผ้าเหลืองอยู่ในกรงขัง ประกอบกับครุบาต้อม เองก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือและให้ปากคำที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ ทางเจ้าหน้าที่จึงคัดค้านไม่ให้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน
       
        "เมื่อเจ้าหน้าที่นำภาพพระวัชชัย หรือพระบู๊ ที่อยู่ที่พักสงฆ์แห่งนี้ ได้หนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมีการบุกเข้าไปตรวจยึดจับกุมเมื่อวันที่ 14 ส.ค.2557 ซึ่งเป็นพระที่ครูบาต้อม ให้การนับถือว่าเป็นอาจารย์ ออกมาให้ครูบาต้อมดู และถามถึงพระบู็ แต่ทางครุบาต้อม ก็ไม่ตอบทั้งๆ ที่เป็นพระที่ครูบาต้อมนับถือ และพระบู๊ ก็หนีคดีรุกป่า แม้ทางตำรวจจะพยายามซักถามเรื่องของพระบู๊ แต่ครุบาต้อมก็อ้างว่าไม่รู้จัก พอเจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึดที่พักสงฆ์ครูบาต้อม จึงรับเป็นผู้ต้องหา หรือเป็นเจ้าของดูแลที่พักสงฆ์ทั้งหมด ดังนั้น จึงถือว่าครุบาต้อม ปกป้องพระอีกรูปหนึ่งที่หนีคดีรุกป่า และไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ครูบาต้อม จึงรับไปเต็มๆ" นายวิเจษฐชัย กล่าว
       
       **ทหารยันไม่ได้แกล้ง-พบรุกป่าชัดเจน
       
       ด้าน พล.ต.ผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกพิษณุโลก/ผู้บังคับการกองกำลังรักษาความสงบเรียบ ร้อยจังหวัดทหารบกพิษณุโลก (ผบ.กกล.รส.จทบ.พล.) รับผิดชอบพื้นที่ จ.สุโขทัย กล่าวยืนยันว่า ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้กลั่นแกล้งครุบาต้อม แต่คดีนี้เป็นการตั้งข้อกล่าวหาของทางกรมป่าไม้ ที่จากการตรวจสอบแล้วพบว่า ที่พักสงฆ์แห่งนี้มีการบุกรุกป่าชัดเจน
       
       ส่วนที่ปี 2549 กรมป่าไม้ได้มีมติแก้ไขปัญหาที่พักสงฆ์ที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติทั่ว ประเทศ โดยอนุญาตให้พระอยู่ร่วมกับป่าได้ แต่ห้ามมีการก่อสร้างหรือขยายเขตเพิ่มนั้น มติปี 2549 ก็ได้มีการวางระเบียบไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งพระป่าก็ควรอยู่แบบป่า แต่ถ้าอยู่ไม่ได้ก็ไม่ใช่
       
       สำหรับที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์แห่งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ที่ผ่านมาไม่ได้มีหลักฐานใดๆ มาแสดง หรือมาจดทะเบียนเป็นสำนักสงฆ์หรือที่พักสงฆ์ให้ถูกต้องกับทางกรมป่าไม้ รวมทั้งการย้ายเข้ามาอยู่ของครูบาต้อม จากการตรวจสอบก็พบว่าไม่ได้รายงานต่อต้นสังกัด ที่จะต้องมีการแจ้งต่อทางเจ้าคณะตำบล อำเภอ และจังหวัด แต่ก็ไม่ปรากฎหลักฐานใดๆ กระทั่งวันนี้
       
       "เหตุที่เจ้าหน้าที่ต้องเข้าจับกุมและยึดที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทรา ทิตย์ เนื่องจากมีข้าราชการและพนักงานราชการร้องเรียนเข้ามา หากไม่มีใครร้องมาทางเจ้าหน้าที่ก็ยังเข้าใจว่าเป็นสำนักสงฆ์ที่ดำเนินการ อย่างถูกต้องมาแล้ว และผมเชื่อว่าที่พักสงฆ์หรือสำนักสงฆ์หลายแห่งทั่วประเทศไทย ยังดำเนินการไม่ถูกต้อง ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงต้องเข้าดำเนินการเข้าตรวจสอบและตรวจยึด เพราะเกรงว่าหากปล่อยไว้อาจจะกลายเป็นชุมชนที่ควบคุมยาก"
       
       "ส่วนการคัดค้านประกันตัวครูบาต้อม ในชั้นพนักงานสอบสวนของตำรวจ สภ.ทุ่งเสลี่ยมนั้น เพราะคดีนี้มีอัตราโทษสูง 20 ปี และมีตัวอย่างจากพระอีกรูปหนึ่ง คือ พระธวัชชัย หรือพระบู้ ที่อยู่ที่พักสงฆ์แห่งนี้ซึ่งได้หนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมีการบุกเข้าจับ กุมเมื่อวันที่ 14 ส.ค.2557 อีกทั้งพระบู๊ ยังมีหมายจับค้างเก่าอยู่ด้วย ดังนั้น ยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้เป็นการเร่งรัดคดีตามปกติ ไม่ใช่รวบรัด หรือกลั้นแกล้งใคร" พล.ต.ผดุง กล่าว
       
       **ศิษย์พระต้อมวอนขอความเป็นธรรม
       
       ทางด้านพระอนุพันธุ์ อภิชาโน (ศักดิ์เสือ) หรือครูบาต้อม ซึ่งปัจจุบันอยู่ในชุดขาวห่มข่าว เปิดเผยว่า ตนบวชพระมาตั้งแต่ปี 2547 ที่วัดนาคคชรัตน์โสภณ จ.กำแพงเพชร ส่วนหนังสือสุทธิ ที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่สมบูรณ์ เนื่องจากไม่มีตราประทับนั้น เรื่องนี้ตนยืนยันว่า หนังสือสุทธินั้นเป็นของจริง แต่ตราประทับเลือนลาง และยืนยันว่าได้บวชเป็นพระจริง ไม่ได้ปลอมเอกสารใดๆ ขึ้นมา ส่วนที่ตนถูกดำเนินคดีนั้นหากทางอัยการสั่งฟ้อง ก็ต้องสู้คดีไปตามกฎหมาย และตนจะไปชี้แจงต่อศาลต่อไป
       
       "ที่ผมติดใจก็คือ การที่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาจับกุมและถอดจีวรให้ผมสึกจากความเป็นพระ นั้นมันรวดเร็วเกินไปหรือไม่ หรือผมเชื่อว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแอบแฝง ดังนั้น ผมจึงอยากให้ผู้บังคับบัญชาลงมาดูพื้นที่จริง และทำให้เรื่องนี้กระจ่าง ส่วนที่ พล.ต.ผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกพิษณุโลก/ผู้บังคับการกองกำลังรักษาความสงบเรียบ ร้อยจังหวัดทหารบกพิษณุโลก บอกว่าต้องการจับผู้ใหญ่หรือตัวจริงคือพระธวัชชัย หรือพระบู๊ ที่เป็นอาจารย์ของผมนั้น เรื่องนี้ผมไม่อยากก้าวก่าย" ครูบาต้อม กล่าว
       
       ด้านนางสุรางค์ ชัยยะวงศ์และ ชาวบ้านหมู่ 3 ต.เสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย พร้อมชาวบ้านและศิษย์ของครูบาต้อม ต่างพูดในทำนองเดียวกันว่า หลังจากที่ครุบาต้อม ธุดงค์มาอยู่ที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์นี้ ครุบาต้อมได้ดูแลที่พักสงฆ์อย่างดี มีญาติโยมหรือลูกศิษย์มาก ไม่ได้ทำให้บุคคลใดต้องเสียหาย ชาวบ้านมีความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ และได้มีการจัดกิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติในวันแม่แห่งชาติ "12 สิงหาคม 2557" ที่เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้ด้วย
       
       กิจกรรมหลักๆ หลังจากครูบาต้อม มาอยู่ที่พักสงฆ์แห่งนี้ที่ชาวปฏิบัติร่วมกันมาตลอดก็คือมีการทำบุญทางศาสนา กันอยู่ตลอด มีการสวดมนต์ และนั่งสมาธิ ซึ่งชาวบ้านต่างชื่นชอบและเคารพครูบาต้อม เพราะตั้งแต่ท่านเข้ามาอยู่ช่วงกลางปี 2555 ก็มีอะไรหลายอย่างดีขึ้น จนกระทั่งมีลูกศิษย์เสื่อมใสมากขึ้น คนที่มีฐานะก็บริจาคไม้สัก บริจาคอุปกรณ์ต่างๆ มีการร่วมกันซ่อมแซมกุฎิ ปรับสภาพสถานที่ที่รกร้าง จนมีความเป็นเหมือนวัดตามชนบททั่วไป แต่ก็ไม่นึกว่าจะมาถึงวันนี้
       
        "ส่วนกรณีมีการตั้งข้อกล่าวหาว่าที่สงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์ มีการบุกรุกป่า 109 ไร่นั้น พวกเรายืนยันว่า ไม่ได้เป็นความจริง เพราะพระและชาวบ้านที่นี่ไม่มีใครหวังที่จะครองครองป่าสงวนที่เป็นสมบัติของ ชาติ ส่วนไม้สักที่เห็น 6-7 ท่อนนั้นก็เป็นไม้เก่า เป็นของที่เขาบริจาคมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อเตรียมนำมาทำขาแคร่นั่งสมาธิเท่านั้น วันนี้พวกเราจึงต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับครูบาต้อม และทุกวันนี้ครูบาต้อม ท่านก็ไม่ได้หนีไปไหน และท่านยืนยันว่าจะต่อสู้เพื่อให้ความจริงปรากฎ" นางสุรางค์ กล่าวในที่สุด
       
       **เผยเบื้องลึกถอดยวงที่พักสงฆ์ร้าง
       
       แหล่งข่าวแวดวงป่าไม้ระบุว่า เหตุการณ์จับกุมที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์ดังกล่าว เกิดขึ้นจากเจ้าพนักงานของวนอุทยานถ้ำลม-ถ้ำวังร้องเรียนไปยังหน่วยทหาร เพราะที่ผ่านมาพนักงานพิทักษ์ป่าวนอุทยานฯ ประมาณ 10 คน ถูกหัวหน้าวนอุทยานฯ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของครูบาต้อม สั่งให้ไปตัดหญ้าดูแลความสะอาดสถานที่ปฎิบัติธรรมไม่เว้นแม้วันหยุด เสาร์-อาทิตย์ จนสร้างไม่พอใจให้กับพนักงานของรัฐ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา จนกลายเป็นปัญหาสะสมกระทั่งปะทุขึ้นเมื่อมียุคทหารเป็นผู้ถือกฏหมายเหนือ พลเรือน
       
       "ก่อนหน้านี้เมื่อราวปี 2545 เจ้าหน้าที่เคยมีการผลักดันราษฎรและพระที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์ ออกจากพื้นที่มาแล้ว จนที่พักสงฆ์แห่งนี้กลายเป็นวัดร้าง กระทั่งปี 2554 ทางกรมป่าไม้มีคำสั่งให้แต่ละหน่วยในพื้นที่ทุกอำเภอออกสำรวจว่ามีวัดอยู่ กี่แห่งในพื้นที่รับผิดชอบ ทางกรมป่าไม้จะได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นหลักฐาน โดยครั้งนั้นหัวหน้าหน่วย สท.4 (น้ำดิบ) ก็ทำเรื่องส่งไป แต่บังเอิญที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์แห่งนี้ ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่พักสงฆ์ หรือสำนักสงฆ์จึงมีความผิดเกิดขึ้น" แหล่งข่าวเผย


ไร่รักษ์ไม้,สวนศิริผล,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags : จนท.รัฐยันหลักฐานชัด ที่พักสงฆ์ทุ่งเสลี่ยม รุกป่าจริง

view