สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ป.ป.ช.แจงสอบทรัพย์ นิวัฒน์ธำรง-ยรรยง เหตุทำจำนำข้าวเจ๊ง 5 แสนล้าน

ป.ป.ช.แจงสอบทรัพย์ “นิวัฒน์ธำรง-ยรรยง” เหตุทำจำนำข้าวเจ๊ง 5 แสนล้าน

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

เลขาฯ ป.ป.ช.เผยสอบทรัพย์สินหนี้สิน “นิวัฒน์ธำรง-ยรรยง” เหตุพบความเสียหายโครงการจำนำข้าวพุ่ง 5 แสนล้าน หากพบมีเอี่ยวดำเนินการในคดีอาญาทันที ระบุเป็นการดำเนินการในเชิงรุก ระบุตรวจสอบทุกโครงการของ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์" หากพบทุจริต รัฐมนตรีมีส่วนจัดการทันที
       
       วันนี้(28 พ.ค.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สืบเนื่องจากการไต่สวนในโครงการรับจำนำข้าวว่า เนื่องมาจากการไต่สวน น.ส.ยิ่งลักษณ์ในคดีอาญา โดยก่อนหน้านี้เราได้ข้อมูลข้อเท็จจริงว่ามีความเสียหายเกี่ยวกับการปิด บัญชีโครงการรับจำนำข้าวอยู่ประมาณ 3.3 แสนล้านบาท แต่ต่อมามีข่าวว่าในการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวครั้งที่ 3 มีความเสียหายเพิ่มมากขึ้นเกือบ 5 แสนล้านบาท การดำเนินการไต่สวนของ ป.ป.ช.จึงต้องทำต่อเนื่อง
       
       โดยจะตรวจสอบความเสียหายในช่วงระหว่างที่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ และนายยรรยง พวงราช ดำรงตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ว่าเป็นอย่างไร หากพบว่าบุคคลทั้งสองเกี่ยวข้องกับความเสียหายที่เกิดขึ้น มีเหตุอันควรสงสัยก็สามารถตั้งอนุกรรมการไต่สวนในคดีอาญาเพิ่มได้ โดย ป.ป.ช.จะนำความเสียหายทั้งหมดมาดูว่ามีใครบ้างที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงดัง กล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายหรือไม่อย่างไร เบื้องต้นจะมีการไต่สวนพยานที่เกี่ยวข้องอีกจำนวน 4 ปาก
       
       นายสรรเสริญกล่าวว่า สำหรับการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ ครม.เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.ซึ่งในกรณีปกติหากพ้นจากตำแหน่งต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช. แต่ในทางที่ไม่ปกติ ป.ป.ช.เองก็สามารถที่จะตรวจสอบที่มาของทรัพย์สินได้เหมือนกัน โดยจะดูข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมการเงิน เป็นการทำงานในเชิงรุก
       
       ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ป.ป.ช.ใช้วิธีตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารที่ผู้ยื่นแสดงมาเท่านั้น แต่ต่อไปนี้เรื่องบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือไม่ ใช่จะรอรับเอกสารอย่างเดียว ต้องออกตรวจในเชิงรุก แม้จะไม่มีการยื่นให้ ป.ป.ช.ก็ตาม ถ้ามีข้อมูลข้อเท็จจริงเข้ามาสามารถที่จะไปดำเนินการไต่สวนได้ ถือว่าเป็นนิมิตรใหม่ ตอนนี้เราได้เริ่มแล้ว
       
       อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ไม่ได้กำหนดว่าจะตรวจสอบรัฐมนตรีคนใดบ้าง แต่ตรวจสอบในทุกโครงการของรัฐบาลหลังจากพ้นตำแหน่งไป ไม่ใช่เฉพาะเรื่องข้าวเท่านั้น หากพบว่าในโครงการใดมีการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินในทางที่ไม่ชอบมาพากล ป.ป.ช.สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ โดยสามารถตรวจสอบย้อนได้ตั้งแต่ ครม.ยิ่งลักษณ์ 1 เป็นต้น


ปปช.แจงสอบรมต.เอี่ยวจำนำข้าวเป็นมาตรการเชิงรุก

จาก โพสต์ทูเดย์

เลขาฯ ปปช.แจงสอบรัฐมนตรีเอี่ยวจำนำข้าวเป็นมาตรการเชิงรุก ลั่นต้องตรวจละเอียดหากพบพิรุธ

ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ถนนวิภาวดีรังสิต นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สืบเนื่องจากการไต่สวนในโครงการรับจำนำข้าวว่า สำหรับเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการไต่สวนน.ส.ยิ่งลักษณ์ในคดีอาญา โดยก่อนหน้านี้เราได้ข้อมูลข้อเท็จจริงว่ามีความเสียหายเกี่ยวกับการปิด บัญชีโครงการรับจำนำข้าวอยู่ประมาณ 3.3 แสนล้านบาท แต่ต่อมามีข่าวว่าในการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวครั้งที่ 3 มีความเสียหายเพิ่มมากขึ้นเกือบ 5 แสนล้านบาท การดำเนินการไต่สวนของป.ป.ช.จึงต้องทำต่อเนื่อง โดยจะตรวจสอบความเสียหายในช่วงระหว่างที่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ และนายยรรยง พวงราช ดำรงตำแหน่งรมช.พาณิชย์ว่าเป็นอย่างไร หากพบว่าบุคคลทั้งสองเกี่ยวข้องกับความเสียหายที่เกิดขึ้น มีเหตุอันควรสงสัยก็สามารถตั้งอนุกรรมการไต่สวนในคดีอาญาเพิ่มได้ ทั้งนี้ ป.ป.ช.จึงจะนำความเสียหายทั้งหมดมาดูว่ามีใครบ้างที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วง ดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายหรือไม่อย่างไร เบื้องต้นจะมีการไต่สวนพยานที่เกี่ยวข้องอีกจำนวน 4 ปาก

นายสรรเสริญ กล่าวว่า สำหรับการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของครม.เป็นหน้าที่ของป.ป.ช. ซึ่งในกรณีปกติหากพ้นจากตำแหน่งต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. แต่ในทางที่ไม่ปกติ ป.ป.ช.เองก็สามารถที่จะตรวจสอบที่มาของทรัพย์สินได้เหมือนกัน โดยจะดูข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมการเงิน เป็นการทำงานในเชิงรุก ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินป.ป.ช.ใช้วิธีตรวจสอบความถูกต้องของ เอกสารที่ผู้ยื่นแสดงมาเท่านั้น แต่ต่อไปนี้เรื่องบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือไม่ ใช่จะรอรับเอกสารอย่างเดียว ต้องออกตรวจในเชิงรุก แม้จะไม่มีการยื่นให้ป.ป.ช.ก็ตาม ถ้ามีข้อมูลข้อเท็จจริงเข้ามาสามารถที่จะไปดำเนินการไต่สวนได้ ถือว่าเป็นนิมิตรใหม่ ตอนนี้เราได้เริ่มแล้ว อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินไม่ได้กำหนดว่าจะตรวจสอบรัฐมนตรีคนใด บ้าง แต่ตรวจสอบในทุกโครงการของรัฐบาลหลังจากพ้นตำแหน่งไป ไม่ใช่เฉพาะเรื่องข้าวเท่านั้น หากพบว่าในโครงการใดมีการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินในทางที่ไม่ชอบมาพากลป.ป.ช. สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ โดยสามารถตรวจสอบย้อนได้ตั้งแต่ครม.ยิ่งลักษณ์ 1 เป็นต้น


“หมอวรงค์” หนุน ป.ป.ช.สอบโกงจำนำข้าว-จีทูจี ยุค “นิวัฒน์ธำรง-ยรรยง”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

มือปราบโกงจำนำข้าว เชียร์ ป.ป.ช.ขยายผลสอบโกงตั้งแต่ยุค “บุญทรง” ถึง “นิวัฒน์ธำรง-ยรรยง” รวมสอบจีทูจีด้วย หลังตรวจพบเสียหายสูงถึง 5 แสนล้าน ข้าวหาย 3 ล้านตัน
       
       วันนี้ (28 พ.ค.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ขยายผลทำการสอบสวนความเสียหายและการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ที่แล้วว่า ตนขอสนับสนุนการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่จะขยายผลสอบความเสียหายจากยุคนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ให้ครอบคลุมถึงยุคนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีต รมว.พาณิชย์และนายยรรยง พวงราช อดีต รมช.พาณิชย์ ซึ่งพบความเสียหายเพิ่มขึ้นมาก จากการตรวจสอบโดยนายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลังทำหน้าที่ประธานอนุกรรมการผู้ตรวจบัญชีโครงการ รับจำนำข้าว ที่พบว่ายอดความเสียหายสูงจนน่าตกใจ จาก 3.3 แสนล้านมาเป็น 5 แสนล้าน และพบว่ามีข้าวสูญหาย 3 ล้านตัน โดยมีแต่ยอดตัวเลขข้าวแต่ไม่มีข้าวสารจริงในโกดัง
       
       ทั้งนี้ ขอเสนอแนะต่อ ป.ป.ช.ว่า การระบายข้าวแบบจีทูจีที่เคยสอบในยุคนายบุญทรง ที่สิ้นสุดมเมื่อเดือน มิ.ย. 56 ที่ ป.ป.ช.เคยแถลงเมื่อเดือน ธ.ค. 56 พบว่ามีการระบายข้าวแบบจีทูจีรวม 4.8 ล้านตัน แต่กลับมีข่าวส่งออกไปจีนจริงแค่ 3.75 แสนตัน ซึ่งตนได้รับทราบข้อมูลมาว่า ในยุคนายนิวัฒน์ธำรงและนายยรรยง รัฐบาลมีตัวเลขการระบายข้าวสูงถึง 8.4 ล้านตัน และยังไม่นับรวมตัวเลขการระบายข้าวแบบจีทูจีที่รัฐบาลก่อนอ้างว่า มีการส่งออกในเดือนต่อๆ มาหลังจากนั้น เช่นเดือน พ.ย.-ธ.ค. 56 และต่อเนื่องมาจนถึงปี 57 ที่อยู่รักษาการ จึงแสดงว่าต้องมีการระบายข้าวแบบจีทูจีในยุคนายนิวัฒน์ธำรงและนายยรรยง ไม่น้อยกว่า 3.6 ล้านตัน ขอเรียกร้องให้ป.ป.ช.ทำการขยายผลสอบเรื่องการระบายข้าวแบบจีทูจีของรัฐบาล ก่อนในยุคของนายนิวัฒน์และนายยรรยงด้วย


ไร่รักษ์ไม้,สวนศิริผล,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags :

view