จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ชาวไร่ข้าวโพดเดือดรวมตัวขับไล่พาณิชย์ จ.น่าน ออกจากพื้นที่ใน 24 ชม. ชี้เอื้อประโยชน์นายทุนมากกว่าเกษตรกร ลั่นหากไม่ออกจะขับไล่ผู้ว่าฯแทน
ช่วงบ่ายวันนี้ กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดจังหวัดน่าน จากอำเภอบ้านหลวง,สองแคว,สันติสุข และปัว จำนวนกว่า 200 คน รวมตัวที่ศาลากลางจังหวัดน่าน เพื่อเรียกร้องให้นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน โยกย้ายนายภาณุ ขันธ์แก้ว พาณิชย์จังหวัดน่าน ออกจากพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง
โดยกลุ่มเกษตรกรกล่าวอ้างถึงหลักฐานที่ระบุถึงการทำหน้าที่ของนายภาณุ ที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการไซโลและกลุ่มนายทุนมากกว่าช่วยเหลือเกษตรกรหรือไม่ โดยเฉพาะโครงการมาตรการแทรกแซงราคาข้าวโพดที่ปกปิดราคาชดเชยที่เป็นจริงและปล่อยให้ผู้ประกอบการไซโลจ่ายเงินไม่เป็นธรรมกับเกษตรกร รวมทั้งกรณีปล่อยให้มีการถอดรายชื่อเกษตรกรจำนวน 6 ราย ที่ต้องได้รับสิทธิ์ช่วยเหลือตามโครงการฯออกจากระบบบัญชี หรือไม่
นายเรืองเดช จอมเมือง ตัวแทนเกษตรกร กล่าวว่า การออกมาขับไล่นายภาณุ ขันธ์แก้ว พาณิชย์จังหวัดน่าน ครั้งนี้ เพราะเห็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะข้าราชการ ที่ไปเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนายทุนและผู้ประกอบการมากเกินไป โดยในช่วง 8 ปี ที่ดำรงตำแหน่งพาณิชย์จังหวัดน่าน กลับไม่ทำหน้าที่ช่วยเหลือเกษตรกรอย่างแท้จริง จึงต้องการให้พ้นจากตำแหน่งนี้
ซึ่งหากนายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ไม่ดำเนินการตามข้อเรียกร้องของเกษตรกร และนายภาณุ ขันธ์แก้ว ไม่พิจารณาตัวเองให้พ้นจากตำแหน่งออกไป กลุ่มเกษตรกรจะยกระดับแรงกดดันเป็นการขับไล่ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านแทน เนื่องจากเป็นผู้บังคับบัญชา แต่ปกป้องข้าราชการที่ทำผิดต่อหน้าที่และขอเน้นย้ำว่าการออกมาชุมนุมครั้งนี้เป็นเรื่องความเดือดร้อนของเกษตรกรไม่เกี่ยวข้องกับทางการเมืองฝ่ายใดทั้งสิ้น
นางพนิดา แซ่ท้าว อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58 หมู่ 10 ต.นาไร่หลวง อ.สองแคว จ.น่าน เปิดเผยว่า ต้องการมาทวงถามกับนายภาณุ ขันธ์แก้ว พาณิชย์จังหวัดน่าน เนื่องจากตนต้องได้รับเงินจำนวน 23,895 บาท จากร้านมาลัยทองการเกษตร แต่ได้รับเงินเพียง 12,500 บาท ซึ่งทางผู้ประกอบการอ้างว่าถ้าไม่รับเงินจำนวนนี้ ก็ให้เอาเอกสารไปขอรับเงินทั้งหมดจากทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดน่าน
นางยัวะ ขวัญวารี อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ 10 ต.นาไร่หลวง อ.สองแคว จ.น่าน เปิดเผยว่า มีเอกสาร 2 ชุดที่ตัวเลขน้ำหนักข้าวโพดกับราคาไม่ตรงกัน โดยเอกสารชุดของทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดน่าน ตนมีข้าวโพดจำนวน 23,880 กิโลกรัม และต้องได้รับเงินจำนวน 35,820 บาท แต่เอกสารของผู้ประกอบการ ตนมีข้าวโพด 19,650 กิโลกรัม และต้องได้รับเงินจำนวน 26,528 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ต้องถูกผู้ประกอบการหักอีก 500 บาท โดยอ้างว่าเป็นค่าดำเนินการด้วย
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต