สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ประมูลข้าวเอเฟตกร่อยเชื่อราคาลง

ประมูลข้าวเอเฟตกร่อยเชื่อราคาลง

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

เอกชน"เผยเหตุประมูลเอเฟต กร่อย เกิดจากความเชื่อราคาข้าวจะลดต่ำลงอีก จากปัจจัยผลผลิตหลายทิศทางเทเข้าสู่ตลาด ซ้ำรัฐไร้แผนพยุงราคาข้าว

นายบุรินทร์ ธนถาวรลาภ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ข้าวแสนดี จำกัด กล่าวว่า สาเหตุที่มีผู้สนใจร่วมเสนอราคาเบสิคซื้อข้าวผ่านเอเฟตครั้งที่ 7 นี้น้อยเนื่องจากราคาตลาดขณะนี้มีแนวโน้มตกต่ำต่อเนื่องโดยราคาตลาดข้าวสารขาวเฉลี่ยที่ตันละ 1.1-1.2 หมื่นบาทนั้น เป็นราคาที่ต่ำมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแต่ยังมีความพยายามที่จะรอดูสถานการณ์เพราะเชื่อว่าปัจจัยต่างๆจะทำให้ราคาข้าวต่ำลงกว่านี้อีก อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวเชื่อว่าราคาข้าวไม่น่าจะลดต่ำลงกว่านี้อีก เพราะผู้ค้าหลายรายไม่มีข้าวในสต๊อกมานานหลายปีตั้งแต่มีโครงการรับจำนำเมื่อช่วงปี 2554 ที่ผ่านมา ทำให้มีความต้องการซื้อข้าวเพื่อเก็บไว้ก่อนที่แนวโน้มราคาข้าวจะผันผวนจากทิศทางผลผลิตที่อาจลดลงจากปัญหาภัยแล้ง

"จริงๆมีหลายสาเหตุที่คนมาประมูลน้อย นอกจากเรื่องความไม่แน่ใจเรื่องการเดินหน้าประมูลข้าวต่อหลังจากต้องยกเลิกไปเมื่อสัปดาห์ก่อนเพราะถูกม๊อบปิดล้อมแล้ว ก็ยังมีประเด็นเรื่องการขายข้าวของรัฐบาลที่เข้าใจว่ากระทรวงพาณิชย์ อาจมองว่าราคาต่ำเกินไปทั้งจากส่วนที่ผู้ซื้อเสนอและราคาตลาดจึงเลือกที่จะไม่อนุมัติขายให้ผู้ยื่นซองในครั้งการประมูลทั่วไปของกรมการค้าต่างประเทศก่อนหน้านี้ ทำให้ผู้ซื้อเห็นว่าเสนอมาก็ไม่ได้ข้าวจึงไม่อยากมาเสนอซื้ออีก ซึ่งผมพูดได้ว่าราคาอย่างนี้จะไม่ได้เห็นอีกต่อไป เพราะปลายปีอาจต้องเจอข้าวบางชนิดขาดตลาด โดยเฉพาะหอมมะลิ” นายบุรินทร์ กล่าว

ในส่วนของบริษัท ฯแม้ไม่ได้ร่วมประมูลครั้งนี้ แต่ก็มาสังเกตการณ์และพบว่าทิศทางราคาขณะนี้ เหมาะสมสำหรับการซื้อเก็บไว้ในสต๊อก แต่เนื่องจากบริษัทมีแผนการตลาดที่ต้องการข้าวที่กำหนดส่งมอบช่วง ก.ค. ซึ่งไม่ได้อยู่ในทีโออาร์ประมูลครั้งนี้ โดยบริษัทต้องการแน่ใจว่ามีข้าวเพื่อป้อนตลาดข้าวถุงยี่ฮ้อ แสนดี อย่างต่อเนื่องและต้องการให้มีต้นทุนที่เหมาะสมคงที่ จะได้เหลือส่วนต่างไปทำโปรโมชั่นซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญของการรักษาส่วนแบ่งตลาดในภาวะที่ข้าวถุงมีการแข่งขันที่ดุเดือดมาก

แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าวกล่าวว่า ราคาข้าวกำลังลดต่ำลงโดย ราคาข้าวเปลือกเจ้าขณะนี้ ความชื้น 15% เฉลี่ยที่ตันละ 7,500 แต่ชาวนาจะได้ราคาต่ำกว่านี้เพราะค่าความชื้นที่สูงกว่า ทำให้รายได้ของชาวนาจะลดลงไปมากเมื่อเทียบกับราคาในช่วงมีโครงการรับจำนำ จึงประเมินว่า หากราคาข้าวต่ำไปกว่านี้ชาวนาจะอยู่ไม่ได้และลดกำลังผลิตในที่สุด รวมถึงผลผลิตข้าวนาปรังปี 2557 นี้ไม่มีมาตรการดูแลราคาจากรัฐบาลทำให้ทิศทางราคามีแต่จะตกต่ำลง ประกอบกับความพยายามระบายข้าวของรัฐบาลจึงทำให้วงการค้าข้าวโดยเฉพาะกลุ่มผู้ส่งออกทั้งในและต่างประเทศประเมินว่าราคาต้องลดลงอีก จึงใช้การรอดูสถานการณ์เป็นหลักมากกว่าจะเร่งเข้าแย่งซื้อข้าวเพื่อเติมสต๊อก

"จริงๆผลผลิตปีนี้ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ อาจจะมีแนวโน้มลดลงด้วยซ้ำแต่ราคาตลาดกลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามคือ มีแต่จะลดลงและหลายฝ่ายกำลังพยายามทำให้ราคาข้าวลดลงต่อเนื่องไปอีก แม้ของมีไม่มากแต่ถ้าออกมาพร้อมกันก็เป็นจังหวะที่จะทุบราคากันได้ แต่ช่วงปลายปีเชื่อว่าซับพลายจะลดลงจากภัยแล้ง ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในไทยเท่านั้นในต่างประเทศเช่นจีน ก็กำลังประสบปัญหาดังกล่าวขณะนี้อยู่ระหว่างประเมินความเสียหาย "แหล่งข่าวกล่าว


เงียบ! มีแค่ 7 รายยื่นซื้อข้าวผ่านเอเฟต แถมซื้อน้อยกว่าที่เปิดและยังกดราคาซื้ออีก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

      ประมูลข้าวผ่านเอเฟตเงียบเหงา มีผู้ยื่นซองเสนอราคา 7 ราย เสนอซื้อแค่ 1.05 แสนตันจากที่เปิดประมูล 2.44 แสนตัน แถมซื้อราคาต่ำอีก เอเฟตยอมรับส่งเงินคืนคลังพลาดเป้า เหตุประมูลมา 6 ครั้ง เพิ่งได้เงิน 4.8 พันล้าน
        นายศักดา ทองปลาด รักษาการผู้จัดการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟต) เปิดเผยภายหลังการเปิดซองประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลปริมาณ 2.44 แสนตัน ว่า มีเอกชนยื่นซองประมูลจำนวน 7 ราย เสนอประมูลจำนวน 1.05 แสนตัน แบ่งเป็นข้าวขาว 5% ปริมาณ 1.03 แสนตัน เสนอราคาส่วนต่างที่ลบ 2.48-3.90 บาท และข้าวหอมมะลิปริมาณ 2 พันตัน เสนอราคาส่วนต่างลบ 5.70 บาท โดยราคากลางของข้าวขาว 5% อยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 12.70 บาท และข้าวหอมมะลิ กก.ละ 29.70 บาท
       
        "ราคาที่ได้จากการประมูลครั้งนี้ ไม่ได้ต่ำอย่างที่หลายฝ่ายกังวล โดยลดลงเพียง 10% ซึ่งคาดว่าแนวโน้มราคาจะไม่ลดต่ำลงไปกว่านี้ เนื่องจากปีนี้มีแนวโน้มอากาศแล้งนาน ผลผลิตบางส่วนได้รับความเสียหาย ขณะที่คู่แข่งได้ระบายสต๊อกออกไปมากแล้ว และยังมีความต้องการซื้อข้าวจากประเทศต่างๆ เข้ามา"
       
        อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการเร่งระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลผ่านหลายช่องทาง ได้ส่งผลกระทบต่อการประมูลผ่านเอเฟต ทั้งราคาและจำนวนผู้เข้าร่วมประมูล และจะส่งผลกระทบต่อการคืนเงินให้กับกระทรวงการคลัง เพราะตามแผนจะระบายข้าวผ่านเอเฟตปริมาณ 1 ล้านตัน คืนเงินไม่ต่ำกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท แต่จากการประมูล 6 ครั้งที่ผ่านมา ได้เงินเพียง 4.8 พันล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้ามาก อีกทั้งการประมูลที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นข้าวขาว ซึ่งมีสัดส่วนมากถึง 94% ข้าวหอมมะลิ 6% ต่ำกว่าแผนเดิมที่จะประมูลข้าวขาว 60% ข้าวหอมมะลิ 40% จึงต้องปรับแผนมาเป็นประมูลข้าวหอมมะลิให้มากขึ้น


พาณิชย์หนักใจประมูลข้าวผ่านเอเฟตครั้งที่ 7 ได้ราคาต่ำ เหตุสต๊อกข้าวรัฐบาลออกสู่ตลาดอื้อ

updated: 19 มี.ค. 2557 เวลา 14:25:34 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

นายสมชาติ สร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การประมูลข้าวผ่านตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟต) ครั้งที่ 7 นี้ ยอมรับว่าหนักใจมาก เนื่องจากขณะนี้ปริมาณข้าวที่อยู่ในตลาดจำนวนมากมาจากสต๊อกข้าวของรัฐบาล เป็นส่วนใหญ่ อาจทำให้การเสนอราคาซื้อผ่านตลาดเอเฟต โดยเฉพาะการให้ราคาส่วนต่างติดลบค่อนข้างมากได้ และยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า เอกชนจะเสนอราคาลบส่วนต่างมากน้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าน่าจะเสนอส่วนต่างเกินกว่า 3 บาทต่อกิโลกรัมขึ้นไป เพื่อให้ได้ราคาดีที่สุดและใกล้เคียงกับราคาตลาดเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ราคาเฉลี่ยข้าวขาวในตลาดขณะนี้ประมาณ 11.50-11.80 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาข้าวหอมจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12-13 บาทต่อกิโลกรัม และคาดว่าจากปริมาณข้าวที่นำออกมาเปิดประมูลในตลาดเอเฟตครั้งนี้กว่า 244,000 ตัน คาดว่าเอกชนยังต้องการข้าวไม่ต่ำกว่า 1 แสนตัน

ทั้งนี้  หากคำนวณมูลค่าและปริมาณขายข้าวผ่านตลาดเอเฟตในช่วง 6 ครั้งที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว คิดเป็นปริมาณข้าวทั้งสิ้นกว่า 389,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าเกือบ 4,000 ล้านบาท เพื่อจะเร่งคืนเงินค่าจำนำข้าวให้กับชาวนาทั่วประเทศต่อไป

สำหรับบรรยากาศการยื่นประมูลสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ทางกระทรวงพาณิชย์ ได้เปิดให้ผู้ที่สนใจยื่นซองเสนอราคาประมูลข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล ผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟต) ครั้งที่ 4/2557 (ครั้งที่ 7) หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทาง กลุ่ม กปปส. สวนลุมฯ ได้มาตัดไฟภายในกระทรวงพาณิชย์จึงทำให้การประมูลเอเฟต ครั้งที่ 6 ไม่สามารถทำการประมูลได้

โดยตั้งแต่ช่วงเวลา 9.00 น.-12.00 น. มีบริษัทเอกชนให้ความสนใจยื่นซองประมูลในครั้งนี้ มีเพียง 7 ราย ได้แก่ บริษัท ข้าวเจริญ จำกัด บริษัท พงษ์ลาภ, บริษัท คงเดชธัญญกิจ 2516, บริษัท แคปปิตอลซีเรียล จำกัด, บริษัท ไทยณรงค์กุดจิก, บริษัท โรงสีอรุณพัฒนา จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีทรัพย์แสงทอง 2550

ทั้งนี้ ปริมาณข้าวที่นำมาเปิดประมูลในครั้งนี้กว่า 244,000 ตัน แบ่งเป็นข้าวขาว 5% ปี 55/56 และ 56/57 กว่า 164,000 ตัน ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ปี 55/56 และปี 56/57 กว่า 80,000 ตัน


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags :

view