จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ไฟไหม้บ่อขยะภายในซอยแพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ หน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบสภาพอากาศ ถือว่ายังอยู่ในขั้นวิกฤติ แนะกลุ่มเสี่ยงให้ออกนอกพื้นที่
นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า ควันที่เกิดจากไฟไหม้บ่อขยะได้พัดเข้าเขต กทม. ซึ่งได้รับผลกระทบ 6เขตในพื้นที่ใกล้เคียง จ.สมุทรปราการ โดยในส่วนของ คพ.มุ่งเป้าไปที่จุดเกิดเหตุก่อน การทำงานเหมือนลักษณะตีวงเข้ามา เพราะของอากาศเวลาเกิดขึ้นมันลอยขึ้นมา ยิ่งไกลยิ่งเจือจางเพราะไปผสมกับอากาศ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องไปตีวงว่าพื้นที่ที่ยังมีผลกระทบต่อสุขภาพ หาขอบเขตก่อน
ทั้งนี้ คพ.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ 2 ทีม คือ 1.ทีมปฏิบัติการฉุกเฉินด้านอากาศ โดยวัดสภาพอากาศอยู่หลายจุด และห่างไกลที่สุดประมาณ 1 กม.จากกองขยะ เข้ามาทางทิศเหนือหรือทางกทม. เราพบว่ามีก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ คือ กำมะถัน เกินมาตรฐาน ซึ่งหากเจอน้ำจะเป็นกรดซัลฟูริก ตรงพื้นที่ตรวจพบมีอยู่ 2-4 ส่วนในล้านส่วน ในขณะที่ระดับมาตรฐาน กำหนดไว้ว่าต้องไม่เกิน 0.2 ส่วนในล้านส่วน แต่ตอนนี้ ที่เจออยู่สูงถึง 10 เท่า โดยก๊าซจะเริ่มกระทบต่อสุขภาพถ้าอยู่ในระดับตั้งแต่ 0.75 ส่วนในล้านส่วน
สำหรับทิศทางลมจะอยู่ทางทิศเหนือและทิศใต้ โดยตอนเช้าจะไปทางทิศใต้ ในช่วงตอนเย็นทิศเหนือ ตรงนี้เราได้ส่งข้อมูลให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยไปแล้วเมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เสี่ยงที่มีผลกระทบต่อสุขภาพร้ายแรง ควรห้ามประชาชนเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวหลีกเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยง บางพื้นที่อพยพได้ ก็ต้องอพยพ
นายวิเชียร กล่าวว่า ยังได้ไปติดตั้งเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศ โดยเก็บสารอินทรีย์ระเหยง่าย และฝุ่น สิ่งเหล่านี้การเก็บต้องอย่างน้อย 24 ชั่วโมงถึงจะได้ผล แต่ผลที่ออกมาแล้วคือฝุ่น โดยฝุ่นที่ออกมาเก็บตัวอย่างใน 2 จุด คือ จุดที่ไกลที่สุด ห่างจากบ่อขยะประมาณ 1 กิโลเมตร ปรากฏว่าฝุ่นละอองประมาณ 10 ไมครอน วัดได้ 354 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินมาตรฐาน 3 เท่า สูงกว่าหมอกควันภาคเหนือ ส่วนฝุ่นขนาด 2.5 ไมครอน ระดับนี้เราเรียกว่า "วิกฤติหมอกควัน" เป็นพื้นที่ที่ควรหลีกเลี่ยงเช่นเดียวกับพื้นที่ที่พบสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์
นอกจากนี้ เรายังวัดฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน สูงถึง 365 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงมากจริงๆ ถือว่าเกินมาตรฐานค่อนข้างมาก ระดับฝุ่น 2.5 ไมครอน ถือว่าอันตรายมากเพราะสามารถเข้าขั้วปอดได้ อาจเป็นต้นเหตุทำให้เกิดมะเร็งปอดได้
2.ทีมรถโมบายรถตรวจวัดคุณภาพอากาศเคลื่อนที่ เก็บสารอินทรีย์ระเหยง่าย ส่วนใหญ่เป็นสารตั้งต้นก่อมะเร็ง แต่ต้องใช้เวลา 7-8 วัน กว่าจะรู้ผล
นายวิเชียรกล่าวว่า บ่อขยะที่เกิดเหตุนี้ เคยเกิดไฟไหม้ใหญ่เมื่อปี 2551 และเป็นที่ชัดเจนว่ามีการแอบทิ้งขยะไม่ถูกกฎหมายอยู่แล้ว และเป็นบ่อขยะที่หมดอายุไปนานแล้ว
กทม.เตือนหลีกเลี่ยงพื้นที่
นางสาวตรีดาว อภัยวงศ์ โฆษกของกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่าขณะเดียวกันทางกองควบคุมและจัดการคุณภาพอากาศ สำนักสิ่งแวดล้อม และสำนักอนามัย กทม.ยังคอยเฝ้าตรวจสอบสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังตรวจพบปริมาณก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน รวมทั้ง ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในระดับสูงกว่ามาตรฐาน จึงได้แจ้งเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงพื้นที่มีควันฟุ้งกระจาย หากเลี่ยงไม่ได้ให้สวมหน้ากากป้องกัน หรือใช้ผ้าชุบน้ำปิดปากปิดจมูก
นางสาวตรีดาว กล่าวว่า ได้กำชับให้เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ หอบหืด โรคหัวใจ ความดัน รวมทั้งผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ถ้ามีอาการปวดศีรษะ หน้ามืด วิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน เป็นลม หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หรือหมดสติ ให้รีบพบแพทย์ทันที
ชี้4กลุ่มเสี่ยงต้องออกนอกพื้นที่
นายแพทย์พิบูล อิสสระพันธุ์ รองผู้อำนวยการสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ในช่วงบ่ายวานนี้ (18 มี.ค.) สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค ได้ดำเนินการสุ่มตรวจค่ามลพิษในอากาศที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งห่างจากบ่อขยะประมาณ 1 กิโลเมตร ทำการตรวจภายในบ้านที่มีการปิดสนิทเพื่อตรวจสอบว่าประชาชนสามารถอยู่อาศัยได้หรือไม่
ทั้งนี้ มีการตรวจสอบสารพิษ 5 ตัว คือ ฝุ่นที่มีอนุภาคต่ำกว่า 10 ไมครอน ค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, โอโซน ค่ามาตรฐาน 0.10 ppmต่อ 1 ชั่วโมง, คาร์บอนไดออกไซด์ 5,000 ppm, คาร์บอนมอนอกไซด์ ค่ามาตรฐาน 30 ppm ต่อ 1 ชั่วโมง และไนตริกออกไซด์ 0.17 ppmต่อ 1 ชั่วโมง
"ผลปรากฏว่า ทั้ง 5 ตัวไม่พบค่าเกินมาตรฐาน แต่ในส่วนของฝุ่นที่มีอนุภาคต่ำกว่า 10 ไมครอน พบ 80-90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ประชาชนที่มีสุขภาพแข็งแรงพอที่จะอยู่อาศัยในบ้านที่ปิดมิดชิดได้หากมีความจำเป็น แต่เนื่องจากสภาพอากาศภายนอกบ้านยังมีฝุ่นควันและมีกลิ่นสูง ดังนั้น หากมีอาการไม่สบายตัวควรย้ายออกจากบ้าน"
นายแพทย์พิบูล กล่าวว่า มี 4 กลุ่มเสี่ยงไม่ควรอยู่ในพื้นที่ที่มีควัน ควรย้ายออกจากพื้นที่ ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์ต่ำกว่า 3 เดือน เนื่องจากควันพิษสามารถผ่านรกและสายสะดือไปสู่เด็กได้ อาจทำให้เด็กมีความผิดปกติหรือเสียชีวิต 2.เด็กแรกเกิด ซึ่งปอดจะสามารถดูดซึมสารเคมีได้ดีกว่าผู้ใหญ่ อาจดูดซึมเข้ากระแสเลือด รวมทั้ง ระบบทางเดินหายใจยังเจริญเติบโตไม่สมบูรณ์ 3.ผู้สูงอายุ หัวใจจะทำงานหนัก และ 4.ผู้ป่วยโรคหอบหืด ถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจ จะมีความไวต่อมลพิษในอากาศมากกว่ากลุ่มอื่น อาการอาจรุนแรง
พบผู้ป่วย15รายไม่มีอาการรุนแรง
นายแพทย์นำพล แดนพิพัฒน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะผู้บัญชาการวอร์รูม สธ.จังหวัดกรณีไฟไหม้บ่อขยะ กล่าวว่า สธ.จะดำเนินการใน 3 ประเด็น คือ 1.จัดบริการทางการแพทย์ โดยโรงพยาบาลสมุทรปราการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ที่อบต.แพรกษาและวัดแพรกษา รวมถึงให้บริการสถานพยาบาลสังกัดสธ. ซึ่งในวันที่ 18 มี.ค. พบประชาชนมาเข้ารับบริการ 15 รายที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) แพรกษา ด้วยอาการแสบตา แสบจมูก แสบคอ ไม่มีอาการรุนแรง
2.การเฝ้าระวัง แบ่งกลุ่มเฝ้าระวังเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มสัมผัสมาก เช่น นักผจญเพลิง และประชาชนที่อยู่ห่างจากบ่อขยะ 200 เมตรจะมีการตรวจร่างกาย เอกซเรย์ เจาะเลือดและประเมินว่าจำเป็นต้องตรวจสารก่อมะเร็งหรือไม่ กลุ่มสัมผัสปานกลางและกลุ่มสัมผัสน้อย และ 3.การให้ความรู้และการป้องกัน มีการแจกหน้ากากอนามัยตามปริมาณการสัมผัสฝุ่นควันและออกรณรงค์ให้ความรู้
วอร์รูมได้จัดโซนนิ่งเพื่อวางมาตรการในพื้นที่ แบ่งเป็น 3 โซน โดยการใช้ค่าที่มีการตรวจปริมาณสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์เป็นเกณฑ์ ได้แก่ โซนสีแดง มีปริมาณสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ มากกว่า 5 ppm ระยะห่างจากบ่อขยะ 300-500 เมตร ต้องย้ายออกจากพื้นที่ โซนสีเหลือง ปริมาณสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ 2-5 ppm ระยะ 1 กิโลเมตรจากบ่อขยะ แนะนำให้กลุ่มเสี่ยงหญิงท้อง เด็กแรกเกิด ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด ถุงลมโป่งพอง หัวใจ ควรย้ายออกจากพื้นที่ และโซนสีเขียว ระยะห่างจากบ่อขยะมากกว่า 1 กิโลเมตร พิจารณาตามความเหมาะสม
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต