สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

รสนาแนะชินวัตร-เพื่อไทยระดมเงินช่วยชาวนา

จาก โพสต์ทูเดย์

"รสนา"แนะบริษัทในเครือชินวัตรกับพรรคพท.ตั้งกองทุนระดมเงินไปรับจำนำใบประทวนชาวนาแทนฝากเงินกับออมสิน

น.ส.รสนา โตสิตระกูล สว.กทม.โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก รสนา โตสิตระกูล แนะนำให้บริษัทในตระกูลชินวัตร ตั้งกองทุนเฉพาะกิจระดมทุนจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย และญาติมิตรคนในตระกูลชินวัตร แทนที่จะเอาเงินไปฝากธนาคารออมสิน เพื่อไปปล่อยกู้ช่วยชาวนา ตั้งเป็นกองทุนเพื่อรับจำนำใบประทวนของชาวนาแทน เพราะแต่ละบริษัทมักมีการจดวัตถุประสงค์ไว้อย่างกว้างขวาง เพื่อให้บริษัทสามารถทำกิจการอื่นๆเช่นการให้กู้ หรือรับจำนำ จำนอง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 

วันนี้ ( 18ก.พ 2557 ) มีข่าวว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้พิพากษา นายโภคิน พลกุล อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีตรองประธานศาลปกครองสูงสุด ได้พาสมาชิกพรรคเพื่อไทยนำเงินไปฝากธนาคารออมสิน โดยให้สัมภาษณ์ว่าได้ประชุมพรรควันนี้ และขอให้สมาชิกพรรคช่วยกันเอาเงินไปฝากธนาคารออมสิน และช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนเอาเงินไปฝาก เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ธนาคารออมสิน เพื่อให้ธกส.กู้ไปช่วยชาวนา โดยหวังว่าจะเป็นส่วนที่ทดแทนเงินที่ธนาคารออมสินถูกลูกค้าถอนออกไป ซึ่งสอดคล้องกับที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวว่ามีการใช้เกมการเมืองเพื่อล้มรัฐบาล โดยใช้วิธีขัดขวางการจ่ายเงินให้ชาวนาของรัฐบาล ด้วยการไปถอนเงินจากธนาคารออมสิน

การที่ทางธนาคารออมสินประกาศยุติการให้กู้แก่ธกส. เพราะยอมรับว่าเป็นการให้กู้ที่ผิดระเบียบ ผิดวัตถุประสงค์เพราะธกส.ออกมายอมรับว่าธกส.ไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง แต่ถ้าจะนำเงินไปจ่ายให้ชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว รัฐบาลต้องเป็นผู้จัดหาแหล่งเงินกู้ให้ ดังนั้นการให้ธนาคารออมสินปล่อยเงินกู้ให้ธกส.เพื่อไปจ่ายชาวนา จึงเป็นเรื่องที่มีการตกลงกันมาก่อน และเป็นการจงใจใช้ช่องทางอินเตอร์แบงค์อย่างบิดเบือน แต่นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารออมสินกลับทำเป็นไม่รับรู้ว่าธกส.จะนำเงินไปใช้ทำอะไร ทั้งที่อาจส่อว่าเป็นการทำธุรกรรมอำพราง แต่เมื่อธกส.ยอมรับว่าตัวเองไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง แต่การกู้เงินผ่านช่องทางอินเตอร์แบงค์ ก็เพื่อนำเงินกู้นี้ไปจ่ายให้ชาวนาในโครงการรับจำนำข้าวโดยกระทรวงการคลังเป็นผู้จัดหาให้ การออกมายอมรับของธกส.ดังกล่าวจึงทำให้ธนาคารออมสินต้องยุติการให้ธกส.กู้ เพราะมีการแจ้งเหตุผลในการกู้ที่ไม่ตรงกัน และจะต้องทวงเงินกู้ 5,000ล้านคืนจากธกส.

การที่ทั้งอดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นนักกฎหมายทั้งคู่ สมควรรู้ว่าวัตถุประสงค์ของอินเตอร์แบงค์เป็นการกู้ระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่อง หรือเรียกว่า Call loan เป็นเงินกู้ที่ผู้ให้กู้สามารถเรียกคืนได้ตลอดเวลา ต่างจากเงินกู้ระยะยาวที่มีกำหนดเวลา และวัตถุประสงค์เฉพาะแบบTerm loan การนำเงินกู้ระยะสั้นมาปล่อยกู้ระยะยาวจะนำหายนภัยมาสู่ระบบของธนาคาร เหมือนที่เราเคยมีประสบการณ์จากวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี2540 ที่มีการนำเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากต่างประเทศมาปล่อยกู้ระยะยาวในประเทศ เมื่อเจ้าของเงินทวงคืนจึงทำให้สถาบันการเงิน58แห่งถึงกับล้มเพราะไม่มีเงินคืน กลายเป็นวิกฤติเศรษฐกิจที่กระทบต่อประเทศไทยเป็นเวลายาวนาน แต่ก็มีนักการเมืองเห็นแก่ตัวที่ได้ประโยชน์จากการวิกฤติของบ้านเมืองด้วยการฟันค่าเงินบาทเพราะรู้ข้อมูลวงในว่ารัฐบาลสมัยนั้นจะมีการลดค่าเงินบาท นักการเมืองกลุ่มนั้นจึงร่ำรวยขึ้นบนความหายนะของประเทศ

วิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนั้นกระทบต่อคนส่วนบนของประเทศ ฐานชนบทยังไม่ถูกกระทบมาก ยังสามารถเป็นหมอนรองรับญาติพี่น้องที่ถูกกระทบจากการตกงานในเมืองได้ แต่โครงการรับจำนำข้าวได้ทำลายฐานชนบทคือชาวนา และระบบธุรกิจข้าวทั้งระบบ ส่งผลกระทบลงรากลึกไปถึงภาคชนบท ก่อหนี้ให้ชาวนาจนทำให้ชาวนาฆ่าตัวตายไปถึง 11 คนแล้วในขณะนี้ เพราะไม่มีทางออกในการแก้ปัญหาหนี้สิน ซึ่งเป็นปัญหาจากการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพ และการคอร์รัปชันอย่างมโหฬาร ใช้เงินภาษีของประชาชนในโครงการรับจำนำหมดไป 700,000ล้านบาท แต่ไม่สามารถหมุนเวียนเงินจากการขายข้าวมาจ่ายหนี้ชาวนา

นอกจากทำลายระบบการผลิตข้าว และธุรกิจข้าวทั้งระบบของประเทศอย่างย่อยยับแล้ว นางสาวยิ่งลักษณ์นอกจากไม่สำนึกแล้วยังโยนความผิดให้คนอื่น ดังที่กล่าวในการแถลงการณ์วันนี้ว่า โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จ ชาวนาพอใจ แต่ที่เกิดปัญหาเพราะมีคนที่ต้องการล้มรัฐบาล โดยเอาชาวนาเป็นตัวประกัน ไม่ยอมให้ธนาคารออมสินปล่อยกู้ให้ธกส. เพื่อมาช่วยชาวนา

การล้วงเงินจากธนาคารออมสินด้วยวิธีผิดๆ เพียงเพื่อแก้ปัญหาทางการเมืองของรัฐบาล แต่จะเป็นการทำลายระบบของธนาคารรัฐ ทั้งออมสิน และ ธกส. เพราะธกส. นั้นเปรียบไปก็เป็นเพียงแคชเชียร์ของรัฐบาล มีหน้าที่จ่ายเงินตามโครงการของรัฐบาล ซึ่งการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลจากการกู้เป็นภาระต่อหนี้สาธารณะของประเทศ และเป็นภาระของประชาชนทุกคน การให้ธกส.กู้เงินจากออมสินมาจ่ายชาวนา โดยไม่มีมติครม. เพื่อเป็นหลักประกันให้กับธกส.ว่าการกู้ของธกส. จะเป็นหนี้สาธารณะที่รัฐบาลค้ำประกัน หากธกส.ทำไปก็จะมีความผิด และความเสียหายนั้น ธกส.ต้องรับไปเต็มๆ เพราะเป็นการกู้ที่สำนักบริหารหนี้สาธารณะไม่รับรู้เป็นหนี้สาธารณะ เนื่องจากไม่มีการกำหนดเป็นโครงการที่มีมติครม. กำกับ รัฐบาลรักษาการก็ไม่สามารถมีมติครม. มากู้เพื่อจ่ายหนี้ชาวนาได้ เพราะขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 181(3) ที่ห้ามสร้างภาระผูกพันในระหว่างเป็นรัฐบาลรักษาการ และอาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา181(4)ซึ่งผิดกฎหมายเลือกตั้งได้

ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาทางการเมืองของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ จึงมีการวางแผนที่จะใช้ช่องทางการกู้ผ่านอินเตอร์แบงค์ โดยอ้างว่าเพื่อเสริมสภาพคล่อง แต่นำเงินกู้นั้นไปจ่ายชาวนา ทราบมาว่าจะมีการระดมเงินจากรัฐวิสาหกิจหลายแห่งที่ผู้บริหารถูกวางตัวไว้หมดแล้ว ซึ่งสามารถใช้มติคณะกรรมการอนุมัติเงินแห่งละ 30,000- 40,000ล้านบาทเอามาฝากธนาคารของรัฐ เพื่อเอาไปปล่อยกู้ผ่านช่องทางอินเตอร์แบงค์ และเอาไปใช้จ่ายในโครงการรับจำนำข้าว วิธีการเช่นนี้นอกจากเป็นการทำลายระบบธรรมาภิบาลของรัฐวิสาหกิจ และธนาคารของรัฐแล้ว ยังส่อว่าเป็นการจงใจหลีกเลี่ยงกฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายเลือกตั้งของรัฐบาลรักษาการ และพรรคที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง

การกระทำนี้หากสำเร็จ จะเป็นจุดเริ่มต้นของหายนภัยที่จะลามไปถึงรัฐวิสาหกิจ ธนาคาร และเงินฝากของประชาชน การถอนเงินของประชาชนจึงไม่ใช่เพราะคนไม่เห็นใจชาวนา หรือไม่ต้องการช่วยเหลือชาวนา การแก้ปัญหาให้ชาวนา ต้องแก้ไขด้วยวิธีที่ถูกต้อง ตรงไปตรงมา ไม่ใช่ใช้วิธีซิกแซกหลีกเลี่ยงกฎหมาย การใช้ชาวนามาเป็นข้ออ้าง มาเป็นตัวประกัน เพื่อเข้ามาล้วงถึงเงินฝากของประชาชน ซึ่งมีทั้งเงินออมของคนวัยเกษียณ และเงินออมจากกระปุกของเด็กๆ เป็นการลุกคืบของการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งได้ละลายภาษีของประชาชนไปถึง 700,000 ล้านบาทแล้ว โดยชาวนากลับไม่ได้รับเงินค่าข้าว ถ้ายอมปล่อยให้ลามมาถึงการล้วงเงินฝาก เงินออมของประชาชนทั้งประเทศ หากเกิดวิกฤติครั้งใหม่ ความเสียหายจะส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง และลงลึกไปถึงระดับรากฐาน ซึ่งร้ายแรงกว่าวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 อย่างแน่นอน

หากท่านนายกรักษาการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และอดีตประธานรัฐสภา นายโภคิน พลกุล รวมทั้งสมาชิกพรรคเพื่อไทยมีความต้องการช่วยเหลือชาวนาอย่างน้ำใสใจจริง ไม่ใช่แค่สร้างภาพ และเล่นเล่ห์เพทุบายเพื่อล้วงเงินจากทุกองคาพยพของประเทศ มีวิธีที่น่าจะทำได้คือใช้บริษัทในตระกูลชินวัตร ตั้งกองทุนเฉพาะกิจระดมทุนจากสมาชิกพรรค และญาติมิตรคนในตระกูลชินวัตรแทนที่จะเอาเงินไปฝากธนาคารออมสินเพื่อไปปล่อยกู้ช่วยชาวนา เอามาตั้งเป็นกองทุนเพื่อรับจำนำใบประทวนของชาวนาจะเป็นไปได้มากกว่า ซึ่งแต่ละบริษัทมักมีการจดวัตถุประสงค์ไว้อย่างกว้างขวางเพื่อให้บริษัทสามารถทำกิจการอื่นๆเช่นการให้กู้ หรือรับจำนำ จำนอง ด้วยวิธีนี้ก็จะเป็นแสดงความรับผิดชอบของนางสาวยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยที่ยืนยันว่าโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดของชาวนา เป็นโครงการที่ดี ไม่มีข้อผิดพลาด จะได้ใช้เงินของตัวเองมาช่วยชาวนาด้วยการรับจำนำใบประทวนจากชาวนา และวิธีนี้จะไม่ไปทำลายระบบขององคาพยพอื่นๆ ต่อเมื่อรัฐบาลรักษาการสามารถขายข้าวในสต๊อค ได้เงินมา ก็จะได้มานำเงินที่ขายข้าวได้มาแลกกับใบประทวนที่บริษัทของตระกูลชินวัตรรับจำนำไว้ วิธีการนี้จะได้เป็นการกระตุ้นประสิทธิภาพในการขายข้าวในสต๊อคของรัฐเสียที

รสนา โตสิตระกูล
สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพฯ
18 ก.พ 2557


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags :

view