จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
องค์การอาหารและยาหรือเอฟดีเอของสหรัฐ ประกาศห้ามการใช้ไขมันทรานส์สังเคราะห์ในอาหารแปรรูป
องค์การอาหารและยา หรือเอฟดีเอของสหรัฐ ประกาศห้ามการใช้ไขมันทรานส์สังเคราะห์ในอาหารแปรรูป ตั้งแต่คุกกี้ไปจนถึงพิซซาแช่แข็ง โดยอ้างว่าเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
เอฟดีเอแถลงว่า ไขมันแปรรูปโดยการเติมไฮโดรเจน หรือไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นแหล่งไขมันสำคัญ ปรากฏชัดว่าเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดเลว หากลดการใช้ไขมันทรานส์อาจป้องกันผู้ป่วยโรคหัวใจจากอาการหัวใจวายได้ปีละ 20,000 คน และป้องกันการเสียชีวิตปีละ 7,000 คน
คณะกรรมาธิการเอฟดีเอ "นางมาร์กาเร็ต ฮัมบูร์ก" กล่าวว่า ขณะที่การบริโภคไขมันทรานส์สังเคราะห์ลดลงในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แต่ปริมาณการบริโภคในปัจจุบันยังคงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
ข้อเสนอของเอฟดีเอไม่ใช่ความพยายามครั้งแรกในการห้ามใช้ไขมันทรานส์ โดยเมืองนิวยอร์กได้ห้ามใช้ไขมันทรานส์ในร้านอาหาร รวมทั้งอาหารทอด และเครือร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดรวมถึงแม็คโดนัลด์ ก็เลิกใช้ไขมันทรานส์แล้ว
ขณะที่ประเทศยุโรปบางประเทศเดินหน้าในเรื่องนี้เช่นกัน โดยเดนมาร์ก สวิตเซอร์แลนด์ และไอซ์แลนด์ ควบคุมการขายอาหารหลายชนิดที่มีไขมันทรานส์
เอฟดีเอระบุว่าผลิตภัณฑ์ที่ยังคงใช้ไขมันทรานส์มีทั้ง ขนมปังกรอบหลากชนิด แป้งโดห์แช่เย็น ครีมผสมกาแฟ น้ำตาลไอซิ่งพร้อมใช้ และอื่น ๆ
สมาคมผู้ผลิตสินค้าอาหารสำเร็จรูปรายงานว่า ผู้ผลิตอาหารสมัครใจลดปริมาณไขมันทรานส์ในสินค้าของตนลงกว่า 73% ตั้งแต่ปี 2548 บางส่วนเป็นอาหารที่ปรับสูตรใหม่ ขณะที่ปริมาณการบริโภคไขมันทรานส์ของชาวอเมริกันลดลงจากวันละ 4.6 กรัมในปี 2546 เป็น 1 กรัมในปี 2555
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต