สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

หม่อมอุ๋ยยื่นจม.เปิดผนึกขอนายกฯเลิกจำนำข้าว

หม่อมอุ๋ยยื่นจม.เปิดผนึกขอนายกฯเลิกจำนำข้าว

จาก โพสต์ทูเดย์

หม่อมอุ๋ยยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง นายกฯขอให้ยกเลิกรับจำนำข้าว แนะจ่ายประโยชน์ส่วนเพิ่มให้ชาวนาโดยตรงแทน ระบุ 2 ปีมีคนคอร์รัปชั่นหาประโยชน์ไปกว่า1.1แสนล้าน

เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลเพื่อขอให้ยกเลิกวิธีการรับจำนำข้าว และหันมาใช้วิธีจ่ายผลประโยชน์ส่วนเพิ่มให้ชาวนาโดยตรงแทน พร้อมระบุว่าการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา สร้างความสูญเสียทางงบประมาณไปแล้วไม่น้อยกว่า 425,000ล้านบาท แต่มีชาวนาได้รับผลประโยชน์ไปไม่ถึงครึ่งหนึ่ง แต่กลับมีผู้อื่นที่มิใช่ชาวใช้ช่องโหว่ทำการคอร์รัปชั่นหาประโยชน์ไป มากกว่า 110,000 ล้านบาท

สำหรับเนื้อหาของจดหมายเปิดผนึกมีดังนี้ 

ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ผมได้ติดตามความคืบหน้าของโครงการรับจำนำข้าวในราคาสูงด้วยความวิตกว่าจะ เกิดผลสูญเสียต่องบประมาณของประเทศชาติเป็นจำนวนมาก และจะมีการคอร์รัปชั่นกันมากมาย จากการรวบรวมข้อมูล ที่หน่วยราชการประกาศออกมา จากข้อมูลในวงการค้าของเอกชน และจากการสำรวจข้อมูลจากชาวนาเพิ่มเติม สามารถสรุปผลของการรับจำนำข้าวใน 2 ปีที่ผ่านมาได้ดังนี้

 

 

2554/55

2555/56

รวม

ปริมาณการรับจำนำ (ตัน

21,640,000

22,230,000

48,870,000

ปริมาณที่ช่วยเหลือประโยชน์ส่วนเพิ่ม (ตัน)

-

890,000

890,000

ผลสูญเสียจนถึงวันที่ขายข้าวหมด (ล้านบาท)

อย่างน้อย 205,000

อย่างน้อย 220,000

อย่างน้อย 425,000

ประโยชน์ส่วนเพิ่มที่ชาวนาได้รับ (ล้านบาท)

103,277

106,849

210,126

ประโยชน์ที่ตกถึงมือผู้อื่นที่มิใช่ชาวนา (ล้านบาท)

56,967

58,864

115,831

จำนวนครัวเรือนที่เข้าโครงการ

2,163,000*

2,108,000*

 

จำนวนครัวเรือนที่ไม่ได้รับเงินจากโครงการ

1,839,000

1,894,000

 


*นับครัวเรือนที่ทำทั้งนาปีและนาปรังเป็นเสมือน 2 ครัวเรือน

ข้อมูลที่ผมนำเสนอข้างต้นนี้ คิดจากพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่สามารถยืนยันได้โดยข้อมูลที่หน่วยงานของรัฐ มีอยู่ แม้แต่ผลการปิดบัญชีของคณะทำงานของรัฐก็สอดคล้องรองรับความถูกต้องของตัวเลข ผลสูญเสียที่กำลังเกิดขึ้น

เมื่อเริ่มโครงการนี้ในเดือนตุลาคม 2554 ท่านนายกฯคงมองไม่เห็นว่าจะเกิดผลสูญเสียต่องบประมาณของชาติมากมายขนาดนี้ เพียง2ปีสูยเสียไปแล้วไม่น้อยกว่า 425,000 ล้านบาท ในขณะที่ชาวนาได้รับผลประโยชน์ไปไม่ถึงครึ่งหนึ่ง แต่กลับมีผู้อื่นที่มิใช่ชาวนาใช้ช่องโหว่ทำการคอร์รัปชั่นหาประโยชน์เข้าตน เองไปมากกว่า 110,000 ล้านบาทในเวลา 2 ปี กาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถสกัดกั้นการหาประโยชน์ หรือคอร์รัปชั่นในโครงการนี้ได้เลย

เมื่อได้ทราบข้อเท็จจริงเช่นนี้แล้ว ถ่านท่านนายกฯ ยังเชื่อบุคคลที่อยู่รอบข้างยินยอมให้โครงการนี้ดำเนินต่อไปเป็นปี ที่3(2556/54)ก็เท่ากับว่าท่านกำลังปล่อยให้มีการบริหารงานแผ่นดินในลักษณะ ที่เกิดความเสียหายต่องบประมาณของชาติจำนวนสูงทั้งๆที่รู้แล้วว่าจะเสียหาย เช่นนั้น

ผมเข้าใจดีว่าท่านต้องการช่วยให้ชาวนามีรายได้สูงขึ้น ท่านก็น่าจะหาวิธีช่วยเหลือในลักษณะที่เกิดผลสูยเสียเงินของแผ่นดินไม่มากไป กว่าผลประโยชน์ส่วนที่ชาวนาจะได้รับเพิ่ม โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้อื่นเกาะหลังชาวนาหาประโยชน์ได้เลย และควรจะเป็นวิธีการที่กระจายประโยชน์ไปถึงชาวนาที่มีฐานะยากจนให้มากขึ้น อีกด้วย

นอกจากนี้เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายจากการเน่าเสียของข้าวก็ควร ใช้วิธีช่วยเหลือชาวนาในลักษณะที่มิได้ไปดึงดูดให้ข้าวมารวมกันอยู่ในมือของ รัฐบาล แต่ควีให้มีการค้าขายข้าวผ่านระบบการค้าของเอกชนที่ทำได้ดีอยู่แล้วโดยไม่ เกิดความเสียหายแก่รัฐแต่อย่างใดเลย

วิธีการช่วยเหลือที่จะให้เกิดผลดังกล่าวนั้น รัฐบาลของท่านได้เริ่มนำมาใช้แล้วในกรณีของยางพาราที่จ่ายเฉพาะส่วนเพิ่มที่ ต้องการให้ชาวสวนยางได้รับโดยตรง ไม่เปิดโอกาสให้ผู้อื่นหาประโยชน์ได้ และระบบการค้ายางก็ยังดำเนินไปตามปกติ ไม่ได้ดึงดูดยางเข้ามาอยู่ในมือของรัฐซึ่งจะเสี่ยงต่อการขาดทุนหรือ คอร์รัปชั่นในช่วงขายออก นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ก็ได้เริ่มใช้วิธีการเช่นเดียวกันนี้ ในการให้ความช่วยเหลือแก่ชาวนาสำหรับข้าวจำนวน 890,000 ตัน ซึ่งเป้นจำนวนสุดท้ายที่ให้ความช่วยเหลือในปีการผลิต 2555/56 นี้เอง โดยจ่ายเข้าบัญชีชาวนาโดยตรง เฉพาะผลประโยชน์ส่วนที่เพิ่มจำนวน 2,500 บาทต่อเกวียนเท่านั้นไม่ได้รับจำนำในราคา 15,000 บาท ต่อเกวียนแต่อย่างใด

ผมจึงใคร่ขอร้องท่านนายกรัฐมนตรีได้โปรดทบทวนในเรื่องนี้อย่างจริงจัง ยังไม่สายเกินไปที่จะยกเลิกวิธีการรับจำนำ แล้วหันมาใช้วิธีจ่ายผลประโยชน์ส่วนเพิ่มให้ชาวนาโดยตรงแทน โดยกำหนดยอกสูงสุดต่อครัวเรือน และตั้งกฎเกณฑ์ให้กระจาย


หม่อมอุ๋ย"ส่ง จ.ม.เปิดผนึกถึงปู"โครงการจำนำข้าว" "ธีระชัย"ชี้ ถึงเวลาทบทวน

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะทำงานโครงการเตรียมงานรำลึก 100 ปี ชาตกาล อ. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ร่วมกับองค์กรภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้จัดประชุมสัมมนาใหญ่ประจำปี 2556 หัวเรื่อง “มหากาพย์จำนำข้าว สู่มหกรรมกอบกู้สุจริต” โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการการะทรวงคลัง ได้กล่าวปาฐกถาหัวข้อ "จำนำข้าวเสียหายใหญ่หลวง ใครได้ประโยชน์"


ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีขอให้ปรับวิธีช่วยเหลือชาวนา โดยจ่ายเงินส่วนต่างจากราคาตลาดตันละ 2,500 บาท เข้าบัญชีของชาวนาโดยตรง เพราะโครงการรับจำนำข้าวตันละ 15,000 บาท เป็นโครงการที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมา ก่อน สาเหตุมาจากเมื่อรับจำนำเข้าแล้ว แต่ราคาข้าวในตลาดโลกกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นตามที่รัฐบาลตั้งใจ ประกอบกับมีข้าวออกมาปริมาณมาก ยิ่งกดดันให้ราคาตลาดยิ่งลดต่ำลงไปอีก


ขณะเดียวกันมีกลุ่มคนที่คอยหาผลประโยชน์จากการระบายข้าว ส่งผลให้เกิดภาระขาดทุนมหาศาล ซึ่งตัวเลขขาดทุนที่คำนวณโดยคณะทำงานปิดบัญชีซึ่งตั้งขึ้นโดยรัฐบาลชุดนี้ พบว่าในฤดูกาลผลิต 2554/55 มีภาระขาดทุนสูงถึงกว่า 2 แสนล้านบาท ไม่รวมข้าวในสต๊อกที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานแล้วว่า มีข้าวหายไปจากสต๊อกปริมาณกว่า 1 ล้านตัน แต่กลับยังไม่มีการดำเนินการใดๆ


"ไม่ทราบว่ารายงานเรื่องข้าวหายไปค้างอยู่บนโต๊ะใคร หากคำนวณรวมความเสียหายจากการเล่นแร่แปรธาตุของกลุ่มที่คอยหาผลประโยชน์ มูลค่าความเสียหายในโครงการจำนำข้าวตลอด 2 ปีการผลิต 2554/55 และ 2555/56 จะสูงถึง 4.25 แสนล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ชาวนาได้รับประโยชน์เพียง 2.1 แสนล้านบาท ที่เหลือไปตกอยู่ในกลุ่มผลประโยชน์" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว

 

ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า เพื่อหยุดความเสียหายให้มากไปกว่านี้ จึงทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ แต่หากนายกฯยังนิ่งเฉยเท่ากับว่ายังเชื่อบุคคลที่อยู่รอบข้าง  ยินยอมให้โครงการดำเนินต่อไปเป็นปีที่ 3 ปล่อยให้มีการบริหารงานที่เสียหายต่องบประมาณแผ่นดินจำนวนสูงทั้งที่รู้อยู่ แล้วว่ามีความเสียหายเกิดขึ้น


นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลถึงเวลาที่ควรมีการทบทวน เนื่องจากที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ารัฐบาลไม่สามารถจัดการกับความเสี่ยงได้ โดยเฉพาะการทุจริต และการดูแลรักษาข้าวในสต๊อก รวมทั้งการนำข้าวที่รับจำนำมารวมไว้ที่จุดศูนย์กลางยังยากต่อการบริหาร จัดการ และใช้งบประมาณจำนวนมาก


ซึ่งอาจกระทบต่อฐานะทางการคลังในอนาคตด้วย ส่วนตัวมองว่าแนวทางที่เหมาะสมต่อการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน นั้นควรนำแนวคิดของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรมาใช้ โดยใช้รูปแบบในการจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรโดยตรงผ่านบัญชีของธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แทนการรับจำนำข้าวที่ดำเนินการอยู่ ซึ่งจะช่วยลดภาระงบประมาณของภาครัฐ โดยไม่กระทบต่อฐานะการคลังในอนาคตด้วย อีกทั้งการซื้อขายข้าวจะเป็นไปตามกลไกตลาด


หม่อมอุ๋ย” แฉหลักฐานเจ๊งจำนำข้าว 2 ปี 4.25 แสนล้าน พร้อมจี้นายกฯ ยกเลิกโครงการ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

“ม.ร.ว.ปรีดิยาธร” แฉหลักฐานรัฐเจ๊งจำนำข้าว 2 ปี 4.25 แสนล้าน เผยที่ผ่านมาระยะเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า รัฐบาลไม่สามารถควบคุมและแก้ไขปัญหาการทุจริตได้ แนะจ่ายประโยชน์ส่วนเพิ่มให้ชาวนาโดยตรงแทน ระบุ 2 ปี มีคนคอร์รัปชันหาประโยชน์ไปกว่า 1.1 แสนล้าน พร้อมฝาก จม.เปิดผนึกไปถึงนายกฯ ให้ทบทวนโครงการฯ เพราะจะเกิดความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดินจำนวนมหาศาล “อัมมาร” อัดโครงการทำราคาข้าวในตลาดโลกตกต่ำ
             ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวกับสื่อมวลชน ภายหลังได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ยกเลิกวิธีการรับจำนำข้าว โดยระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ในปี 2554/2555 และปี 2555/2556 ที่มีการรับจำนำรวมกว่า 48 ล้านตันนั้น ทำให้รัฐบาลขาดทุนอย่างต่ำอยู่ที่ 425,000 ล้านบาท
       
       “การดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา สร้างความสูญเสียทางงบประมาณไปแล้วไม่น้อยกว่า 425,000 ล้านบาท แต่มีชาวนาได้รับผลประโยชน์ไปไม่ถึงครึ่งหนึ่ง แต่กลับมีผู้อื่นที่มิใช่ชาวนาใช้ช่องโหว่ทำการคอร์รัปชันหาประโยชน์ไป มากกว่า 110,000 ล้านบาท”
       
       ม.ร.ว.ปรีดียาธร ยังได้กล่าวเสริมว่า โครงการนี้เกษตรกรได้รับผลประโยชน์เพียง 21,0126 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่ผลประโยชน์ตกอยู่กับผู้ที่ไม่ใช่เกษตรกรอีกกว่า 115,831 ล้านบาท รวมถึงยังไม่ได้มีการรวมรายงานเกี่ยวกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีการรายงานว่า ข้าวหายไปจากสต๊อกอีกกว่า 1,000,000 ตัน
       
       อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาระยะเวลาได้พิสูจน์แล้วว่ารัฐบาลไม่สามารถควบคุม และแก้ไขปัญหาการทุจริตได้ จึงอยากฝากจดหมายเปิดผนึกไปยังนายกรัฐมนตรี ให้มีการทบทวนโครงการรับจำนำ เพราะจะเกิดความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดินเป็นจำนวนมาก และให้รัฐบาลหันไปใช้การจ่ายประโยชน์ส่วนเพิ่มให้ชาวนาแทน ซึ่งเคยใช้ในการแก้ไขปัญหายางพาราตกต่ำมาแล้ว ก่อนหน้านี้
       
       สำหรับเนื้อหาของจดหมายเปิดผนึกมีดังนี้
       
       ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ผมได้ติดตามความคืบหน้าของโครงการรับจำนำข้าวในราคาสูงด้วยความวิตกว่าจะ เกิดผลสูญเสียต่องบประมาณของประเทศชาติเป็นจำนวนมาก และจะมีการคอร์รัปชันกันมากมาย จากการรวบรวมข้อมูลที่หน่วยราชการประกาศออกมา จากข้อมูลในวงการค้าของเอกชน และจากการสำรวจข้อมูลจากชาวนาเพิ่มเติม สามารถสรุปผลของการรับจำนำข้าวใน 2 ปีที่ผ่านมาได้ดังนี้
       
       ข้อมูลที่ผมนำเสนอข้างต้นนี้ คิดจากพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่สามารถยืนยันได้โดยข้อมูลที่หน่วยงานของรัฐ มีอยู่ แม้แต่ผลการปิดบัญชีของคณะทำงานของรัฐก็สอดคล้องรองรับความถูกต้องของตัวเลข ผลสูญเสียที่กำลังเกิดขึ้น
       
       เมื่อเริ่มโครงการนี้ในเดือนตุลาคม 2554 ท่านนายกฯ คงมองไม่เห็นว่าจะเกิดผลสูญเสียต่องบประมาณของชาติมากมายขนาดนี้ เพียง 2 ปีสูญเสียไปแล้วไม่น้อยกว่า 425,000 ล้านบาท ในขณะที่ชาวนาได้รับผลประโยชน์ไปไม่ถึงครึ่งหนึ่ง แต่กลับมีผู้อื่นที่มิใช่ชาวนาใช้ช่องโหว่ทำการคอร์รัปชันหาประโยชน์เข้าตน เองไปมากกว่า 110,000 ล้านบาท ในเวลา 2 ปี กาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถสกัดกั้นการหาประโยชน์ หรือคอร์รัปชันในโครงการนี้ได้เลย
       
       เมื่อได้ทราบข้อเท็จจริงเช่นนี้แล้ว ถ่านท่านนายกฯ ยังเชื่อบุคคลที่อยู่รอบข้างยินยอมให้โครงการนี้ดำเนินต่อไปเป็นปีที่ 3 (2556/54) ก็เท่ากับว่าท่านกำลังปล่อยให้มีการบริหารงานแผ่นดินในลักษณะที่เกิดความ เสียหายต่องบประมาณของชาติจำนวนสูงทั้งๆ ที่รู้แล้วว่าจะเสียหายเช่นนั้น
       
       ผมเข้าใจดีว่าท่านต้องการช่วยให้ชาวนามีรายได้สูงขึ้น ท่านก็น่าจะหาวิธีช่วยเหลือในลักษณะที่เกิดผลสูยเสียเงินของแผ่นดินไม่มากไป กว่าผลประโยชน์ส่วนที่ชาวนาจะได้รับเพิ่ม โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้อื่นเกาะหลังชาวนาหาประโยชน์ได้เลย และควรจะเป็นวิธีการที่กระจายประโยชน์ไปถึงชาวนาที่มีฐานะยากจนให้มากขึ้น อีกด้วย
       
       นอกจากนี้ เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายจากการเน่าเสียของข้าวก็ควรใช้วิธีช่วย เหลือชาวนาในลักษณะที่มิได้ไปดึงดูดให้ข้าวมารวมกันอยู่ในมือของรัฐบาล แต่ควีให้มีการค้าขายข้าวผ่านระบบการค้าของเอกชนที่ทำได้ดีอยู่แล้วโดยไม่ เกิดความเสียหายแก่รัฐแต่อย่างใดเลย
       
       วิธีการช่วยเหลือที่จะให้เกิดผลดังกล่าวนั้น รัฐบาลของท่านได้เริ่มนำมาใช้แล้วในกรณีของยางพาราที่จ่ายเฉพาะส่วนเพิ่มที่ ต้องการให้ชาวสวนยางได้รับโดยตรง ไม่เปิดโอกาสให้ผู้อื่นหาประโยชน์ได้ และระบบการค้ายางก็ยังดำเนินไปตามปกติ ไม่ได้ดึงดูดยางเข้ามาอยู่ในมือของรัฐซึ่งจะเสี่ยงต่อการขาดทุน หรือคอร์รัปชันในช่วงขายออก
       
       นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ก็ได้เริ่มใช้วิธีการเช่นเดียวกันนี้ในการให้ความช่วยเหลือ แก่ชาวนาสำหรับข้าว จำนวน 890,000 ตัน ซึ่งเป้นจำนวนสุดท้ายที่ให้ความช่วยเหลือในปีการผลิต 2555/56 นี้เอง โดยจ่ายเข้าบัญชีชาวนาโดยตรง เฉพาะผลประโยชน์ส่วนที่เพิ่ม จำนวน 2,500 บาทต่อเกวียนเท่านั้นไม่ได้รับจำนำในราคา 15,000 บาท ต่อเกวียนแต่อย่างใด
       
       ดังนั้น ผมจึงใคร่ขอร้องท่านนายกรัฐมนตรี ได้โปรดทบทวนในเรื่องนี้อย่างจริงจัง ยังไม่สายเกินไปที่จะยกเลิกวิธีการรับจำนำ แล้วหันมาใช้วิธีจ่ายผลประโยชน์ส่วนเพิ่มให้ชาวนาโดยตรงแทน โดยกำหนดยอกสูงสุดต่อครัวเรือน และตั้งกฎเกณฑ์ให้กระจาย
       
       ด้านนายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาเกษตรกร มีราคาสินค้าเกษตรตกต่ำนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ยาก และโครงการรับจำนำของรัฐบาลก็แสดงให้เห็นว่า มีผลเสีย ถือเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก และนโยบายที่มีความฉาบฉวยนั้น จะเกิดความไม่ยั่งยืนเกิดขึ้น ประกอบด้วยในขณะนี้ ราคาตลาดโลกได้มีการปรับลดลง เนื่องจากตลาดรับรู้ว่าประเทศไทยมีการกักตุนสต๊อกข้าวอยู่เป็นจำนวนประมาณ กว่า 10-17 ล้านตัน ซึ่งทำให้ราคาตลาดโลกปรับตัวลดลง
       
       โดยในเรื่องนี้ รัฐบาลเป็นผู้ดำเนินโครงการรับจำนำจะต้องหาวิธีแก้ไขปัญดังกล่าวเอง ซึ่งเชื่อว่า หากในอนาคตยังคงมีการดำเนินโครงการรับจำนำอยู่ รัฐบาลจะไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากหนี้ของการรับจำนำจะมีเพิ่มขึ้น รวมไปถึงอนาคตตลาดโลกจะมีการระดมการซื้อข้าวจากคุณภาพ มากกว่าจำนวนตัน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสตรงนี้ออกไป


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags :

view