สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ปตท.เอามือปิดฟ้า! สั่งทนายขู่ ASTVผู้จัดการ ยุติเสนอข่าวผลกระทบน้ำมันรั่ว

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์



ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ปตท.รับความจริงไม่ได้ เป็นตัวปัญหา จากกรณีปล่อยน้ำมันรั่วลงทะเลกระทบสิ่งแวดล้อม สั่งสำนักงานกฏหมายออกหนังสือขู่เล่นงาน “ASTVผู้จัดการ” ทั้งอาญาและแพ่ง ให้ระงับการเผยแพร่ข่าว
       
       จากกรณีที่ “ASTVผู้จัดการ” ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดจากกรณีน้ำมันรั่วที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จ.ระยอง เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด กลุ่ม ปตท.มีหนังสือลงวันที่ 10 ตุลาคม 2556 มาถึงกองบรรณาธิการASTVผู้จัดการ โดย นายไตรรงค์ ตันทสุข ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก ปตท.สผ และ PTTEP AA
       
       นายไตรรงค์ ได้อ้างการนำเสนอข่าวของ ASTVผู้จัดการ ในช่วงที่ผ่านมานับตั้งแต่การเสนอข่าว 1. แฉสัมปทาน “ปตท.” ชนวนเด้ง รมต.พม่า 2. รัฐอุ้ม PTTGC หนีความผิด แบไต๋ส่อไม่ฟ้อง 3. สุดฉาว! เครือ ปตท.พัวพันสินบนสัมปทานปิโตรเลียมพม่า 4. 3 หมื่นชื่อจี้รัฐ ตั้ง กก.อิสระสอบ ติดตามน้ำมันปตท.รั่ว 5. ตามน้ำมันรั่ว ยื่น 3.2 หมื่นชื่อ 6. คราบน้ำมันที่ “เสม็ด” บทพิสูจน์ความสามารถ ในการจัดการสิ่งแวดล้อม
       โดยระบุว่า ตามที่ ASTVผู้จัดาการ ได้เผยแพร่ข่าวรัฐบาลออสเตรเลียได้เรียกร้องค่าเสียหายจาก บริษัท พีทีทีอีพี ออสตราเลเซีย เป็นจำนวนเงินกว่า 9 พันล้านบาท และค่าปรับเป็นจำนวนเงินถึง 8,946 ล้านบาท จากเหตุการณ์น้ำมันรั่วที่มอนทาราโดยปริมาณน้ำมันรั่วถึง 34 ล้านลิตร จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศทางทะเลของประเทศอินโดนีเซีย แต่กลับปฏิเสธความรับผิดชอบจากผลกระทบที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้สินบนในลักษณะให้เงินสนับสนุนผลงานทาง วิชาการแก่นักวิชาการและเจ้าหน้าที่ของประเทศอินโดนีเซีย และเจ้าหน้าที่ของประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเป็นการปกปิดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว
       
       นอกจากนี้ ยังนำเสนอข่าวอีกว่า บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้สินบนรัฐมนตรีและข้าราชการของ ประเทศพม่า เพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาสัมปทานแหล่งน้ำมันและก๊าชธรรมชาติของประเทศพม่า ซึ่งต่อมา ปตท.สผ.ก็ได้มีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำนวนเงินค่าปรับที่ถูก ต้อง เป็นเงินจำนวนเพียง 510,000 เหรียญออสเตรเลียหรือ 15.3 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าปรับด้านความปลอดภัยไม่ใช่ค่าปรับด้านสิ่งแวดล้อม และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อหาติดสนบนนักวิชาการ และเจ้าหน้าที่ของประเทศอินโดนีเซีย ตลอดจน ปตท.สผ.ได้รับสัมปทานจากประเทศพม่าอย่างถูกต้องและตามกฎหมาย
       
       ดังนั้น การเสนอข่าวที่ 1-6 ดังกล่าวส่งผลทำให้บริษัท พีทีทีอีพี ออสตราเลเซีย และ ปตท.สผ.ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงที่ได้รับการดูถูก ดูหมิ่น และถูกเกลียดชังจากประชาชนผู้เข้าถึงข้อมูลดังกล่าว เขาในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก ปตท.สผ.และ PTTEP AA จึงขอให้ ASTVผู้จัดการ ระงับการเผยแพร่ข่าวที่อ้างถึง 1-6 และดำเนินการเผยแพร่ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องครบถ้วน ภายในกำหนด 7 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ และหากท่านเพิกเฉย เขามีความจำเป็นจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อ ASTVผู้จัดการ ทั้งทางแพ่ง และทางอาญาต่อไป


หมายเหตุผู้จัดการ : หยุดปตท.หยุดข่มขู่ปิดปาก บิดเบือนความจริง !!

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน

           จากกรณีที่กลุ่ม ปตท.ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายโดย นายไตรรงค์ ตันทสุข ทนายความได้รับมอบอำนาจจาก ปตท.สผ.และ PTTEP AA ได้ส่งหนังสือมาถึงกองบรรณาธิการ “ASTV ผู้จัดการ” ให้หยุดการเสนอข่าวที่อ้างว่าทำให้เครือ ปตท.เกิดความเสียหาย สร้างความดูถูก ดูหมิ่น และถูกเกลียดชังจากประชาชน ภายใน 7 วันนับตั้งแต่ได้รับหนังสือฉบับนี้ ไม่เช่นนั้นจะดำเนินการทางกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญาต่อไป
       
           โดยในหนังสือดังกล่าวลงวันที่ 10 ตุลาคม 2556 ยังได้แนบตัวอย่างข่าว 1. แฉสัมปทาน'ปตท.'ชนวนเด้ง รมต.พม่า 2. รัฐอุ้ม PTTGC หนีความผิด แบไต๋ส่อไม่ฟ้อง 3. สุดฉาว! เครือ ปตท.พัวพันสินบนสัมปทานปิโตรเลียมพม่า 4. 3 หมื่นชื่อจี้รัฐ ตั้ง กก.อิสระสอบ ติดตามน้ำมัน ปตท.รั่ว 5. ตามน้ำมันรั่ว ยื่น 3.2 หมื่นชื่อ 6.คราบน้ำมันที่ “เสม็ด” บทพิสูจน์ความสามารถ ในการจัดการสิ่งแวดล้อม มาด้วย
       
           ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากเป็นการข่มขู่ โดยเจตนาใช้มาตราการทางกฎหมายมาปิดปาก หรือให้หยุดการนำเสนอข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่สังคมยังไม่อาจได้รับรู้ ขณะเดียวกันยังส่อให้เห็นได้ว่านี่คือเจตนาของกลุ่ม ปตท.ที่ต้องการปิดบังความจริง ไม่ต้องการให้มีการนำเสนอข้อมูลที่เป็นเป็นลบ ทั้งที่ประกาศตัวว่าเป็นกลุ่มบริษัทที่มีธรรมาภิบาล ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ตลอดเวลา แต่จากความเคลื่อนไหวล่าสุดที่ปรากฏออกมากลับสวนทาง ตรงกันข้าม
       
           จากตัวอย่างที่เกิดขึ้นในเชิงประจักษ์กรณีเกิดผลกระทบจากน้ำมันรั่ว ที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ บริษัท PTTGC บริษัทในเครือของ ปตท.ผลปรากฏว่าจนบัดนี้ยังมีปัญหาในเรื่องของการเยียวยาผลกระทบให้กับชาว บ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการดำรงชีวิต ขาดรายได้ นี่ยังไม่นับผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมทั้งบนบกและในทะเล ซึ่งยังไม่มีการพิสูจน์อย่างแน่ชัดว่าเกิดความเสียหายจากคราบน้ำมันดังกล่าว และจากสารเคมีที่ใช้ในการขจัดคราบน้ำมันรวมทั้งต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูนาน เท่าใด เนื่องจากที่ผ่านมาดูเหมือนว่า “มีการปิดบังข้อมูล” รวมถึงไม่ได้รับความร่วมมือในการเผยแพร่ข้อมูลตามความเป็นจริง เพราะจนบัดนี้ยังมีความเคลื่อนไหวของชาวบ้านในบริเวณนั้น เช่น กลุ่มประมงพื้นบ้าน ก็ยังไม่ได้รับการเยียวยาความเสียหายอย่างทั่วถึง จนมีการเคลื่อนไหวร้องเรียนอยู่เป็นระยะ
       
           ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจาก ข่าว 1-6 ที่ “กลุ่มปตท.”อ้างว่าได้รับผลกระทบ และส่งหนังสือเตือนให้ “ASTV ผู้จัดการ” หยุดการเสนอข่าว รวมทั้งให้ทบทวนการนำเสนอข่าวภายใน 7 วันนั้น ทั้งหมดล้วนเป็นการ “รายงานข่าวที่ปรากฏในสื่อต่างประเทศ” ที่เห็นถึงความ “ไม่ชอบมาพากล” ในการดำเนินการธุรกิจทั้งสิ้น ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อสงสัยของประชาชนคนไทยที่เริ่มสงสัยมากขึ้นทุกวันว่าแท้ จริงแล้ว กลุ่ม ปตท.มี “ธรรมาภิบาล” มีความโปร่งใส ตามที่อ้างจริงหรือไม่ หรือว่าเป็นเพียงบริษัทที่เป็นเครื่องมือของ “กลุ่มทุนสามานย์” ของกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม ที่ร่วมมือกัน “ขูดรีด” ทรัพยากรของคนไทย และกำลังขยายวงออกไปขูดรีดทรัพยาการด้านพลังงานของเพื่อนบ้านตามข่าวที่เกิด ขึ้นอยู่ตลอดเวลา ใช่หรือไม่
       
           สำหรับ “ASTV ผู้จัดการ” ขอยืนยันว่าไม่ได้หวั่นไหวกับคำขู่คุกคาม หรือหวั่นไหวกับวิธีการที่ใช้มาตรการทางกฎหมายมาปิดปาก โดยเรายืนยันว่าจะทำหน้าที่ขุดคุ้ยหาความจริง นำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่อย่างแน่วแน่ต่อไป และยืนยันว่าที่ผ่านมาเราได้นำเสนอข้อมูลอย่างถูกต้องครบถ้วนทุกด้าน ยึดหลักประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งหาก ปตท.ยังมีข้อมูลที่เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือ ต้องการชี้แจงเพิ่มเติมก็สามารถทำได้ตลอดเวลา แต่ขณะเดียวกัน กลุ่ม ปตท.ก็ต้องตระหนักด้วยว่า ตัวเองดำเนินธุรกิจที่เกิดผลกระทบกับชาวบ้าน ก็ต้องพร้อมให้เกิดการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ซึ่งวิธีการดังกล่าวที่กำลังดำเนินการอยู่นอกจากไม่ได้เกิดผลในทางบวกแล้ว ตรงกันข้ามยิ่งทำให้เห็นว่าสิ่งที่ ปตท.ได้ประกาศเจตนารมณ์นั้นแท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่การ “สร้างภาพบิดเบือน” เท่านั้น
       
           ที่สำคัญวิธีการข่มขู่ ปิดปากแบบนี้ใช้ไม่ได้ผลกับ “ASTV ผู้จัดการ” เป็นอันขาด !!


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags :

view