สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เปิดไฮไลต์ 4 โครงการงานวิจัย เล็งปลูกข้าวชั้นยอดได้ทุกฤดู

จากประชาชาติธุรกิจ

เมื่อ เร็ว ๆ นี้คณะผู้บริหารสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. นำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมโครงการวิจัยด้านการเกษตรในจังหวัดเชียงใหม่ โดยโครงการและผลงานวิจัยที่ สวก.นำเยี่ยมชมในครั้งนี้เป็นโครงการและผลงานวิจัยที่มีศักยภาพสูง พร้อมที่จะเร่งผลักดันให้เกิดการนำผลงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ เพื่อช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมทั้งในระดับชุมชนท้องถิ่นและระดับประเทศต่อ ไป ทั้งนี้การจัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจรเพื่อเยี่ยมชมโครงการวิจัยของ สวก.ได้มีการดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นประจำทุกปี โดยครั้งนี้ สวก.ได้ร่วมกับ 2 มหาวิทยาลัยชื่อดัง ได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีโครงการวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนและพัฒนางานวิจัย จาก สวก.หลากหลายโครงการ

รองศาสตราจารย์ ดร.พีรเดช ทองอำไพ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร กล่าวถึงพันธกิจหลักของ สวก.ที่สนับสนุนกระบวนการสร้างความรู้ สร้างนักวิจัย และสร้างระบบวิจัย เพื่อตอบคำถามและเสนอทางเลือกให้สังคม ซึ่งครอบคลุมทั้งในระบบเศรษฐกิจภาคดั้งเดิมและสมัยใหม่ โดยใช้การบริหารงานวิจัยที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพเป็นเครื่องมือสำคัญ เพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศ เพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนา ประเทศ เพื่อให้เกิดการนำผลงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการ ผลิตในภาคอุตสาหกรรมการเกษตร การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม สร้างความเข้มแข็งของท้องถิ่นด้วยกระบวนการมีส่วนร่วม ตลอดจนสร้างกลไกการเชื่อมต่อระหว่างผลงานวิจัยและนักวิจัยกับผู้ใช้ประโยชน์ ทุกภาคส่วน คือ ผู้ประกอบการ ภาครัฐ และชุมชน รวมถึงการสร้าง "นักวิจัยอาชีพ" ที่มีความสามารถสูงและสามารถสร้างผลงานให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล 

"สำหรับ 4 โครงการวิจัยโดดเด่นในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ สวก.นำคณะสื่อมวลชนสัญจรไปเยี่ยมชมในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก สวก.ได้รับงบประมาณวิจัยเพิ่มเติมที่เกิดจากความร่วมมือกับเครือข่าย องค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ หรือ คอบช. ซึ่งประกอบด้วย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ 

(สวทน.) และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อสนับสนุนงานวิจัยที่เรียกว่า "งานวิจัยบูรณาการแบบมุ่งเป้า" ซึ่งในปีงบประมาณ 2555 ที่ผ่านมานั้น แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มเรื่อง ได้แก่ 1.ข้าว 2.มันสำปะหลัง 3.ยางพารา 4.โลจิสติกส์ 5.ท่องเที่ยว โดยในส่วนของ สวก.ที่ได้รับมอบหมายให้บริหารจัดการในกลุ่มเรื่องข้าว ในปี 2555 สวก.ได้บริหารเงินทุนจำนวน 228 ล้านบาท อนุมัติให้ทุนสนับสนุนโครงการวิจัยจำนวน 60 โครงการ ต่อเนื่องในปี 2556 สวก.ได้บริหารเงินทุนจำนวน 190 ล้านบาท อนุมัติให้ทุนสนับสนุนโครงการวิจัยจำนวน 67 โครงการ ซึ่งครอบคลุมยุทธศาสตร์งานวิจัยข้าวแห่งชาติ 5 ด้าน คือ 

1.ด้าน พัฒนาพันธุ์ข้าว สืบเนื่องมาจากภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของโลก ทำให้ต้องพัฒนาพันธุ์ข้าวเพื่อให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป 

2.พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตข้าว เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต 

3.เทคโนโลยีการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งศัตรูหลังการเก็บเกี่ยวที่สำคัญก็คือ มอดข้าวสาร 

4.เทคโนโลยี การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า โดยการแปรรูปข้าวเพื่อทำเป็นเครื่องสำอาง ยา หรืออาหารเสริมสุขภาพ เพื่อรองรับแนวโน้มของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยจะมีผู้สูงอายุมากขึ้น และพฤติกรรมการบริโภคที่นิยมอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น 

5.ด้านเศรษฐกิจและการตลาดข้าว ซึ่งเป็นงานวิจัยด้านสังคม

สำหรับโครงการโดดเด่นที่เป็นไฮไลต์สำคัญในกลุ่มเรื่องข้าวและลำไย ที่ได้นำสื่อมวลชนไปเยี่ยมชมในครั้งนี้ประกอบด้วย 

ข้าวไทยไร้สารพิษ

การ ส่งออกข้าวซึ่งนับเป็นอุตสาหกรรมภาคการเกษตรหลักที่สร้างรายได้เข้าประเทศ อย่างมหาศาล แต่ปัจจุบันพบว่าปัญหาใหญ่ของข้าวสารไทยคือมีสารพิษเจือปนจากการที่ใช้ยาฆ่า มอด เพราะยังไม่มีทางเลือกอื่นในการจำกัด ด้วยความต้องการเก็บรักษาคุณภาพข้าวให้คงทนและยาวนาน ทำให้ประเทศคู่ค้าไม่ต้องการและยังห้ามไม่ให้มีการรมสารเคมีในข้าว ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จึงได้พัฒนา "เครื่องต้นแบบฆ่ามอด" โดยอาศัยหลักการสั่นสะเทือนของโมเลกุลในวัตถุที่เราต้องการด้วยความถี่ของ คลื่นที่เหมาะสมต่อการสั่นสะเทือนโมเลกุลในตัวของมอดข้าว เพื่อก่อให้เกิดความร้อนอย่างรวดเร็วกว่าโมเลกุลเมล็ดข้าว ซึ่งเป็นสาเหตุทําให้มอดข้าวตายก่อนที่เมล็ดข้าวจะเกิดความร้อน เป็นเครื่องต้นแบบในการจำกัดด้วงงวงข้าวที่ไม่ทำความเสียหายให้แก่ข้าวสาร และสามารถใช้ได้จริงในระดับอุตสาหกรรม สามารถทดแทนสารเคมีที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ และผู้บริโภคปลอดภัย สำหรับคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency Heating) มีลักษณะคล้ายกับคลื่นไมโครเวฟ แต่ต่างกันที่ความถี่ของคลื่น และคลื่นวิทยุไม่เป็นอันตรายเพราะอำนาจทะลุทะลวงที่ต่ำกว่า อีกทั้งสามารถสร้างความร้อนได้ ทำให้ตัวมอดและไข่มอดตาย แต่สำหรับข้าวถ้าใช้ความถี่ที่เหมาะสม ก็จะไม่ร้อนขึ้นและไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของข้าวสารตามมาตรฐานการส่งออก

ซุ่มวิจัยข้าวปลูกได้ทุกฤดู 

ข้าว สายพันธุ์ กข15 ขาวดอกมะลิ 105 และสังข์หยดพัทลุง มีรสชาติอร่อยและเป็นที่นิยมมาก ซึ่งข้าว กข15 อยู่ในระดับท็อปฮิตที่เกษตรกรนิยมปลูกกันมากในภาคเหนือ ส่วนข้าวขาวดอกมะลิ 105 ทุ่งกุลา ผลิตได้เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอขาย และข้าวสังข์หยดพัทลุง ข้าวเฉพาะถิ่นของเมืองพัทลุง เป็นข้าวที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI มาแล้ว จากสถิติของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรพบว่าในปี 2552 ประเทศไทยมีการส่งออกข้าวทั้งหมด 8,619,871 ตัน คิดเป็นมูลค่าส่งออก 172,207.7 ล้านบาท โดยข้าวหอมมะลิมีปริมาณการส่งออก 2,631,133 ตัน คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 39.82% จากมูลค่าการส่งออกข้าวทั้งหมด ถ้าไม่มีการปรับปรุงพันธุ์ให้ข้าวขาว

ดอกมะลิ 105 และ กข15 ให้ปลูกได้ทุกฤดูก็จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากกับข้าวคุณภาพของประเทศ ไทย ซึ่งปัญหาสำคัญของข้าว 3 สายพันธุ์นี้คือสามารถปลูกได้ฤดูหนาวเพียงฤดูเดียวเท่านั้น เนื่องจากเป็นข้าวที่ไวแสง กอปรกับภาวะอากาศทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้เกิดความแปรปรวนของฤดูกาลต่าง ๆ ที่ส่งผล

กระทบต่อผลผลิตด้านการเกษตรอย่างมาก กรมการข้าวซึ่งเห็นความสำคัญในเรื่องของการพัฒนาพันธุ์เพื่อให้มีความเหมาะ สมและเป็นประโยชน์ให้เกษตรกร จึงร่วมกับทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการคัดเลือกยีนและการปรับปรุงพันธุ์ ได้ร่วมกันพัฒนาปรับปรุงพันธุ์จนได้ข้าว 3 พันธุ์นี้ให้มีจุดเด่น คือ ต้นเตี้ยไม่ไวแสง มีอายุเก็บเกี่ยวลดลงเหลือเพียง 100 วัน และสามารถปลูกได้มากกว่า 1 ครั้งต่อปี หรือได้ทุกฤดูกาล ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการปรับปรุงพันธุ์อยู่ จึงยังไม่มีการแจกเมล็ดพันธุ์ใด ๆ คาดว่าจะเสร็จภายในระยะเวลาอันใกล้นี้ 

โยเกิร์ตป้องกันมะเร็ง 

คน ไทยมักทานโยเกิร์ตเพื่อช่วยแก้ปัญหาท้องผูกเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ต่างประเทศนิยมทานโยเกิร์ตเพราะคิดว่าเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การนำข้าวก่ำ หมายถึงข้าวสีเข้ม อาจเป็นสีแดงหรือดำ สายพันธุ์พื้นเมืองของภาคเหนือที่มีคุณสมบัติในทางยาและอาหารสุขภาพ มาใช้ประโยชน์เพื่อเป็นวัตถุเติมอาหาร สารช่วยทางเภสัชกรรมและอาหารเสริมสุขภาพ ปรับสมดุลระบบทางเดินอาหารและระบบป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ในรูปแบบแป้งข้าวต้านทานการย่อยเพื่อรองรับพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยเสี่ยง ต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่มีสูงขึ้น จึงเป็นที่มาของการวิจัยเรื่อง "โยเกิร์ตข้าวก่ำ" โดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่สนใจศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ ป้องกันการก่อมะเร็งลำไส้ใหญ่ในรูปแบบโยเกิร์ตซินไบโอติกที่มีข้าวก่ำพื้น เมืองเป็นส่วนประกอบ ซึ่งพบว่าข้าวก่ำพันธุ์ลืมผัวมีความเหมาะสมที่สุดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โยเกิร์ต สำหรับแผนงานวิจัยโครงการนี้มีระยะเวลาทั้งสิ้น 3 ปี และได้ดำเนินการไปแล้ว 1 ปี กำลังอยู่ในขั้นตอนการจดสิทธิบัตร โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวานและผู้ที่แพ้กลูเตนในนมสามารถทานโยเกิร์ตนี้ได้ โดยไม่ต้องกังวล

โครงการ "น้ำตาลลำไย" 

"น้ำตาลลำไย" เป็นผลงานวิจัยโดดเด่นที่ทาง สวก.เป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โครงการนี้เกิดจากแนวคิดของทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ที่ ต้องการช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งช่วยลดปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำของลำไยสดร่วง จึงสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบ "ชุดระเหยสุญญากาศ และเครื่องหมุนเหวี่ยงแยกผลึกน้ำตาล" ที่สามารถผลิต "ผลึกน้ำตาลลำไยสำเร็จรูป" ในเชิงพาณิชย์ โดยใช้ลำไยสดร่วงเป็นวัตถุดิบ ด้วยกระบวนการใช้สารล่อผลึก (น้ำตาลซูโครส) ที่ร้อยละ 10 ต่อน้ำหนักก่อนนำไปอบสุญญากาศที่ 60 องศาเซลเซียส เพื่อได้ผลึกน้ำตาลลักษณะเม็ดเล็ก มีสี กลิ่น รสหวานของลำไยแบบธรรมชาติ และได้ผ่านการทดสอบต่าง ๆ จนได้ผลเป็นที่น่าพอใจทั้งในเชิงคุณภาพ สุขภาพ ความเป็นพิษ และเชิงพาณิชย์ ฯลฯ รวมทั้งการทดสอบทางการตลาดจากผู้บริโภคกลุ่มตัวอย่าง ขณะนี้ "น้ำตาลลำไย" ถูกต่อยอดขยายสู่ภาคธุรกิจแล้ว พร้อมเตรียมขยายขอบเขตไปเป็นผลไม้ชนิดอื่น

ทั้ง นี้ ผู้สนใจโครงการวิจัยต่าง ๆ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) - สวก. ที่โทร.0-2579-7435 แฟกซ์ 0-2579-8413 หรือคลิกเข้าไปดูรายละเอียดที่เว็บไซต์ www.arda.or.th


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags :

view