สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

บางปะกงน้ำเอ่อล้นจมบางคล้า

บางปะกงน้ำเอ่อล้นจมบางคล้า

จาก โพสต์ทูเดย์

มวลน้ำจากปราจีนบุรีไหลสมทบแม่น้ำบางปะกงเอ่อท่วมทหารเร่งนำกระสอบทรายทำกำแพงกั้นล้อม

วันนี้ (3 ต.ค.) นายอดุลย์ นาคบุนบุตร อยู่บ้านเลขที่ 7/3 หมู่ 4 ต.บางกระเจ็ด อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ขณะนี้มวลน้ำจากจ.ปราจีนบุรี ได้เริ่มไหลเอ่อเข้ามาท่วมบ้านเรือน ที่อยู่พักอาศัยระดับสูงประมาณ 50 ซม. ซึ่งคนในบ้านต้องพากันวิ่งวุ่นเก็บข้าวของหนีน้ำจากบริเวณชั้นล่างขึ้นสู่ ที่สูงบนชั้น 2 ของตัวบ้าน
 
นายอดุลย์ กล่าวอีกว่า บ้านเรือนพักอาศัยได้ถูกน้ำท่วมต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 แล้ว ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2554 ปี 2555 และปีนี้ 2556 เนื่องจากอยู่ใกล้เคียงกับแนวของลำน้ำบางปะกง และอยู่ไม่ห่างจากสถานีสูบระบายน้ำจากกรุงเทพฯประตูน้ำบางขนากมากนัก โดยขณะนี้น้ำได้เริ่มไหลเข้ามาท่วมหมู่บ้านที่อยู่ติดกับชายขอบของจังหวัด ปราจีนบุรีรวม 2 หมู่บ้านแล้ว คือ บ้านบางกระดาน และบ้านบางกระเจ็ด อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ติดกันกับ ต.บางแตน อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี
 
ขณะที่เจ้าหน้าที่จากมทบ.12 ค่ายจักรพงษ์ และทหารจากค่าย พล.ร.2 รอ. จ.ปราจีนบุรี ได้เร่งนำกระสอบทรายมาทำกำแพงกั้นล้อมรอบบริเวณพื้นที่โครงการส่วนพระองค์ บางแตน อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ซึ่งตั้งอยู่ริมลำน้ำบางปะกง ติดขอบจังหวัดรอยต่อกับ ต.บางขนาก อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อป้องกันน้ำท่วม
 
ทั้งนี้หลังจากตลอด 2 ปี ที่ผ่านมา เมื่อเกิดภาวะน้ำท่วมในปี 2554 และ 2555 พื้นที่โครงการดังกล่าวแห่งนี้ ได้ถูกปล่อยให้น้ำท่วมจมมิดหายไปทั้งโครงการมาแล้ว ซึ่งถือว่าในปีนี้ได้มีการเตรียมการเอาไว้รองรับดีขึ้นกว่าในทุกปีที่ผ่านมา ส่วนชาวบ้านในบริเวณโดยรอบจุดล่อแหลมดังกล่าวทั้งสองฝั่งน้ำในเขต อ.บางน้ำเปรี้ยว อ.คลองเขื่อน และ อ.บางคล้า ต่างได้พากันเร่งรีบเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร ทั้งนาข้าว นากุ้ง และบ่อปลา ทั้งที่ยังไม่ได้ตามขนาดที่ตลาดต้องการก็ตาม


น้ำใกล้ล้นเขื่อนป่าสักฯเร่งระบายออก

จาก โพสต์ทูเดย์

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ รายงานปริมาณน้ำเกือบเต็มเขื่อนแล้วเร่งระบายออก500 ลบ.ม./วินาที

รายงานสถานการณ์น้ำประจำวัน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ประจำวันที่ 3 ตุลาคม 2556  มีปริมาณน้ำ : 932.25 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 117.61% ของความจุอ่าง ที่ระดับเก็บกักปกติ หรือ 96.17% ของความจุอ่าง ที่ระดับเก็บกักสูงสุด ปริมาณน้ำไหลลงอ่าง 836.41 ลบ.ม./วินาที หรือ 72.27 ล้าน ลบ.ม./วัน ปริมาณน้ำฝน ณ หัวงานเขื่อน 5 ม.ม. ปริมาณการระบายเวลา 06.00 น. เท่ากับ 500.45 ลบ.ม./วินาที หรือ 43.24 ล้าน ลบ.ม./วัน

หมายเหตุ ระดับเก็บกักสูงสุด +43.00 ม.รทก. (ปริมาตร 960 ล้าน ลบ.ม.) โดยระดับเก็บกักปกติ +42.00 ม.รทก. (ปริมาตร 785 ล้าน ลบ.ม.)


ป่าสักพร่องน้ำเตือนท้ายเขื่อนเตรียมพร้อม

จาก โพสต์ทูเดย์

กรมชลประทาน ประกาศพร่องน้ำเขื่อนป่าสักที่ใกล้เต็มความจุเขื่อน ยันมีแผนระบายน้ำลดผลกระทบท้ายเขื่อน

กรมชลประทาน รายงานว่า สถานการณ์น้ำในแม่น้ำป่าสัก ล่าสุด (3 ต.ค. 56) เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำ 932 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 96% ของความจุเก็บกักสูงสุด (ที่ระดับ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร) ซี่งกรมชลประทาน ได้มีการพร่องน้ำออกจากเขื่อนป่าสักฯ เป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีฝนตกหนักทางตอนบน ในเขตตำบลบัวชุม อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพุบรี วัดปริมาณฝนสูงสุดได้ 130 มิลลิเมตร จากอิทธิพลของร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ส่งผลให้มีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลลงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และกรมชลประทาน ได้วางมาตรการการพร่องน้ำออกจากเขื่อนเป็นระยะๆ เพื่อลดผลกระทบต่อตัวเขื่อน

ปัจจุบัน กรมชลประทาน จำเป็นต้องพร่องน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในเกณฑ์ 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และควบคุมปริมาณน้ำให้ไหลผ่านเขื่อนพระรามหก ในเกณฑ์ประมาณ 600 – 620 ลูกบาศก์มตรต่อวินาที พร้อมทั้งรับน้ำส่วนหนึ่งเข้าคลองระพีพัฒน์ เพื่อลดยอดน้ำที่จะไหลผ่านเขื่อนพระรามหก ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อนมากนัก

กรมชลประทาน โดยสำนักชลประทานที่ 10 จึงได้แจ้งข้อมูลสถานการณ์น้ำไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเขตจังหวัด สระบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน ที่อาศัยอยู่พื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำป่าสัก ให้รับทราบข้อมูล และเตรียมพร้อมรับมือกับระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักที่จะเพิ่มสูงขึ้นในระยะต่อ จากนี้ จึงขอให้เฝ้าระวังติดตามสถานการน้ำอย่างใกล้ชิดต่อไปด้วย


น้ำท่วมพิบูลมังสาหารลดระดับเหลือ1เมตร

จาก โพสต์ทูเดย์

น้ำท่วมที่อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลฯเริ่มลดระดับลงเหลือ1เมตร ชาวบ้านทยอยขนของกลับบ้านพัก 

สถานการณ์น้ำท่วมที่ ต.ไร่ใต้ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ระดับน้ำที่เคยท่วมบ้านเรือนราษฎรสูงกว่า 2 เมตร ได้ลดระดับเหลือประมาณ 1 เมตร แต่การเข้าออกภายในหมู่บ้านยังคงต้องใช้เรือท้องแบน รถจีเอ็มซี ของศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 22 และรถบรรทุกใหญ่ของ อบจ.ในการสัญจรเข้าออกหมู่บ้านเท่านั้น ขณะเดียวกันได้มีชาวบ้านบางส่วนได้ทยอยขนของกลับเข้าภายในบ้านพัก
        
สำหรับ ต.ไร่ใต้ ถูกน้ำท่วมมาตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือน 14 หมู่บ้าน จากทั้งหมด 15 หมู่บ้าน มีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมทั้งสิ้น 1,129 หลังคาเรือน นาข้าวจมเสียหายนานกว่า 1 สัปดาห์แล้วกว่า 10,000 ไร่


ฝนตกหนักดินสไลด์ปิดถนนเมืองน่าน

จาก โพสต์ทูเดย์

ฝนตกหนักดินสไลด์ปิดถนนเมืองน่าน เตือน300หมู่บ้านเสี่ยงโคลนถล่ม

เมื่อวันที่ 3 ต.ค. อิทธิพลของพายุหวู่ติ๊บที่พัดผ่านประเทศไทย ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตามป่าภูเขาสูง ทำให้เกิดดินสไลด์ปิดเส้นทางหลายจุด โดยเฉพาะพื้นที่อ.บ่อเกลือ ต.บ่อเกลือเหนือ ตลอดเส้นทางไปอ.เฉลิมพระเกียรติและอ.ปัว ทางเจ้าหน้าที่แขวงการทางน่านที่ 2 และเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นต้องทำเครื่องหมายกันพื้นที่ เกรงการเกิดอุบัติเหตุ ประกอบกับเป็นเส้นทางคดเคี้ยว ขึ้นลงเขา รถบรรทุกใหญ่ไม่สามารถผ่านไปได้ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถนำเครื่องจักรขนาดใหญ่ขึ้นไปซ่อมแซมได้ เพราะยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง

ด้านจังหวัดน่านได้ประกาศแจ้งเตือนหมู่บ้านเสี่ยงภัยดินโคลนถล่มที่มี กว่า 300 แห่ง เฝ้าระวัง น้ำป่า ดินโคลนถล่มด้วย สำหรับถนนสายบ้านกอก-บ้านผาสุก ทางหลวงหมายเลข 1333 กม.ที่ 36+650 สายบ่อเกลือ-พระตำหนักภูฟ้า ถูกน้ำกัดเซาะขาดเสียหายยาวกว่า 30 เมตร เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมาสามารถเปิดใช้ได้เพียงเลนเดียว พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายประมาณ 60 ไร่ ทางราชการกำลังให้การช่วยเหลือ


บุรีรัมย์ฝนถล่ม-นางรอง100หมู่บ้าน

จาก โพสต์ทูเดย์

บุรีรัมย์ฝนตกหนัก นางรองจม 100 หมู่บ้าน ลำปะเทียล้นท่วมถนนสายโชคชัย-เดชอุดมสูงกว่า 30 ซม.

เมื่อวันที่ 3 ต.ค.อิทธิพลพายุใต้ฝุ่น"หวู่ติ๊บ"ส่งผลให้ในหลายพื้นที่จ.บุรีรัมย์ ฝนตกหนักติดต่อกัน 2 วัน ทำให้ปริมาณน้ำในลำปะเทีย ลำน้ำมาศ และลำนางรอง มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดปริมาณน้ำได้ไหลบ่าเอ่อท่วมถนนทางหลวงหมายเลข 24 สายโชคชัย - เดชอุดม ซึ่งเป็นถนนสายหลักมุ่งสู่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างบริเวณบ้าน ถนนหลัก ต.ถนนหัก บ้านทุ่งแหลม ต.นางรอง และบ้านทุ่งโบสถ์ ต.ทุ่งโบสถ์ อ.นางรอง สูง 30 เซนติเมตร ทำให้รถยนต์ที่สัญจรผ่านต้องใช้ความระมัดระวัง โดยเฉพาะรถเล็กส่งผลให้การสัญจรเป็นไปอย่างล่าช้าติดขัดยาวเป็นกิโลเมตร

นอกจากนี้น้ำยังเอ่อท่วมถนนทางเชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านหลายแห่งนับ 10 หมู่บ้าน น้ำสูงกว่า 50 เซนติเมตร ชาวบ้านต่างพาการนำแหมาทอดบนถนนได้ปลากันเป็นจำนวนมากพร้อมกันนี้ น้ำจากลำน้ำทั้ง 3 แห่งยังได้ไหลเอ่อท่วมขังไร่นาของเกษตรกรในเขตพื้นที่ อ.นางรอง 15 ตำบลกว่า 100 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนแล้วกว่า 500 ครัวเรือนระดับน้ำยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง นาข้าวของเกษตรกรที่กำลังตั้งท้องถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตรแต่ยังไม่มีรายงานความเสียหาย ทั้งยังไหลเอ่อท่วมโรงเรียนบ้านถนนหัก(เพียรประจงวิทยา) ต.ถนนหัก อ.นางรอง สูงกว่า 50 เซนติเมตรทางโรงเรียนต้องสั่งปิดทันที แม้กำหนดเดิมโรงเรียนจะปิดในวันที่ 10 ต.ค.นี้ก็ตาม เพราะนักเรียนสอบเสร็จแล้ว

ขณะที่ทางเทศบาลเมืองนางรอง ได้ระดมเจ้าหน้าที่นำอุปกรณ์เครื่องจักกลเข้าไปขุดเจาะถนนเปิดทางน้ำบริเวณ บ้านทุ่งแหลม ต.นางรอง ไปบ้านถนนหัก ต.ถนนหัก เพื่อให้น้ำไหลระบายลงสู่ลำน้ำมาศก่อนไหลงสู่ลำน้ำมูลได้สะดวกเป็นการ ป้องกันไม่ให้น้ำเอ่อท่วมขังบ้านเรือน ไร่นาของชาวบ้านทั้ง 2 หมู่บ้าน ที่มีบ้านเรือนราษฎรที่เสี่ยงถูกน้ำท่วมอยู่กว่า 150หลังคาเรือน โดยเทศบาลได้ทำสะพานไม้เป็นทางเชื่อมถนนที่ขุดเจาะเพื่อให้ประชาชนใช้สัญจร ไปมาเป็นการชั่วคราวไว้ก่อนจนกว่าน้ำจะลดเข้าสู่สภาวะปกติ

นายสุรศักดิ์  เพชรสว่าง อดีตสมาชิกสภา อบจ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า สาเหตุที่น้ำท่วมสูงในบางพื้นที่ของ อ.นางรองน่าจะเกิดจากมีการขยายตัวของเมือง ทั้งมีการถมที่ดินของตัวเอง ก่อสร้างบ้านจัดสรรและโรงงานเพิ่มมากขึ้นทำให้ขวางทางน้ำไหลเกิดการเปลี่ยน ทิศทางของน้ำ จึงเกิดน้ำท่วมครั้งนี้

ด้านนายชนาส ชัชวาลย์วงศ์ นายอำเภอนางรอง กล่าวว่า ฝนตกหนักจากอิทธิของพายุใต้ฝุ่น "หวู่ติ๊บ"ทำให้ อ.นางรอง ถูกน้ำท่วม  ประกอบกับน้ำในลำปะเทีย ลำน้ำมาศ และลำนางรอง มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำเอ่อเข้าท่วมขังบ้านเรือน ไร่นา โรงเรียน วัด ทั้งถนนสายหลักและสายรองในหมู่บ้านอย่างรวดเร็วเป็นบริเวณวงกว้าง ซึ่งขณะนี้ทางอำเภอได้สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งสำรวจพื้นที่ ประสบภัยที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมแล้ว
รายงานให้ทางอำเภอทราบเพื่อขอรับความช่วยเหลือจากทางจังหวัดต่อไป


ชาวนาวังทองลุยเกี่ยวข้าวจมน้ำ

จาก โพสต์ทูเดย์

ชาวนาวังทองลุยเกี่ยวข้าวน้ำท่วมที่ยังไม่เสียหายนำตากแดดให้แห้งก่อนนำเข้าร่วมโครงการจำนำข้าว

เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังฝนตกติดต่อกันหลายวันประกอบกับพนังกั้นน้ำแม่น้ำวังทอง แตกหลายจุด ทำเกิดน้ำไหลทะลักเข้าแปลงนาในพื้นที่ ต.วังพิกุล และ ต.แม่ระกา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ได้รับผลกระทบอย่างหนักในขณะนี้ โดยเฉพาะชาวนาที่ลงทุนปลูกข้าวถูกน้ำท่วมไปจำนวนหลายพันไร่ บางรายไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ทัน เนื่องจากกระแสน้ำได้ไหลท่วมอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้นข้าวจมอยู่ใต้น้ำเกือบทั้งหมด  ชาวนาจึงต้องลงทุนลุยน้ำเก็บเกี่ยวข้าวที่ยังไม่เน่าเสีย พอจะมีรายได้ต้นทุนกลับคืนมาบ้าง ส่วนบางบางจุดที่ระดับน้ำไม่มากชาวนาจะว่าจ้างรถเก็บข้าวในนาทันที หลังจากนั้นจะนำมาตากแดดให้แห้ง ก่อนนำไปเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว อย่างน้อยยังได้ต้นทุนกลับคืนมาบ้างเล็กน้อย 

นายขาว ทองสาน  อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ 11 ต.แม่ระกา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ทำนาประมาณ 10 ไร่ ลงทุนไปกว่าไร่ละ 3,500-4,000 บาท ถูกน้ำท่วมทั้งหมด แต่ยังพอใช้รถเก็บเกี่ยวไร่ละ 500 บาท จึงรีบนำมาตากแดดให้แห้ง ก่อนจะนำไปขายเงินสดได้ราคาเกวียนละ 5,000-6,000 บาทเท่านั้น แต่ไม่คุ้มทุนที่ลงไปแน่นอน

ด้านนายดอกรัก บัณฑิต  อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 9 ต.วังพิกุล อ.วังทอง กล่าวว่า ทำนาจำนวน 8 ไร่ ถูกน้ำท่วมทั้งหมด แต่ยังพอเก็บเกี่ยวได้ทัน สามารถเก็บเกี่ยวได้ประมาร 4 เกวียน หากนำไปขายราคาเงินสดจะได้เกวียนละ 6,000 บาท ถ้าเข้าโครงการจำนำข้าวจะได้เกวียนละ 10,000 บาท ซึ่งต้องรีบเก็บเกี่ยวดีกว่าไม่ได้อะไรเลย


กรมชลฯเร่งผันน้ำเข้าแก้มลิงอยุธยา

จาก โพสต์ทูเดย์

กรมชลประทานเร่งผันน้ำเข้าแก้มลิงอยุธยาแล้วจำนวน 1 แสนไร่

วันนี้ (3 ต.ค.) นายไมตรี ปิตินานนท์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งผันน้ำเหนือหลากเข้าทุ่งนา ที่กำหนดเป็นพื้นที่รับน้ำนองหรือแก้มลิง จำนวน 4 ทุ่ง รวมพื้นที่กว่า 1 แสนไร่
 
ทั้งนี้แยกเป็นจากแม่น้ำเจ้าพระยา ผันเข้า 2 ทุ่ง คือทุ่งบางบาล 1 และ ทุ่งบางบาล 2  ส่วนแม่น้ำน้อย ผันเข้าทุ่งผักไห่ และแม่น้ำลพบุรี เข้าทุ่งมหาราช ซึ่งทั้งหมดเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังรอบ 2 ไปหมดแล้ว  และจะเป็นการช่วย แบ่งเบาน้ำท่วม ริมแม่น้ำ ซึ่งมีระดับเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน
 
ด้าน นางอำไพ สุดสาคร ปลูกบ้านอยู่ในทุ่งบางบาล 1 กล่าวว่า น้ำท่วมหมู่บ้านกลางทุ่ง ในพื้นที่แก้มลิงแล้ว 2 หมู่บ้าน คือหมู่บ้านโรง และหมู่บ้านขวาง ซึ่งถนนเข้าชุมชนได้ถูกท่วม จึงเรียกร้องว่าหากจะให้แบกรับน้ำในทุก ๆ ปี ควรจะมายกถนนในชุมชนให้สูงกว่านี้ เพราะชาวบ้านเดือนร้อน พายเรือไกลกว่า 2 กิโลเมตร กว่าจะมาถึงจุดที่น้ำไม่ท่วม


คนจมน้ำท่วมเจอข้าวกล่องไม่สะอาดป่วย51คน

จาก โพสต์ทูเดย์

ผู้ประสบภัยน้ำท่วมอ.ประจันตคามกินข้าวกล่องรับบริจาคไม่สะอาด ป่วยอาหารเป็นพิษเข้ารพ.51คน

ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม ต.บ้านหอย อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี  กินข้าวกล่องเป็นข้าวผัดจากศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย เกิดอาการถ่ายท้อง อาเจียนและปวดท้องรุนแรง เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้ลำเลียงส่งรพ.ประจันตคาม

นพ.นพพร  พงษ์ปลื้มปิติชัย นายแพทย์สาธารณสุข จ.ปราจีนบุรี เปิดเผยว่า พบผู้ป่วยรวมจำนวน 36คน เป็นชายรวม 15 คนหญิง 21 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยอาการหนัก จำนวน 5 คน ได้นำส่ง รพ.ศรีมโหสถ 2 คน  และ รพ.ศรีมหาโพธิ จำนวน 3 คน ส่วนที่เหลือนอนรักษาอาการที่ รพ.ประจันตคาม ล่าสุดมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก 15 คน รวมผู้ป่วยจากอาหารเป็นพิษทั้งสิ้น 51 คน


น้ำป่าหลากท่วม19หมู่บ้านเลาขวัญ

จาก โพสต์ทูเดย์

น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วม 19 หมู่บ้านเลาขวัญเมืองกาญจน์ ซัดถนนขาดกว่า 20 เมตร

วันนี้ (3 ต.ค.) นายชาญวิทย์ ศุภกิจจานุสรณ์ นายอำเภอเลาขวัญ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า หลังจากฝนตกติดต่อกันมาเป็นระยะเวลานาน 3 วัน ทำให้ปริมาณน้ำสะสมในพื้นที่มาก นอกจากนี้กระแสของน้ำยังได้ไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรไเสียหาย โดยเฉพาะไร่มันสำปะหลังของเกษตรกร ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่อำเภอ ลงพื้นที่ตรวจสอบในเบื้องต้นแล้ว พร้อมทั้งให้ผู้นำท้องถิ่นเร่งตรวจสอบพื้นที่ที่รับผิดชอบให้รายงาน สถานการณ์น้ำท่วมให้ทราบ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับราษฎรได้อย่างรวดเร็ว

ด้านการจราจร ที่ได้รับความเสียหายหนัก คือ ถนนสายเชื่อมระหว่าง หมู่ 6 และหมู่ 8 ต.หนองโสน ถูกกระแสน้ำพัดขาดเป็น 2 ช่วง กว้าง 6 เมตร ยาว 20 เมตร ประชาชนทั้ง 2 หมู่บ้านสัญจรไปมาไม่ได้ ส่วนของบ้านเรือนราษฎรอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ขณะที่ ฝายน้ำคลุ้ง น้ำได้เพิ่มปริมาณมากขึ้น ทำให้น้ำเริ่มเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่เกษตรที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เร่งเปิดประตูระบายน้ำให้น้ำระบายลงสู่คลองหมื่นเทพเป็น ที่เรียบร้อย

นอกจากนี้ พื้นที่เทศบาลตำบลเลาขวัญก็ถูกน้ำท่วมเช่นกัน แต่ไม่มากนัก โดยเฉพาะบริเวณ สภ.เลาขวัญ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเครื่องสูบน้ำมาสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่เกือบเป็น ปกติแล้ว อย่างไรก็ตามหากฝนไม่ตกลงมาอีก คาดว่าคงเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเดือดร้อนของประชาชนแล้ว

ด้านนายเอกภพ จันทร์เพ็ญ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ฝนที่ตกหนักทำให้เกิดน้ำป่าได้ไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ 4 ตำบล ของ อ.เลาขวัญ ประกอบด้วย ต.หนองฝ้าย ต.หนองปลิง ต.หนองโสน และ ต.ทุ่งกระบ่ำ ระดับน้ำสูงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30 เซนติเมตร แต่ปัจจุบันระดับน้ำเริ่มลดลงสู่ภาวะปกติแล้ว เนื่องจากเป็นน้ำป่า จึงทำให้กระแสน้ำไหลมาเร็วและระบายออกไปเร็วเช่นกัน สำหรับความเสียหายเบื้องต้นพบว่า มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 19 หมู่บ้าน ประมาณ 400 ครัวเรือน พื้นที่เกษตรกำลังอยู่ระหว่างการสำรวจ ถนนลูกรังได้รับความเสียหาย 22 สาย


ชาวสุรินทร์จมน้ำดับรายที่ 11

จาก โพสต์ทูเดย์

ชาวรัตนบุรีเมืองสุรินทร์จมน้ำเสียชีวิตเป็นรายที่ 11 ขณะออกไปดูนาข้าวถูกน้ำท่วมนานนับสัปดาห์

วันนี้(3 ต.ค.56) เจ้าหน้าที่ตตำรวจ สภ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีชาวบ้านจมน้ำเสียชีวิต 1 นาย ทราบชื่อว่าเป็น นายสุกรรณ์ สุทธิจันทร์  อยู่บ้านเลขที่110 หมู่ 1 ต.ทับใหญ่ อ.รัตนบุรี สาเหตุมาจากผู้เสียชีวิตไปตรวจที่นาที่ปลูกข้าวไว้กับอา 2 คน ขณะที่ผู้เสียชีวิตได้ลงน้ำไปดูข้าวในนา ที่น้ำท่วมลึก แต่ลืมว่า จุดที่ลงไปเจอหลุมลึก เนื่องจากน้ำขึ้นสูงมากเลยจมน้ำเสียชีวิต
 
ขณะ ที่ญาติที่ไปด้วยพยายามที่จะช่วยชีวิตแต่ก็ช่วยไม่ทันจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ ตำรวจเพื่อขอให้ช่วยประสานงาน กู้ภัยรัตนบุรี และอาสาสมัครกู้ภัยสุรินทร์ หน่วยกู้ชีพใต้น้ำ ได้เดินทางไป ช่วยกันงมหาศพ ในบริเวณกลางทุ่งนากว้างใหญ่ที่ถูกน้ำท่วมสูงและน้ำยังไหลแรงอีกด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องงมหาศพใช้เวลาถึง 6 ชั่วโม พบศพเมื่อเวลา 18.30 น.ของค่ำวานี้ จากนั้นได้นำศพส่งโรงพยาบาลรัตนบุรี เพื่อผ่าศพพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิต และมอบศพให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
 
สำหรับน้ำท่วมจ.ครั้ง ใหญ่ในรอบ 50 ปีทำให้มีประชาชนจมน้ำเสียชีวิตรวมแล้ว 11 ราย แบ่งเป็นผู้หญิง 6 ราย ผู้ชาย 5  ราย ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการออกไปหาจับปลาและลงเล่นน้ำที่ไหลเชี่ยว  ทั้งนี้ทางจ.สุรินทร์ ได้เยียวยาช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยที่เสียชีวิต ศพละ 25,000 บาท หากผู้เสียชีวิตเป็นหัวหน้าครอบครัวได้ให้การช่วยเหลือเพิ่มอีก 25,000 บาท รวมทั้งสิ้น 50,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีมูลนิธิปอเต็กตึ้ง กรุงเทพฯ ให้การช่วยเหลือผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าวอีก ศพละ 10,000 บาท โดยได้ประสานผ่านมูลนิธิสุรินทร์สามัคคีกุศลสถานสงเคราะห์ กู้ภัยสุรินทร์ “จิบเต็กเซียงตึ้ง”


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags :

view